ก็รูดม่านไปแล้วกับมหกรรมฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ทั้งอาร์เจนตินากับฝรั่งเศส ฟาดแข้งกันดุเดือดเลือดพล่านสมศักดิ์ศรีคู่ชิง ก่อนที่ทีมฟ้าขาวจะคว้าแชมป์โลกเป็นสมัย 3 อย่างสนุกตื่นเต้นนับเป็นคู่ชิงชนะเลิศที่สูสีคู่คี่ในรอบหลายครั้งที่ผ่านมา แฟนบอลที่ชมการถ่ายทอดสดต่างยกนิ้วให้ว่ายอดเยี่ยม เพราะลากไปถึงการดวลจุดโทษตัดสินแชมป์กันเลยทีเดียวบอลโลกจบแล้ว ทว่าศึกสายเลือดในไทยยังเดือดพล่านไม่แพ้กัน ก็คู่ต่อกรระหว่าง กสทช. กับ กกท.ที่ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะในเรื่องเงินค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดเนื่องมาจาก กสทช.เจ้าของเงิน 600 ล้านบาท ที่ควักให้ กกท.เป็นเจ้าแรก ก่อนที่จะมีเจ้าภาพอีก 3–4 รายมาร่วมสมทบเป็นเงินประมาณ 1,200 ล้านบาท รวมแล้วได้เงินไปซื้อลิขสิทธิ์จากฟีฟ่าชนิดเฉียดฉิวเส้นยาแดงผ่าแปด!!ปรากฏว่า “ทรู” ที่ควักมา 300 ล้านบาท ดันกลายเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์มันซะอย่างงั้น เป็นเหตุให้ทรูบล็อกกล่อง IPTV เจอ “จอดำ” กันเป็นแถวกสทช.ที่ควักไป 600 ล้านบาทบอกว่า กกท.ทำแบบนี้ได้ไง? ทำไมไปทำสัญญากับทรูอีกแบบ เพราะในเงื่อนไขของ กสทช.ที่ทำกับ กกท.นั้น จะต้องถ่ายทอดสดให้ประชาชนได้ชมฟรีทุกช่องทางเท่านั้นเมื่อ กกท.ไปทำผิดเงื่อนไข กสทช.จึงจำต้องเรียกเงิน 600 ล้านบาทคืนทั้งหมด ในส่วนของ กกท.ก็โต้กลับมาว่าทำทุกอย่างโปร่งใส ไม่ได้ผิดเงื่อนไขใดๆกับ กสทช.แต่อย่างใดเมื่อความเห็นไม่ตรงกัน งานนี้ก็เลยประกาศ “ท้าฟ้อง” กันทั้งสองฝ่าย ไปพิสูจน์กันในชั้นศาลให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลยว่าใครถูก-ใครผิด??คำตอบสุดท้ายจะได้เป็นบรรทัดฐานในเรื่องการซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกต่อไปในอนาคตอ้อ...แล้ว กสทช.ก็อย่าลืมพิจารณา “ยกเลิก” กฎมัสต์แคร์รี่–มัสต์แฮฟ ตัวปัญหาด้วยล่ะ!!‘‘แจ๋วริมจอ’’jaewrimjor@gmail.com