กรมศิลปากรเพิ่มความสูงของพระเมรุมาศ โดยขยายส่วนยอดบุษบกพระเมรุมาศขึ้นไปอีก 3 เมตร ทำให้เดิมวัดจากฐานถึงยอดสูง 50.49 เมตร เป็นสูงประมาณ 53 เมตร พร้อมขยายแบบเสร็จแล้ว “อารักษ์ สังหิตกุล” แจงสาเหตุที่ต้องขยายบุษบกให้สูงขึ้นไป เพื่อความสวยงามเมื่อมองจากพื้นดินขึ้นไป อธิบดีกรมศิลปากร เตรียมสรุปความคืบหน้าต่อคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศฯ 24 มี.ค.นี้ ด้านวัดพิชยญาติการาม ร่วมกระทรวงกลาโหม จัดอุปสมบทหมู่ถวายเป็นพระราชกุศลในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ จำนวน 990 รูป เป็นเวลา 15 วันวันที่ 158 การสวรรคตของพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 19 มี.ค. พสกนิกรทุกหมู่เหล่าจากทั่วประเทศไทย อาทิ จากจังหวัดสมุทรสาคร ตราด พังงา นครศรีธรรมราช ฯลฯ รวมถึงชาวไทยในสวีเดน เดินทางมารอต่อแถวเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ อย่างไม่ขาดสาย ตลอดทั้งวัน รวมถึงคณะเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุขจากทั่วประเทศ นำโดย นพ. วิศิษฏ์ ตั้งนภากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ที่ได้ทำกิจกรรมร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความอาลัยต่อหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ สวนสันติชัยปราการ ถนนพระอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 05.00 น. เนื่องในวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ประจำปี 2560 มีการยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 89 วินาที แล้วกล่าวคำปฏิญาณตนแสดงความจงรักภักดีของพลังจิตอาสาเพื่อแผ่นดิน และร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงมาร์ช อสม. รวมทั้งลงนามใต้พระบรม ฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ถวายสัจจะความดี เพื่อสุขภาพดีของชาวไทย ทั่วแผ่นดินให้แข็งแรง ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรม คณะ อสม.ได้เดินทางไปเข้ากราบพระบรมศพ พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังด้วยขณะที่สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 18 มี.ค. มีจำนวนทั้งสิ้น 33,043 คน รวม 136 วัน มี 5,369,913 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 2,186,428 บาท รวม 136 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 448,357,818.84 บาท ในส่วนของการจัดสร้างพระเมรุมาศ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายอารักษ์ สังหิตกุล อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ในฐานะวิศวกรที่ปรึกษาโครงสร้างพระเมรุมาศว่า ล่าสุดนายก่อเกียรติ ทองผุด นายช่างศิลปกรรม สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร ได้เขียนแบบโครงสร้างพระเมรุมาศเพิ่มเติมจากเดิมที่วัด จากฐานถึงยอดสูง 50.49 เมตร โดยขยายส่วนยอดบุษบกของพระเมรุมาศขึ้นไปอีกประมาณ 3 เมตร ซึ่งแต่ละช่วงชั้นห่างประมาณ 10-20 ซม. และเมื่อขยายบุษบกขึ้นไปแล้วพระเมรุมาศจะสูงประมาณ 53 เมตร โดยขณะนี้ได้ขยายแบบ 1 ต่อ 20 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างนำชิ้นส่วนที่ทำจากโรงงานมาประกอบ โครงสร้าง“สาเหตุที่ต้องขยายบุษบกของแต่ละชั้นให้สูงขึ้นไปนั้น เพราะว่ามุมมองของคนเรา เวลายืนอยู่บนพื้นดินแล้วแหงนหน้ามองขึ้นไปที่ยอดพระเมรุมาศ จะดูซ้นหรือเรียกว่ากินอากาศ ทำให้มองดูยอดพระ เมรุมาศเตี้ยและอาจจะดูไม่สง่างาม ซึ่งจะต่างจากที่เรามองแบบพระเมรุมาศที่เขียนอยู่ในกระดาษระดับแนวนอน ที่จะเห็นความสวยงามพระเมรุมาศแบบเต็มองค์ ดังนั้น ในส่วนของบุษบกจึงต้องมีการขยายแต่ละชั้นตามกันขึ้นไป เพื่อที่จะให้การมองพระเมรุมาศจากพื้นดินขึ้นไปเห็นความสวยงามตามรูปแบบสถาปัตยกรรมไทย” นายอารักษ์กล่าว ด้านนายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงความคืบหน้าของการก่อสร้างพระเมรุมาศ ว่า คณะช่างวิศวกรรมได้ประกอบโครงสร้างเสาบุษบกซ่าง ในส่วนที่ใช้สำหรับให้พระสงฆ์นั่งสวดพระอภิธรรม รวมถึงประกอบโครงสร้างเสาบุษบกหอเปลื้องทั้ง 4 มุมเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจะดำเนินการเทพื้นอาคารเพื่อเตรียมเข้าสู่งานด้านสถาปัตยกรรม เช่นเดียวกับพระที่นั่งทรงธรรม ทับเกษตร ทิม และศาลาลูกขุน ที่มีการประกอบโครงสร้างไปตามแผนงานที่วางไว้ ประเมินว่าภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ ภาพรวมการก่อสร้างพระเมรุมาศและอาคารประกอบทั้งหมดจะคืบหน้าไปร้อยละ 30 ส่วนการประสานงานขอใช้พื้นที่จัดสร้างพลับพลายกทั้งที่บริเวณด้านหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามวรวิหาร และพื้นที่ฝั่งทิศเหนือของท้องสนามหลวงเพิ่มเติมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) นั้น ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีสามารถเข้าไปดำเนินการล้อมรั้วและวางผังเพื่อดำเนินการวางรากฐานโครงสร้างพลับพลายกแล้วอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวอีกว่า ตนได้เตรียมจัดทำรายงานสรุปผลความคืบหน้าของการดำเนินการจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระ เมรุมาศ โดยเฉพาะในส่วนของการจัดสร้างพระโกศจันทน์ ประติมากรรมประกอบพระเมรุมาศ และการบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ ที่มีจิตอาสาเข้ามาช่วยปฏิบัติงาน โดยมีการจัดสรรเพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้ามาร่วมงานกันทุกคน โดยจะนำเสนอต่อที่ประชุมในซึ่งมี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐ-มนตรี เป็นประธานในการประชุม วันที่ 24 มี.ค.นี้ ที่โรงละครแห่งชาติวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กล่าวว่า วัดพิชยญาติการาม ร่วมกับกระทรวงกลาโหม จัดโครงการอุปสมบทเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ จำนวน 990 รูป เป็นเวลา 15 วัน โดย กำหนดจัดในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี ความกตัญญู น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีต่อพสกนิกรชาวไทยตลอดมา และเป็นการถวายความอาลัยร่วมกับรัฐบาล โดยการบำเพ็ญความดีด้วยการอุปสมบทถวายเป็นพระราชกุศล ทั้งนี้จะมีการจัดพิธีที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม ส่วนกำหนดวันนั้น จะต้องรอประกาศจากทางรัฐบาลว่าจะมีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพเมื่อใด จากนั้นจะมีการกำหนดวันในการจัดอุปสมบทอีกครั้ง สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครได้ที่วัด พิชยญาติการาม โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามโทร. 0-2438-1738, 08-8565-1915, 09-3915-3995ด้านสำนักพระราชวัง แจ้งหมายกำหนดการว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เสด็จ แทนพระองค์ไปในการบำเพ็ญกุศล (พิธีกงเต๊ก) ถวายพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่คณะสงฆ์อนัมนิกาย เป็นเจ้าภาพจัดถวาย ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรม มหาราชวัง ในวันที่ 21 มี.ค.2560 เวลา 17.00 น.ในการพิธีอัญเชิญและส่งเสด็จดวงพระวิญญาณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ ข้ามสะพานโอฆสงสารสู่แดนสุขาวดี เพื่อเป็นการแสดงพระกตเวทิตาสนองพระเดชพระคุณ หลังจากที่ ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ อันเป็นประโยชน์เกื้อกูลต่อพสกนิกรนานัปการเพื่อดวงพระวิญญาณ เสด็จพระราชดำเนินไปเสวยทิพยสุข ณ แดนพุทธเกษตร โดยสงบสันติตลอดไปโดยเมื่อพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทร กิติคุณ เสด็จยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท บรรพชิตอนัมนิกาย 25 รูป สวดพระพุทธมนต์ เชิญเสด็จดวงพระวิญญาณข้ามสะพาน บรรพชิตอนัมนิกาย 25 รูป นำเสด็จดวงพระวิญญาณลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เชิญเครื่องทองน้อยและธงพุ่มลงทางบันไดด้านตะวันตกไปยังมณฑลพิธี ด้านทิศเหนือของพระที่นั่งฯ โดยมีพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทร กิติคุณ เสด็จตามธงพุ่มดวงพระวิญญาณลงมายังมณฑลพิธี ประทับพระราชอาสน์ ณ ทิมคดตะวันออก ทรงเผากระดาษเงินกระดาษทอง บรรพชิตอนัมนิกาย 25 รูป ตั้งขบวนสวดพระพุทธมนต์นำดวงพระวิญญาณ เสด็จพระราชดำเนินข้ามสะพานโอฆสงสาร โดยมี พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เสด็จตามธงพุ่มดวงพระวิญญาณ เที่ยวไปจนครบ 3 รอบ ระหว่างนั้นทรงโปรยเหรียญลงในขันสาคร ที่หัวสะพานและท้ายสะพาน เมื่อเสร็จพิธี บรรพชิตอนัมนิกาย 25 รูป เชิญดวงพระวิญญาณเสด็จขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาททางบันไดหน้าพระที่นั่งด้านตะวันตก พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทร กิติคุณ จึงจะเสด็จพระราชดำเนินกลับ