เสิร์ฟผลงานชิ้นใหม่ให้แฟนๆได้หายคิดถึง สำหรับแร็ปเปอร์และซุปเปอร์โปรดิวเซอร์มากความสามารถ “URBOYTJ” หรือเต๋า-จิรายุทธ ผโลประการ ล่าสุดส่งผลงานอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ในชีวิต URMAN (ยัวแมน) มาพร้อมคอนเซปต์ร้านสะดวกซื้อกับเพลงที่ทุกคนสะดวกฟัง ประกอบไปด้วย 9 เพลง 9 รสชาติ ชวนเพื่อนศิลปินแถวหน้ามาร่วมฟีเจอริงอีกเพียบ งานนี้ “URBOYTJ” เล่าการทำงานเพลงหลายรสชาติ รวมทั้งรสชาติชีวิตที่เติบโตเล่าการทำงานอัลบั้มที่ 2 “URMAN” หน่อย? “ก่อนหน้านี้ผมหายไป 3-4 เดือน เพื่อทำอัลบั้มนี้ URMAN คอนเซปต์คือร้านสะดวกซื้อที่เราเปิดขึ้นมา เพื่อขายเพลงที่เราอยากให้คนฟังเลือกเข้าไปฟังว่าเค้าชอบเพลงแบบไหน เค้าก็เลือกฟังแบบที่ตัวเองชอบ ไม่ได้บังคับคนฟังว่าต้องฟัง แต่คุณสามารถเลือกเองได้ มีทุกแนวดนตรีที่ทุกคนสามารถเข้าไปเลือกฟังได้ สมมติคนชอบเพลงร็อก ก็มีเพลงร็อก คนชอบฮิปฮอป ป๊อป ก็มี”อะไรที่ทำให้อยากทำเพลงหลากหลาย? “อย่างในอัลบั้มแรก Selfmade เป็นอัลบั้มที่พูดถึงตัวเองค่อนข้างเยอะ เล่าเรื่องความผิดหวัง พออัลบั้มนี้เลยอยากให้ในสิ่งที่คนฟังอยากฟังบ้าง ทำในสิ่งที่คนฟังอยากได้ยินจากผมบ้าง เราก็หาข้อมูลจากตามคอมเมนต์แฟนคลับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้รู้มา” ยากที่สุดคือแนวไหน? “น่าจะเป็นป๊อปร็อก อัลบั้มนี้มีคนฟีเจอริงเยอะ 5 คน มี สิงโต นำโชค, ฮาย PAPER PLANES, OG BOBBY, MAIYARAP และ GAVIN : D ตอนแรกผมแต่งเพลงขึ้นมาก่อน แล้วดูว่าเพลงแนวไหนเหมาะกับใคร เลยชวนเค้ามาทำด้วย อย่างเพลงที่ชวนแชมป์ MAIYARAP ตอนแรกไม่มีท่อนเค้าแต่เค้าเป็นคนที่ชอบกามิกาเซ่มาก ทุกครั้งที่ผมทำอะไรเกี่ยวกับกามิกาเซ่เค้าจะขอมาทำด้วย ของพี่สิงโตผมตั้งโจทย์อยากทำเพลงป๊อปที่มีความเป็นอีสานผสมกับความเป็นเหนือ เลยหาว่าใครเหมาะเลยเป็นพี่สิงโต เพราะชอบผลงานของเค้า ส่วนฮายเป็นรุ่นน้องที่ผมเคารพมาก เป็นโปรดิวเซอร์ที่เก่งมาก พอผมคิดถึงเพลงร็อกเลยคิดถึงเค้าเป็นคนแรก ส่วน OG BOBBY คนอาจจะไม่ค่อยรู้จัก แต่เค้ามีเพลงที่เท่ เสียงนุ่มลึก เลยอยากได้มาฟีเจอริงในเพลงพ่อแม่ไม่สั่งสอน ซึ่งค่อนข้าง Underground ส่วน GAVIN : D ทำเพลงไม่ติด (Double) ด้วยกัน เราไม่มีเพลงด้วยกันมา 7-8 ปี นี่เป็นครั้งแรกที่กลับมาทำเพลงด้วยกัน รู้สึกเหมือนได้กลับมาทำเพลงกามิกาเซ่กันสมัยก่อน เป็นความสนุกแบบผู้ใหญ่ อัลบั้มนี้มีพี่ปู๋วง Hens มาช่วยเขียนและอีกหลายคนจากเดอะแร็ปเปอร์มาช่วยครับ”ชื่ออัลบั้ม URMAN เป็นการอัปเลเวลว่า URBOYTJ เติบโตแล้ว? “จริงๆไม่ใช่การอัปเลเวลว่าโตแล้ว (ยิ้ม) ความหมายมันคือเราเป็นคนของคุณ คุณสามารถเลือกฟังในสิ่งที่เราให้คุณฟังได้โดยผมไม่มีสิทธิไปบังคับใครว่าต้องชอบเพลงได้ เลยกลายเป็นว่าเราเป็นคนของเค้า” มองอีกด้าน เราก็รู้สึกมั้ยว่ามันก็ อัปเลเวลว่าเราโตขึ้น แล้วทางเส้นทางดนตรี? “ครับ ค่อนข้างที่จะโตขึ้น เนื้อหาก็จะเป็นอะไรที่คนฟังอาจจะคิดไม่ถึงว่าทำไมผมถึงพูดเรื่องนี้”ตัวเรายังมีความกดดันอะไรกับการทำงานมั้ย? “นิดหน่อยครับ คือคนคาดหวังจากอัลบั้มแรกเยอะ เพราะอัลบั้มแรกประสบความสำเร็จไปหลายเพลงก็กดดัน แต่อัลบั้มสองเราอยากทำอะไรแตกต่าง เลยรู้สึกสนุกมากกว่า” อะไรคือความท้าทายต่อไป? “ในอนาคต ถ้าเป็นอัลบั้มที่ 3 ก็อยากทำเพลงอินเตอร์เนชั่นแนล ฟีเจอริงกับศิลปินต่างประเทศ เพราะผมอยากไปทัวร์ในต่างประเทศบ้าง ช่วงนี้ได้ไปเล่นใกล้ๆบ้านเราอย่างสิงคโปร์ ฮ่องกง กัมพูชา เราก็มีฐานแฟนเพลงบ้าง อยากฟีเจอริงกับศิลปินต่างประเทศบ้าง ถ้าเป็นไปได้ในอนาคตก็อยากทำ”เราเป็นศิลปินฮิปฮอปแต่หลายคนยังจำความเป็นกามิกาเซ่ อยากให้คนจำภาพไหน ณ วันนี้? “อยากให้คนจำภาพผมเป็นอย่างนี้ เป็นตรงกลาง ผมไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นแร็ปเปอร์ ฮิปฮอปจ๋าหรือตัวเองเป็นเด็กกามิกาเซ่ อยากให้อยู่ตรงกลางที่พอดี เบลนด์ได้ทุกแนว” อัลบั้มนี้ทิ้งช่วงจากอัลบั้มแรกมา 3 ปี อะไรที่เป็นความกระหายที่ทำให้อยากมีอัลบั้ม? “อยากมีคอนเสิร์ตใหญ่ครับ แล้วผมรู้สึกว่าผมมีเพลงน้อย ทุกคนบอกว่ามีเยอะแล้ว ทำคอนเสิร์ตใหญ่ได้สักที เลยรู้สึกว่าขอมีอัลบั้มสองก่อนได้มั้ย ปูอัลบั้มที่สองเต็มๆก่อน แล้วค่อยว่ากันว่าจะมีคอนเสิร์ตใหญ่หรือไม่มี” คอนเสิร์ตใหญ่ปีหน้าเลยมั้ย? “ผมการันตีไม่ได้” ยังขาดอะไร? “ยังขาดความมั่นใจในตัวเอง ผมกลัวไม่มีคนดูจริงๆนะ คอนเสิร์ตใหญ่มันเป็นคอนเสิร์ตที่คนต้องซื้อบัตรมาดู มันยิ่งใหญ่มาก ผมกดดันตัวเองและยังไม่มั่นใจ อาจจะต้องใช้เวลาหน่อย ผมมองว่าผมไม่ได้มีแฟนคลับเยอะ ไม่ได้เซอร์วิสคนเก่ง ชอบอยู่ในถ้ำตัวเอง คนอาจจะเข้าถึงยาก ตัวเองน่าจะมีแฟนคลับน้อย ถ้าจะจัดคอนเสิร์ตใหญ่น่าจะพร้อมจริงๆ ถ้าวันไหนผมเริ่มมั่นใจ ทุกอย่างพร้อม อัลบั้มทำงาน เพลงครบ เราอาจจะมั่นใจก็ได้”ถามถึงภาพที่เราอุ้มลูกชายของกวิน เป็นภาพที่หลายคนประทับใจในมิตรภาพ ที่ดีของเรา? “ภาพนั้นน่ารักมากครับ ตอนคอนเสิร์ตครั้งที่ 2 ของกามิกาเซ่เค้าก็เอาลูกมาเล่น ลูกเค้าก็กล้าๆกลัวๆกับเรา แต่ก็มาไฮไฟว์กันทีหลัง แปะมือกัน เค้าส่งคลิปลูกมาให้ดูตลอดเลยและตอนนี้ลูกเริ่มพูดได้แล้ว น่ารักดีครับ ผมไม่คิดว่ากวินจะมีครอบครัวได้เร็วขนาดนี้ เพราะตอนเด็กมันเกเรมากเลย เกเรกว่าผมเยอะมาก ไม่คิดว่าเค้าจะมีครอบครัวที่น่ารักขนาดนี้”เรื่องราวดราม่าในอดีตที่ผ่านมามันได้คลี่คลายไปหมดแล้ว? “มันกลายเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ ตอนนั้นมันเด็กมาก อายุยังน้อย 20 เอง ตามประสาวัยรุ่น ตอนนี้ไม่มีอะไรเลย เป็นมิตรภาพที่ดี ผมจำได้ว่าที่เรามาเจอกัน จากการที่ไม่ได้คุยกันมาหลายปี ที่คอนกามิกาเซ่ พอมาคุยกันปุ๊บทุกอย่างมันก็โอเคเหมือนเดิม มันไม่ได้มีอะไรเลย มันเหมือนเพื่อนที่ไม่เจอกันมานานหลายปี มันอาจจะติดที่เราไม่ได้เจอกันมากกว่า มันไม่มีอะไรติดค้างกัน พอเรามองย้อนกลับไป เราขำกับมัน มันเป็นเหตุการณ์ตอนเด็กๆ เป็นเรื่องเด็ก 2 คนที่ใจร้อนทั้งคู่”กวินเปลี่ยนไปเยอะแค่ไหน? “เปลี่ยนเป็นคนที่สุขุมขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้น ชีวิตประจำวันเค้าเปลี่ยนไปเยอะ เค้าเล่าให้ฟังว่าต้องตื่นมาเลี้ยงลูกตั้งแต่ 6 โมงเช้า ต้องมาอุ้มลูก มาป้อนนม ผมไม่เคยคิดว่ากวินจะมีภาพนี้” และภาพตัวเราเองล่ะจะมีแบบนี้มั้ย? “สำหรับผมก็อยากมีลูกเหมือนเค้านะแต่มันยังหาไม่ได้ มันยังหาไม่เจอ ไม่ได้ปิดใจ คือแบบต้องเป็นคนที่ใช่จริงๆ ผมก็ 30 แล้ว เวลามันก็น้อยลง เวลามีครอบครัว มีลูก เราไม่อยากให้แก่เกินไปกับการมีลูก ไม่อยากที่จะลูกโตและเราแก่ก่อน เดี๋ยววิ่งตามลูกไม่ทัน จริงๆอยากมีลูกสักอายุ 35 แต่ไม่รู้จะเกิดขึ้นได้มั้ย” รีวิว UrboyTJ ณ วันนี้ที่ผ่านเรื่อง ราวหนักๆต่างๆมาเยอะ? “อายุ 31 แล้วก็ใช้ชีวิตสนุกดีครับ ตอนนี้เริ่มให้ความสำคัญกับครอบครัวเพราะว่าคุณยายเพิ่งเสีย พอคุณยายเสียปุ๊บก็เลยรู้สึกว่าครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ที่บ้านเหลือคุณแม่ คุณน้า 2-3 คน แล้วก็ต้องดูแลแมวอีก 5 ตัวด้วย ในเรื่องของสุขภาพทุกวันนี้ก็ยังคุยกับจิตแพทย์ทุกๆ 2 สัปดาห์คอยอัปเดตตลอดว่าชีวิตตอนนี้เป็นยังไงบ้าง เค้าก็จะมีคำแนะนำการปรับเปลี่ยนยา และวิธีการรักษาของเค้า ซึ่งเราก็ต้องอยู่ตรงนั้นไปและยอมรับว่าเราเป็นผู้ป่วยอยู่ ไม่ได้สมบูรณ์แบบ 100% เรียกว่าใช้ชีวิตไปด้วยแล้วก็ปรับตัวกับชีวิตที่ต้องเจอไปด้วย ทุกอย่างก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเยอะมาก แต่ก็ยังเป็นคนขี้กลัวอยู่เหมือนเดิม กลัวที่ที่มีคนเยอะ กลัวสนามบิน เลยทำให้ไม่ค่อยออกจากบ้าน สาเหตุของการที่กลัวสนามบินเป็นเพราะว่าเรากลัวที่ที่คนเยอะ แล้วก็มีคนจับตามองเราตลอดเวลา ผมเป็นคนที่ค่อนข้างแคร์คนอื่นมากเกินไปจนไม่ได้มองตัวเอง สมองผมก็จะไปคิดถึงการที่เค้าคิดว่า นี่ UrboyTJ หรือเปล่า โน่นนี่นั่น เลยกลายเป็นว่าเราตัดสินใจอยู่ที่บ้านดีกว่าคุณหมอบอกว่าภาวะแบบนี้อาจจะต้องใช้เวลารักษาไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้บอกว่ามันจะหายขาดได้มั้ย แต่พอเป็นคอนเสิร์ตปุ๊บมันไม่รู้สึกนะครับ บนเวทีคือที่ของเรา คนมาดูเรา เราเล่นคอนเสิร์ต เราแฮปปี้ เค้าแฮปปี้ แต่พอใช้ชีวิตส่วนตัวมันเบลนด์กันยาก บางทีผมก็อยากมีชีวิตส่วนตัวที่ออกไปข้างนอกโดยที่ไม่ต้องมีคนรู้จักเลย ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ ทุกวันนี้ก็ยังจัดการกับตัวเองไม่ค่อยได้ ถึงได้เลือกที่จะอยู่ที่บ้านและช็อปปิ้งออนไลน์ จริงๆผมไม่ได้มีปัญหาเวลาที่ออกไปข้างนอกแล้วมีคนเข้ามาทักหรือมาขอถ่ายรูป เพียงแต่ผมไม่ได้เป็นคนที่เค้าจะกล้าเข้ามาหาตรงๆ แบบพี่โอ๊ต-ปราโมทย์ ที่ดูเป็นคนเฟรนด์ลีผมจะเป็นแนวที่คนเห็นแล้วรู้สึกกล้าๆกลัวๆ ว่าจะเข้า ไปดีมั้ย ขอถ่ายรูปได้ไหม เลยเป็นความหวั่นความอึดอัดบางอย่างที่เกิดขึ้นในใจผม ทั้งที่ความจริงผมแฮปปี้ยินดีมากกับการที่มีคนเข้ามาทักและมาขอถ่ายรูป เห็นปุ๊บเข้ามาขอได้เลย เพราะเมื่อผมตัดสินใจออกมาข้างนอกแล้วแปลว่าผมโอเคที่จะเจอกับทุกคน แต่อย่าแบบงึกๆงักๆ เพราะเราก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน”ช่วงที่ผ่านมาตอนที่เจอเรื่องยากลำบากในชีวิต แต่ก็ได้รับการซัพพอร์ตเยอะมากๆ? “ใช่ครับ แล้วมันก็เป็นสิ่งที่ดีมากๆที่ผมขอบคุณทุกคนมากๆที่ซัพพอร์ตผมจนผมสามารถยังมาอยู่ตรงนี้ได้ แล้วก็ทำให้รู้ว่ามีคนที่รักผมเยอะมาก แต่อย่างที่บอกว่าผมเป็นคนประเภทที่ถ้าสมมติมีคอมเมนต์ 100 อัน 99 อันดีหมด มีลบ 1 อัน ผมก็จะไปคิดแต่อันนั้นอันเดียวแล้วมองข้าม 99 อันนั้นไปเลย ผมคอนโทรลและแก้ไขตัวเองไม่ได้เลยยังเป็นเรื่องที่ผมต้องต่อสู้ต่อไป ทุกวันนี้ก็พยายามอยู่ ปรึกษาคุณหมอค่อนข้างเยอะว่าผมควรจะทำยังไง เค้าก็บอกว่าเป็นภาวะปกติ ซึ่งก็ต้องใช้เวลาแก้ไขกันไป”อาการต่างๆที่เป็นอยู่มีผลต่อการแต่งเพลงไหม? “ไม่มีครับ เพราะเวลาทำเพลงผมอยู่ในที่ที่เป็นถ้ำของผม ผมก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่เวลาออกไปข้างนอกมันก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง” จากวันนั้นที่มันดิ่ง จนมาถึงวันนี้ที่มันสดใส เคยคิดมั้ยว่าจะมีวันนี้? “ไม่เคยคิด ทุกอย่างมันเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดี อย่างน้อยก็รู้ว่ามีคนที่รักเราอยู่อีกเยอะ ซึ่งสิ่งที่ทำให้เราผ่านมาได้ มันมีหลายอย่าง ทั้งครอบครัว แมวทั้ง 5 ตัว แฟนๆและเพลงที่อยากจะทำและยังไม่ได้สื่อสารออกไป การขับรถกับแก๊งเพื่อน คนมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่มันมีความสุขมากเลยนะครับ ทุกครั้งที่ได้ไปออกทริป อยากทำแบบนั้นในทุกๆวัน”.เรื่อง: สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่