ที่ประชุมรมต.ต่างประเทศสันนิบาตอาหรับ ลงมติเป็นเสียงเดียวกัน คำประกาศของทรัมป์ รับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงอิสราเอล ถือเป็นเรื่องผิดกฏหมาย จุดชนวนความโกรธแค้น ภูมิภาคตะวันออกลางจะเกิดโกลาหล นองเลือดเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ในกรุงไคโร อียิปต์ ที่ประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศสันนิบาตชาติอาหรับ 22 ประเทศในตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ ซึ่งรวมถึงพันธมิตรของสหรัฐฯอย่างซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จอร์แดน ลงมติเห็นชอบระหว่างร่วมการประชุมฉุกเฉินที่กรุงไคโรว่า คำประกาศของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่รับรองนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงอิสราเอลนั้น เป็นเรื่องผิดกฎหมายและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างรุนแรง เห็นชัดว่าสหรัฐฯเลือกที่จะเข้าข้างผู้ยึดครอง ด้วยเหตุนี้จึงถือว่าสหรัฐฯถอนตัวจากการเป็นผู้สนับสนุน และตัวกลางในกระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์มติของสันนิบาตชาติอาหรับระบุต่อไปว่า การตัดสินใจของนายทรัมป์ยังเป็นการเพิ่มความขัดแย้ง จุดชนวนความโกรธแค้นและจะทำให้ภูมิภาคเต็มไปด้วยความรุนแรง ความโกลาหล การนองเลือด ซึ่งที่ประชุมขอเน้นย้ำว่า สิ่งเดียวที่จะมายุติความขัดแย้งอาหรับ-อิสราเอลได้ คือการสร้างรัฐปาเลสไตน์ โดยมีพื้นที่ทางตะวันออกของนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวง ทั้งหลังจากนี้ กลุ่มชาติอาหรับจะเริ่มการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจระดับนานาชาติ เพื่อชี้ให้เห็นว่าการตัดสินของสหรัฐฯมีผลกระทบในระดับไหน ขณะที่นายอาห์เหม็ด อากูล-กีต เลขาธิการสันนิบาตชาติอาหรับ ยังเปิดเผยว่า ที่ประชุมได้เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอสซี ลงมติประณามการตัดสินใจของนายทรัมป์ และถึงมีโอกาสที่ตัวแทนสหรัฐฯจะใช้สิทธิสมาชิกถาวรคัดค้านวีโต้ ที่ประชุมก็จะเรียกร้องให้ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติลงมติประณามแทน ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานด้วยว่ามติการประชุมของสันนิบาตชาติอาหรับ เป็นเพียงแค่การต่อต้านทางวาจา ยังไม่มีการออกมาตรการต่อสหรัฐฯอย่างชัดเจน อาทิ การลดความสัมพันธ์ หรือต่อต้านสินค้าส่วนกองกำลังติดอาวุธฟาตาห์ของปาเลสไตน์ ออกแถลงเรียกร้องให้ชาวปาเลสไตน์ขยายการเผชิญหน้าในพื้นที่ที่กองทัพอิสราเอลประจำการ ขณะที่นายมาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ระบุว่า จะไม่เข้าพบนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเดินทางเยือนภูมิภาคปลายเดือน ธ.ค.