นายมานิต ดำกุล นายกสมาคมชาวประมงจังหวัดกระบี่ เผยว่า ขณะนี้ชาวประมง จ.กระบี่หลายประเภท มีความอึดอัดใจเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทางราชการ เริ่มจากชาวประมงโป๊ะน้ำตื้นซึ่งมีอยู่ประมาณ 200 ราย จาก ต.คลองพน อ.คลองท่อม ต.คลองประสงค์ และ ต.เขาทอง อ.เมือง จ.กระบี่ ซึ่งถูกมติคณะกรรมการประมงจังหวัดสั่งให้รื้อถอน เนื่องจากเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ทำให้ครอบครัวชาวประมงดังกล่าวเข้าร้องเรียนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้ช่วยเยียวยาเรื่องอาชีพนายมานิตกล่าวอีกว่า ความอึดอัดเรื่องที่ 2 คือ เรื่องชาวประมงพื้นบ้านที่ถูกทางราชการบังคับให้เรือประมงพื้นบ้านขนาด 10 ตันครอส ต้องจดทะเบียนเป็นเรือประมง ซึ่งเรือประมงพื้นบ้านใน จ.กระบี่ ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 3,000 ลำ แต่จดทะเบียนแล้วเพียง 1,700 ลำ และเมื่อจดทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ภูมิภาคที่ 5 สาขากระบี่แล้ว ก็ไม่สามารถนำสัตว์น้ำที่จับได้ไปขายได้ ให้ใช้บริโภคเพียงอย่างเดียว ชาวประมงพื้นบ้านบางส่วนจึงยังไม่ยอมจดทะเบียนเรือเพราะจะไม่สามารถนำสัตว์น้ำออกขายได้ ด้านเรือประมงพาณิชย์ใน จ.กระบี่ที่มีอยู่ประมาณ 40 ลำ ก็อึดอัดใจเรื่องการจดทะเบียนเรือเช่นกัน เนื่องจากขนาดของเรือไม่ตรงกับที่ทางกฎหมายกำหนด เจ้าของเรือประมงพาณิชย์จึงเข้าร้องทุกข์กับทางสมาคมชาวประมง จ.กระบี่ให้หาทางช่วยเหลืออีกทางหนึ่งด้วย“ส่วนเรื่องดีๆสำหรับชาวประมงก็มีเหมือนกันคือ เรื่องแรก มติ ครม.เมื่อวันที่ 19 มี.ค.60 ให้สามารถทำการประมงบริเวณพื้นที่ทะเลภายใน 1.5 ไมล์ทะเล สำหรับพื้นที่เกาะ ส่วนทะเลธรรมดาให้ระยะ 3 ไมล์ทะเลเหมือนเดิม ขณะนี้เรื่องอยู่ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา ส่วนเรื่องที่ 2 ปริมาณสัตว์น้ำที่จับได้ของจังหวัดเพิ่มขึ้นจากปกติประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นผลงานของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาเรือประมงทำผิดกฎหมายหรือ ศปมผ. และเจ้าหน้าที่ประมงของ จ.กระบี่ที่ช่วยตรวจตราพื้นที่น่านน้ำอย่างจริงจัง” นายมานิตกล่าวในตอนท้าย.