จุดยุทธศาสตร์–ภาพมุมสูงของเมืองอิดลิบ ซึ่งกองทัพรัฐบาลซีเรียที่มีรัสเซียภายใต้การนำของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินสนับสนุน ต้องการยึดให้ได้ เพื่อเอาชนะสงครามกลางเมืองซีเรียที่ยืดเยื้อมากว่า 7 ปี (เอเอฟพี/รอยเตอร์)ประเด็นร้อนที่สุดในเวทีโลกยุคนี้ นอกจากเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เรื่องนิวเคลียร์อิหร่านและเกาหลีเหนือ ยังมีเรื่อง “สงครามซีเรีย” ที่จวนลงเอย เพราะกองทัพรัฐบาลซีเรีย ซึ่งมี “รัสเซีย” กับ “อิหร่าน” เป็นพันธมิตร จ้องบุกยึดภูมิภาค “อิดลิบ” ที่มั่นสุดท้ายของกบฏซึ่งมีสหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตกหนุนหลังเมื่อ 17 ก.ย. รัสเซียเพิ่งบรรลุข้อตกลงกับ “ตุรกี” ตั้งเขตกันชนในภูมิภาคอิดลิบ เพื่อให้ฝ่ายกบฏยอมวางอาวุธหนักและอพยพออกจากอิดลิบพร้อมกับพลเรือนนับล้านคน เพื่อป้องกันวิกฤติด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่ ผู้คนล้มตายมหาศาล ในกรณีที่จำเป็นต้องบุกยึดอิดลิบขั้นแตกหัก ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีกับสหรัฐฯตึงเครียดถ้ายึดอิดลิบได้ รัฐบาลซีเรียภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด จะเป็นผู้ชนะสงครามที่ยืดเยื้อมากว่า 7 ปี มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 4 แสนคน และรัสเซียซึ่งเข้าไปช่วยรบ จะเข้ายึดหัวหาดในซีเรียได้อย่างแข็งแกร่งด้วย โดยประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย มุ่งมั่นจะใช้ซีเรียเป็นฐานแผ่ขยายอิทธิพลในภูมิภาคตะวันออกกลางในระยะยาว ขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณแข็งกร้าวว่า สหรัฐฯและพันธมิตรอย่าจุ้นเด็ดขาดรัสเซียซึ่งระดมสรรพกำลังทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ เข้าไปช่วยรัฐบาลซีเรียรบ สร้างผลงานได้เฉียบขาดยอดเยี่ยม นอกจากจะช่วยปราบกบฏได้แล้ว ยังขยี้ “กองกำลังรัฐอิสลาม” (ไอเอส) ได้ราบคาบ ซึ่งสหรัฐฯ และพันธมิตรทำไม่ได้ ส่งผลให้บารมีของรัสเซียพุ่งกระฉูดปูตินยัง “มองข้ามช็อต” ว่า เมื่อรัฐบาลซีเรียชนะสงครามกลางเมืองแล้ว รัสเซียจะไม่ถอนตัวกลับ แต่จะยิ่งฝังรากลึก ทั้งด้านการเมือง การทหาร เศรษฐกิจ การค้า และต้องการจัดระเบียบ “ความมั่นคง” ในภูมิภาคตะวันออกกลางใหม่ ไม่ให้สหรัฐฯและพันธมิตรเป็นผู้คุมเกม-บงการแต่ฝ่ายเดียวอีกต่อไป!ซีเรียเป็น “ลูกค้า” ซื้ออาวุธจากรัสเซียมานานก่อนมีสงครามกลางเมือง และเมื่อเร็วๆนี้ เพิ่งซื้อระบบขีปนาวุธ “เอส–200” จากรัสเซียไปเสริมเขี้ยวเล็บ นอกจากเรื่องการทหาร ซีเรียกับรัสเซียยังเป็น “หุ้นส่วนการค้า” ที่เหนียวแน่น และรัสเซียกำลังขยายความสัมพันธ์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในด้านอื่นๆ รวมทั้งมีโครงการเข้าไปลงทุนสร้างถนน รถไฟ ท่อส่งน้ำมัน ตึกระฟ้า และอาคารบ้านเรือนที่พังพินาศจากสงคราม รวมทั้งจากฝีมือของกองทัพรัสเซียเองปูตินสนับสนุนให้บริษัทเอกชนของรัสเซียเข้าไปลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐาน ฟื้นฟูบูรณะซีเรียหลังสงคราม โดยเมื่อต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทรัสเซีย 38 บริษัทก็เข้าร่วมนิทรรศการแสดงสินค้าและอาวุธ “ดามัสกัส อินเตอร์เนชั่นแนล แฟร์” ที่เมืองหลวงของซีเรียนิทรรศการเช่นนี้ถูกจัดขึ้นแล้วอย่างน้อย 4 ครั้งในรอบปีนี้ โดยมีเป้าหมายฟื้นฟูการค้าระหว่างรัสเซียกับซีเรีย ซึ่งอาจขยายต่อยอดไปยังประเทศอื่นๆในภูมิภาคนี้ด้วย ปักธง–ทหารรัสเซียปักธงชาติรัสเซียที่จุดผ่านแดน เมืองอาบู ดูเฮอร์ ทางตะวันออกของเมืองอิดลิบ ที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายกบฏซีเรีย หลังรัสเซียและตุรกีบรรลุข้อตกลงตั้งเขตกันชนในภูมิภาคอิดลิบ (เอเอฟพี)ในวันเดียวกับที่รัสเซียและตุรกีลงนามข้อตกลงตั้งเขตกันชน พวกนักธุรกิจรัสเซียนับร้อยคนก็เดินทางออกจากกรุงดามัสกัสกลับรัสเซียพร้อมด้วยสัญญาและสัมปทานต่างๆ มากมายที่ทำไว้กับซีเรีย โดยบริษัทรัสเซียพยายามขยายฐานการค้าให้มีความหลากหลายขึ้น รวมทั้งภาคอาหาร เกษตรกรรม พลังงาน ฯลฯ ไม่ใช่เพียงแค่ฟื้นฟูความร่วมมือทางการค้าที่เคยมีในอดีตเท่านั้นจะเห็นได้ว่า รัสเซียกำลังใช้นโยบาย “เศรษฐกิจเชิงยุทธศาสตร์” ในซีเรียหลังสงครามยุติ และเท่าที่ผ่านมา รัสเซียมักเดินก้าวล้ำกว่ามหาอำนาจตะวันตก 1 ก้าวเสมอในเรื่องซีเรีย สาเหตุหนึ่งที่ทำได้ไร้ปัญหา เพราะปูตินคือผู้นำที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ได้ตลอด โดยไม่มี “ฝ่ายค้าน” คอยขัดขวางกระบวนการสร้างสันติภาพกับอิหร่านและตุรกีของรัสเซีย ซึ่งเรียกกันว่า “แอสตานา พีซ โพรเซส” ก็ประสบความสำเร็จอย่างสูง จนทูตของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) รับเอามาใช้เป็นนโยบายของตนเอง ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ใช้นโยบายแข็งกร้าวกับอิหร่านและตุรกี รวมทั้งถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน ซึ่งรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา และเหล่ามหาอำนาจโลกทำไว้ในปี 2558ความเคลื่อนไหวของรัสเซียในซีเรียถูกมหาอำนาจตะวันตกจับตามองอย่างใกล้ชิดหวาดระแวง และในระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) ประจำปี ที่นครนิวยอร์ก ที่ปิดฉากลงไม่นานมานี้ มหาอำนาจตะวันตกพยายามไม่ให้ตัวเองถูกตัดออกจากวงจรอนาคตของซีเรียระหว่างการประชุมยูเอ็นจีเอ เหล่านักการทูตของสหภาพยุโรป (อียู) จัดการประชุมนอกรอบกับทูตยูเอ็นว่าด้วยกิจการซีเรีย ส่วน “ฝรั่งเศส” ก็เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกลุ่มเล็กๆ เพื่อพยายามมีส่วนร่วมในอนาคตซีเรีย ซึ่งทั้งสองเวทีนี้ “รัสเซีย” ไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมด้วย!เดือน ต.ค.นี้ จะเป็นจุดพลิกผันที่สำคัญยิ่งของสงครามซีเรีย ต้องเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิด แต่เหนือสิ่งอื่นใด มหาอำนาจตะวันตกนำโดยสหรัฐฯดูจะแพ้รัสเซียราบคาบในเกมนี้ และยากที่จะไล่ตามทันเกมรัสเซียในอนาคตอันใกล้!บวร โทศรีแก้ว