หั่นราคาลงอย่างแรง แถมให้มากกว่าที่คิด โดยชูจุดเด่นกล้อง 3 ตัว เพื่อหวังปั้น iPhone 11 รุ่นใหม่ ทั้ง 3 โมเดล ให้ฮิตฮอตติดตลาดแซงหน้าคู่แข่ง มันช่างเป็นการเปิดตัวไอโฟนที่ดูโฉ่งฉ่างขึ้นทุกวัน!! ลองจินตนาการว่าถ้า “สตีฟ จ็อบส์” ยังมีชีวิตอยู่ เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ๆ เพราะสำหรับเขาแล้วถ้าไม่เลิศสุดๆอย่างไม่เคยมีมาก่อน ก็สมควรรื้อทิ้งไปซะ...ดีกว่าปล่อยออกไปแบบห่วยๆตอนเปิดตัว iPhone เครื่องแรก เมื่อปี 2007 “จ็อบส์” สั่งให้ทีมงานรื้อดีไซน์ใหม่หมด ทั้งๆที่ทุ่มเทกันมาเกือบตายตลอด 9 เดือนเต็ม เพียงเพราะหน้าตาไม่โดนใจ!! แต่ผลจากความจู้จี้และแสวงหาความสมบูรณ์แบบของ “จ็อบส์” ทำให้ได้สมาร์ทโฟนที่ปฏิวัติโลกและพลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์อย่างมโหฬาร แถมยังสร้างความปั่นป่วนดิสรัปชันโลกทั้งโลกมาจนถึงทุกวันนี้แม้ตอนแรกจะโดนคู่แข่งโจมตีว่ามันเป็นโทรศัพท์มือถือแพงเว่อร์ที่สุดในโลก เพราะเปิดตัวด้วยสนนราคาสูงลิ่วถึง 500 ดอลลาร์ สหรัฐฯ แต่ผู้คนก็ยังหลั่งไหลมาเข้าคิวซื้อแน่นเอี้ยดทุกวัน แค่ภายในเวลา 3 ปี แอปเปิลขายไอโฟนไปได้มากกว่า 90 ล้านเครื่อง สร้างปรากฏการณ์ฮือฮาไปทั่วทุกมุมโลก และยังคงสร้างปรากฏการณ์คลั่งไอโฟนรุ่นต่อๆมาได้กระทั่งหมดยุค “จ็อบส์”บุคลิกของ “จ็อบส์” สะท้อนอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นความบ้างาน, การแสวงหาความสมบูรณ์แบบ, ความหมกมุ่น, ความเป็นศิลปิน, ความเรียบง่าย, ความเกรี้ยวกราด และความร้ายกาจดุจปีศาจ สำหรับเขาคนนี้แล้ว ถ้าไม่ “เลิศสมบูรณ์แบบ” ก็คือ “ห่วยแตก” หรือถ้าไม่ “ฉลาดปราดเปรื่อง” ก็ต้อง “โง่บรมไม่เอาไหน” เขาเป็นคนสุดโต่งที่สะกดคำว่าพอประมาณไม่เป็นคนที่เคยร่วมงานกับเขารู้ดีว่า การนิ่งเงียบของ “จ็อบส์” สามารถเสียดแทงใจคนได้อย่างรุนแรงไม่แพ้คำพูดเผ็ดร้อนและโผงผางเอาแต่ใจ เขาฝึกฝนที่จะจ้องหน้าคนเขม็งได้นานๆโดยไม่กะพริบตา ในขณะที่พรรณนาให้คนเคลิ้มถึงความเจ๋งของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ พอๆกับที่บรรยายถึงความลึกซึ้งในบทเพลงของ “บ็อบ ดีแลน” เขาก็ทำให้คนขนพองสยองเกล้าได้เวลาวิพากษ์วิจารณ์ Google หรือ Microsoft อย่างดุเด็ดเผ็ดมันว่าลอกไอเดียจากแอปเปิล“จ็อบส์” เชื่อมาตลอดว่า การฝึกสมาธิแบบเซน มีส่วนช่วยให้เขาสามารถโฟกัสกับอะไรได้อย่างเขม็ง ขณะเดียวกัน ก็สอนให้กลั่นกรองสิ่งที่ไม่จำเป็นออก คงเหลือไว้แต่จิตวิญญาณเรียบง่าย แม้จะทำสมาธิมาครึ่งค่อนชีวิต แต่น่าเสียดายที่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ช่วยดึงสติให้เขาสงบเยือกเย็นลงอย่างที่ควรเป็น เขาคืออัจฉริยะโลกยุคใหม่ที่คนรักพอๆกับชังน้ำหน้า แต่ “จ็อบส์” ไม่เคยปิดบังความร้ายกาจ และมักประกาศอย่างขวานผ่าซากว่า “ผมมีหน้าที่บอกว่าอะไรห่วย ไม่ใช่คอยพูดอวยใคร”.มิสแซฟไฟร์