วารสาร Nature Ecology & Evolution ได้รายงานล่าสุดว่า ทีมขุดเจาะในประเทศอาร์เจนตินา ได้ค้นพบซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิล (fossil) สายพันธุ์ไดโนเสาร์ชนิดหนึ่งในพื้นที่บัลเด เดอ เลเยส (Balde de Leyes) ของเมืองซานฮวน ห่างจากทางตะวันตกของกรุงบัวโนสไอเรสประมาณ 1,100 กิโลเมตร ซากฟอสซิลดังกล่าวได้รับการตั้งชื่อว่าอิงเกนเทีย พริมา (Ingentia prima) มีขนาดใหญ่กว่าไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุคไทรแอสสิก (Triassic) ถึง 3 เท่า หลักฐานที่พบคือซากฟอสซิลกระดูกสันหลังหลายส่วนจากคอและหาง รวมทั้งกระดูกขาหน้าและขาหลัง นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยซานฮวนเผยว่า ก่อนการค้นพบครั้งนี้เคยมีความคิดว่าไดโนเสาร์ยักษ์มีการพัฒนาสายพันธุ์ในช่วงยุคจูราสสิกเมื่อ 180 ล้านปีก่อน แต่ไดโนเสาร์ยักษ์อิงเกนเทีย พริมาน่าจะมาจากปลายยุคไทรแอสสิกประมาณ 205 ล้านปีที่ผ่านมา ซึ่งยุคไทรแอสสิกเป็นช่วงเวลาที่ไดโนเสาร์เพิ่งเริ่มปรากฏตัวและไดโนเสาร์ตัวแรกมีขนาดเล็ก โดยขณะที่พวกมันมีวิวัฒนาการของสภาพร่างกายใหญ่โตขึ้นนั้น ก็มีแนวโน้มที่จะดุร้ายขึ้นด้วยเพื่อปกป้องตนเองจากการถูกล่าอิงเกนเทีย พริมาจัดเป็นไดโนเสาร์ชนิดกินพืช ในตระกูลซอโรพอด (sauropod) มีคอและหางที่ยาวมากๆ เดินด้วย 4 เท้า เชื่อว่าอาจสูงได้ถึง 8-10 เมตร แต่ซากฟอสซิลที่พบนี้เป็นไดโนเสาร์รุ่นหนุ่มสาวสูงราว 6-7 เมตร น้ำหนักประมาณ 10,000 กิโลกรัมเทียบเท่ากับน้ำหนักช้างแอฟริกา 2-3 ตัว อย่างไรก็ตาม นักวิจัยเผยว่า ไดโนเสาร์ยักษ์ชนิดนี้แสดงถึงวิธี การเติบโตอย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อน และบ่งชี้ว่าไดโนเสาร์มีชีวิตอยู่มานานกว่าที่เคยคิดไว้.