ฮือฮากันไปทั่วโลกอยู่พักนึง ตอนนี้ดูเงียบไปแล้ว หลัง“แฮกเกอร์” แสบ แอบปล่อยไวรัสเรียกค่าไถ่ ชื่อน่ารัก “wannacry” โจมตีระบบคอมพิวเตอร์ของเอกชนและหน่วยงานของรัฐทั่วโลกเรียกร้องค่าไถ่เป็นเงิน “บิตคอยน์” มูลค่าไม่มากแค่ 300 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 10,000 บาท แลกกับการปลดล็อกให้คอมพิวเตอร์ของเหยื่อกลับมาใช้งานได้ปกติสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้เจ้าของคอมพิวเตอร์ที่ถูกแฮกเป็นอย่างมาก!ไม่เว้นแม้แต่ในเมืองไทย ที่มีคอมพิวเตอร์ของเอกชนและหน่วยงานของรัฐ ถูกหางเลขโดนมัลแวร์ wannacry ไปกว่า 200 เครื่องโดยเฉพาะหน่วยงานรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน (191) ของตำรวจ บก.ภ.จ.ศรีสะเกษ บก.ภ.จ.ฉะเชิงเทรา บก.ภ.จ.นครราชสีมา บก.ภ.จ.ระยอง และ บก.ภ.จ.ยโสธร ที่รายงานปัญหาว่า ถูกมัลแวร์เรียกค่าไถ่โจมตีพร้อมกันตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.แต่น่าแปลกที่ศูนย์วิทยุรับแจ้งเหตุผ่านฟ้า (191) ของ บช.น. ที่มีคอมพิวเตอร์ระบบปิดแบบวีพีเอ็น (VPN) มากถึง 60 คู่สาย กลับไม่โดนมัลแวร์แสบเล่นงานแม้แต่เครื่องเดียว?ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า สาเหตุเพราะระบบรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ตามต่างจังหวัดส่วนใหญ่เป็นระบบ Local Area Network : LAN นำคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในงานรับแจ้งเหตุมาเชื่อมต่อกัน 5-10 เครื่องแต่ละเครื่องสามารถติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกได้!ดังนั้น โอกาสติดไวรัสหรือมัลเเวร์อันตรายจากเว็บไซต์ หรือไฟล์ต้องสงสัยที่ส่งมาทางอีเมลค่อนข้างสูง เนื่องจากพฤติกรรมของตำรวจผู้ปฏิบัติที่มักถือโอกาสใช้คอมพิวเตอร์สืบค้นงานหรือหาข้อมูลส่วนตัวทำให้เพิ่มโอกาสให้ถูกโจมตีมากขึ้น!การแก้ไขง่ายที่สุดคือ ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ทั่วประเทศ ควรวางระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินให้เป็น Virtual Private Network : VPN หรือ ระบบปิดถ้าจะใช้คอมพิวเตอร์ตรวจสอบอีเมลหรือติดต่อเว็บไซต์เปิดต่างๆ ต้องมีคอมพิวเตอร์แยกออกมาต่างหาก แต่ต้องหมั่นอัพเดตระบบปฏิบัติการให้ทันสมัยเท่านี้ก็จะได้ศูนย์รับแจ้งเหตุที่ปลอดไวรัส เพื่อรับแจ้งเหตุและช่วยเหลือชาวบ้านได้อย่างทันท่วงที?สหบาท