ต้องถือว่าเป็นการถอยหรือการ กลับลำที่สำคัญอีกครั้งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยออกคำสั่งที่ 24/2560 ลงวันที่ 20 เมษายน 2560 ให้งดเว้นและสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไว้ก่อน เช่นเดียวกับกรณี กกต.ผู้ตรวจการแผ่นดิน และกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) คำสั่งนี้มีผลเป็นการยกเลิกคำสั่งที่ 23/2560 ของ คสช.เพียงวันเดียวก่อนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 ในวันที่ 6 เมษายน หัวหน้า คสช.ได้ออกคำสั่งที่ 23/2560 ลงวันที่ 5 เมษายน กำหนดให้มีการคัดเลือกและสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน มีคำชี้แจงจากรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายว่าจำเป็น เพราะต้องตั้งแทนผู้ที่พ้นตำแหน่งตามวาระมีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการพยายามสืบทอดอำนาจ โดยกำหนดคุณสมบัติของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อแต่งตั้งคนของตนดำรงตำแหน่งแทน เนื่องจากเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรที่มีอำนาจกว้างขวาง สามารถตัดสินว่ากฎหมายของรัฐบาลขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ การจำกัดสิทธิเสรีภาพประชาชนในหลายกรณี ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่น่าสงสัยว่าทำไมรัฐบาล คสช.จึงจะต้องเร่งรีบให้มีคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใหม่ ในเมื่อรัฐธรรมนูญใหม่ 2560 มีบทเฉพาะกาลระบุว่า ให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระและผู้ตรวจการแผ่นดินที่ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญให้อยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าจะมี พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้ององค์กรอื่นๆตามรัฐธรรมนูญเช่น คณะรัฐมนตรีก็ให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีใหม่จะเข้ารับหน้าที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาใหม่ การสั่งยกเลิกการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใหม่จึงเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง มิฉะนั้นอาจถูกกล่าวหาแทรกแซงองค์กรตรวจสอบอำนาจหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 รัฐบาลพึงใช้อำนาจด้วยความระมัดระวังไม่ให้ถูกมองว่ารัฐบาลทำผิดรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศเสียเอง ในขณะที่รัฐบาลบังคับให้ประชาชนเคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย ผลการสำรวจความเห็นคนไทยโดยสวนดุสิตโพล คนส่วนใหญ่เชื่อว่ามีการส่งสัญญาณเตือนรัฐบาลว่า “จำกัดสิทธิเสรีภาพมากเกินไป”รัฐบาล คสช.เคยให้สัญญาประชาคมต่อคนไทยทั้งประเทศ จะนำประเทศ ไทยกลับคืนสู่ประชาธิปไตยที่ถูกต้องแท้จริง หมายความว่าจะต้องเป็นการปกครองที่ยึดถือกฎหมายเป็นใหญ่ ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายตามหลัก นิติธรรม และจะต้องมีระบบการตรวจสอบและถ่วงดุลที่เข้มแข็ง เป็นอิสระจากการแทรกแซงของอำนาจทางการเมือง.