ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเราวันนี้ ไม่มีใครดังเกินสม รังสี อีกแล้วครับ ถ้าจะย้อนบทบาททางการเมืองของนายสม ก็ต้องย้อนกลับไปถึงสมัยที่สหประชาชาติตั้งองค์กรพิเศษที่เรียกว่า UN Transitional Authority in Cambodia หรือ ‘หน่วยงานเพื่อใช้อำนาจที่ชอบธรรมในการเปลี่ยนผ่านในกัมพูชาของสหประชาชาติ’ หรือ ‘อันแทค’ ซึ่งสหประชาชาติตั้งใจจะนำสันติภาพกลับมาสู่กัมพูชาจนครบถ้วนทั้ง 7 ขั้นตอนภายใน พ.ศ.2536อันแทคมีเจ้าหน้าที่จาก 20 ชาติมาอยู่ในกัมพูชา 22,000 คน ตอนนั้น สม รังสี มีอายุแค่สี่สิบต้นๆ เป็นคนมีอนาคตมาก จบการศึกษาจากฝรั่งเศส เป็นคนเก่งกล้าสามารถถึงขนาดทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินให้สถาบันสำคัญในฝรั่งเศสมาแล้วจะรู้ซึ้งถึงรากปัญหาการเมืองในกัมพูชาก็ต้องนึกถึงมาตรา 12 ของข้อตกลงปารีส เรื่องการเลือกตั้งที่ให้มีสมาชิกสภาจากเขตเลือกตั้ง 120 คน ซึ่งนายสมก็เป็น 1 ใน 120 ที่เป็นตัวแทนจากจังหวัดเสียมราฐ ทั้งที่มีพวกเขมรแดงขัดขวางการเลือกตั้ง แต่ก็ยังมีคนกัมพูชาออกมาใช้สิทธิใน พ.ศ.2536 มากถึง 4.2 ล้านคนสังคมกัมพูชาแบ่งเป็นฝ่ายนิยมกษัตริย์และนิยมเวียดนาม นายสมเป็น ส.ส.ครั้งแรกสังกัดพรรคฟุนซินเปก ซึ่งอยู่ฝ่ายนิยมกษัตริย์ที่มีเจ้านโรดม รณฤทธิ์ เป็นหัวหน้า พรรคฟุนซินเปกได้ ส.ส.มากถึง 58 ที่นั่ง ส่วนพรรคประชาชนกัมพูชาของฮุน เซน ได้ ส.ส.เพียง 51 ที่นั่งถ้าว่ากันตามหลักประชาธิปไตยสากล เจ้ารณฤทธิ์ก็ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว แต่ฮุน เซน ไม่ยอม จึงต้องมีนายกฯ 2 คน อันแทคจัดการเลือกตั้งในกัมพูชาได้ก็จริง และไม่สมบูรณ์ การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในกัมพูชาจึงมีปัญหาต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้นายกฯ 2 คนต่างจ้องทำลายทรัพยากรมนุษย์ในพรรคของฝ่ายตรงข้าม นักการเมืองที่คนกัมพูชามองว่าเก่งกล้าสามารถในตอนนั้นคือรัฐมนตรีคลังที่มีอายุ 44 ปีที่มีชื่อว่านายสม ฝ่ายฮุน เซน จึงกดดันให้ปรับคณะรัฐมนตรีในเดือนตุลาคม 2537 โดยให้ปลดนายสมออกจากรัฐมนตรีนายสมเหมือนเมล็ดพันธุ์ การถูกปลดจากรัฐมนตรีคลังครั้งนั้น แกเป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์ที่ถูกเอาไปฝังดิน เมื่อเจอฝนก็งอกขึ้นมาใหม่และได้รับความนิยมจากประชาชนสูงขึ้น ในพรรคฟุนซินเปกเองมีคนอิจฉาริษยานายสมเยอะ พ.ศ.2538 นายสมจึงโดนมติเสียงข้างมากจากสภาให้พ้นสมาชิกภาพ และโดนมติพรรคให้พ้นจากสมาชิกภาพพรรคฟุนซินเปกด้วยโดนกระหน่ำจากทั้งฝ่ายตรงข้ามและฝ่ายของตัวเอง นายสมจึงไปตั้งพรรคชาติเขมร แต่รัฐบาลจากทั้ง 2 พรรคประกาศว่า ‘ชาติเขมร’ เป็นพรรคการเมืองนอกกฎหมาย ต่อมา สม รังสี จึงออกมาตั้ง ‘พรรคสม รังสี’ และนำพรรคนี้เข้าสู่การเลือกตั้งครั้งที่ 2 ของประเทศ ใน พ.ศ.2541พรรคสม รังสี ได้ ส.ส.เป็นอันดับ 3 (ประชาชนกัมพูชาได้ 64 คน ฟุนซินเปกได้ 43 คน สม รังสีได้ 15 คน) ที่จริงพรรคสม รังสีต้องได้ ส.ส.มากกว่านี้ แต่ กกต.เขมรทั้ง 11 คน ดันเปลี่ยนแปลงสูตรในการคำนวณคะแนนเสียงเป็นที่นั่งให้กับแต่ละพรรคกกต.เขมรทั้งหมดตั้งโดยสมเด็จฮุน เซน เมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้ว กกต.ก็เปลี่ยนแปลงสูตรการคำนวณ ทำให้พรรคประชาชนกัมพูชาของฮุน เซนได้ ส.ส.เพิ่ม 5 คน ส่วนพรรคอื่นได้ ส.ส. น้อยลง ความไม่ยุติธรรมในการคำนวณคะแนนของ กกต.สร้างปัญหาให้กับระบอบประชาธิปไตยในกัมพูชาอย่างเรื้อรังมาอย่างยาวนานคนหนุ่มสาวชอบนายสมตรงที่แกเป็นคนรุ่นใหม่มีความรู้ พอการเลือกตั้งครั้งที่ 3 ใน พ.ศ.2546 ผู้คนก็เลือกพรรคสม รังสีกันมากถึง 1.13 ล้าน แต่ก็นั่นละครับ กกต.คำนวณคะแนนให้พรรคสม รังสีมี ส.ส.ได้เพียง 24 คนคราวนี้นายสมไม่ยอม แกไปร่วมก่อตั้งพันธมิตรของนักประชาธิปไตย ขัดขวางไม่ให้ฮุน เซน เป็นนายกฯ จากนั้น ชีวิตของแกก็เสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางมาโดยตลอดการต่อสู้กับระบอบการเมืองในกัมพูชาของนายสมน่าสนใจครับ วันหน้าจะมาเล่ารับใช้ว่า นายสมต้องต่อสู้กับอะไรบ้าง.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com