ควงคู่กันเปิดตัวครั้งแรก พร้อมเปิดธุรกิจ Glow Plus Wellness ธุรกิจสุขภาพและความงาม ที่ Brighton Grand Hotel Pattaya ที่สาว บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ พร้อมหวานใจ ฟลุค-สหวัสส์ ภักดีมงคลโรจน์ บริหารร่วมกัน เลยอัปเดตเรื่องหัวใจหลังโดนจับตาเริ่มจาก เปิดธุรกิจแล้ว เปิดตัวด้วยเลย? บีกล่าว “จริงๆแล้วเราทำงานด้วยกัน มีอะไรก็ปรึกษากันตลอด การทะเลาะกันเรื่องงานคือน้อยมาก เพราะว่าเรามีเหตุผลทั้งคู่ แล้วก็จะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมายุ่งเกี่ยวกับงาน”ตัดสินใจยากมั้ยก่อนที่จะมาทำธุรกิจร่วมกับแฟนตัวเอง? บี “ไม่ยากเลย อย่างที่บอกว่าเค้าเป็นคนมีเหตุผล ไม่ได้มีการเอารัดเอาเปรียบ ต่างคนต่างทำงานในด้านตัวเอง แต่การที่มายืนอยู่ตรงนี้ด้วยกัน เค้าเกร็งแน่นอนค่ะ (ยิ้ม)” ฟลุค “กล้องมันเยอะมากเลย ไม่ชิน”หลังเปิดตัวมากขึ้นแล้ว มีฟีดแบ็กมาถึงทั้งคู่ยังไงบ้าง? บี “คือจริงๆไม่ได้ปิดบังเพราะว่าทุกคนก็น่าจะรู้กันอยู่แล้ว แต่เราไม่ได้ต้องการที่จะมาโชว์ เพียงแต่ว่าวันนี้มันเป็นในส่วนของงาน ตามมารยาทเราก็ต้องออกมาพูดเกี่ยวกับงานที่เราทำวันนี้ เพื่อให้รู้ว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่”การทำธุรกิจด้วยกันครั้งนี้ เป็นการวางรากฐานอนาคตร่วมกันหรือเปล่า? บี “นอกจากบีเป็นนักแสดงแล้ว บีก็อยากมีธุรกิจอื่นๆ ซึ่งจริงๆบีก็ทำเยอะมาก ส่วนที่คนจะมองว่าเปิดธุรกิจครั้งนี้เหมือนเป็นการโอเพ่นเรื่องความรักหรือเปล่า คือมันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่หมอดูบอกว่าอย่าเพิ่งเปิด แล้วเค้าก็บอกว่าเดี๋ยวอีกสักพักหนึ่ง เค้าค่อนข้างแม่นเหมือนกัน อาจจะไม่ใช่เรื่องของเรา เค้าก็พูดว่าเงียบๆไปก่อน สักพักนึงดวงเราถึงจะเริ่มดีขึ้นแล้วนะ ถึงเวลาก็เปิดเลยเปิดได้ แต่ต้องบอกก่อนว่าเรากับเพื่อนๆไม่ได้ปิดอยู่แล้ว”อะไรที่ทำให้มั่นใจในตัวผู้ชายคนนี้? บี “ของแบบนี้บีคิดว่าอะไรไม่รู้แหละ แต่กับเราคือใช่ อยู่ในจังหวะเวลาที่ที่สบายใจ ยอมรับว่าใช้เวลาในการพิสูจน์นานเหมือนกัน เห็นอย่างนี้เราก็เคยอยู่เป็นโสดเหมือนกัน ตอนนั้นก็เป็นช่วงของการใช้เวลาคิดว่าถ้ามันใช่มันก็ใช่เอง แต่เราก็พยายามให้เกียรติซึ่งกันและกัน มีอะไรไม่โกหกกันเลย” ความรักครั้งนี้ค่อนข้างเป็นบทพิสูจน์เยอะเหมือนกันที่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้? บี “ต้องบอกว่าเราเจออะไรที่มันหนักหนาสาหัส แต่เราเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องมูฟออนมันก็ต้องมูฟออน เราไม่ต้องไปสนใจว่าใครจะคิดยังไง รู้แค่ว่าสิ่งที่เราเป็นเรา ตัวตนเป็นยังไง นั่นคือสิ่งที่มันพิสูจน์ให้คนที่อยู่รอบเราได้เห็น”เหนื่อยมั้ยกับสิ่งที่เจอมาก่อนหน้านี้? บี “บีมองว่าการฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างมันเหนื่อย ท้อ และเสียใจอยู่แล้ว แต่บีเชื่อว่าคนที่รักเราและรู้ว่าเราเป็นยังไงเค้าจะอยู่ข้างๆเรา เค้าจะเห็นเองโดยที่เราไม่ต้องพยายามให้เค้าเห็นว่าเราดี แต่เค้าจะเห็นได้เองเลยตั้งแต่แรกค่ะ”เราเป็นคนที่อยู่หน้าสื่อก็ค่อนข้างจะโดนวิพากษ์วิจารณ์และตัดสิน ไปก่อนแล้ว? บี “บีไม่ ค่อยแคร์เรื่องพวกนี้ อย่างที่บอกว่าเราไม่ใช่เด็กๆ เราโตแล้วมีวุฒิภาวะพอที่รู้ว่าเราจะต้องแคร์ใคร อย่างบางทีเค้าอาจ จะมีการเขียนข่าวเอาไว้ก่อนแรงๆ หรือแม้แต่คนที่มาเล่นโซเชียลแล้วก็ด่าเราแรงๆ โดยที่ไม่ได้รู้ เลยว่าอะไรเป็นอะไร อันนี้เราไม่สนใจอยู่แล้ว”ก่อนหน้านี้ที่ลงรูปแล้วมีแหวน หลายคนสงสัยว่าหมั้นแล้วหรือเปล่า? บี “วันนี้ไม่ได้ใส่มาค่ะ กลัวหาย สรุปเป็นแหวนหมั้นคือเป็นแหวนที่คุณแม่พี่เค้าเอามาให้ อันนี้ต้องขอพูดเพราะมันเป็นความจริงเนอะ”เหมือนเป็นการตีตราจองไว้แล้วแหละ? บี “ก็ยอมรับค่ะ แต่ว่าไม่อยากพูดถึงคุณแม่เยอะ เพราะว่าเกรงใจท่านค่ะ”ใกล้จะมีข่าวดีแล้วมั้ย? บี “อุ๊ย! วันนี้ก็ข่าวดีแล้วนะคะ”ข่าวที่ยิ่งดีกว่านี้ไปอีกไง หรือว่าจะจัดที่นี่เลย? บี “ขอเรียนเชิญด้วยนะคะ ถ้าเกิดทุกคนโอเคบีก็ขอเชิญมาโปรโมตคอนเวนชันที่จุคนได้เกือบ 2,500 คน ซึ่งจะสร้างเสร็จในเดือนตุลาคมนี้ แต่ว่าอาจจะแกรนด์โอเพนนิ่งปลายปีหรือว่าต้นปีหน้าค่ะ”แสดงว่าเราก็อาจจะเป็นคู่แรกที่ได้ใช้คอนเวนชันนี้? บี “มาหรือเปล่าล่ะ (หัวเราะ) ถ้าถามว่าเรื่องแต่งงาน บีเป็นคนไม่ซีเรียสว่าจะต้องจัดงานแต่ง เค้าก็เคยถามว่าเอามั้ย แต่เรารู้สึกเสียดายตังค์”สถานที่ฟรีแล้วนะ? บี “ใช่ แต่มันก็ลงทุนอย่างอื่นไง แต่มีแพลนว่าอาจจะเชิญเพื่อนๆมากินข้าว”ทั้งหมดทั้งมวลที่วางแผนมามันก็นำไปสู่การแต่งงาน เหลือแค่เราว่าจะเซย์เยสมั้ย? บี “เราก็สวมแหวนไปแล้วนะคะ (ยิ้ม)”.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่