วันที่ 31 ธันวาคม 2568 วันสุด ท้ายของปีมะเส็ง “งูเล็ก” เวียนมา ถึงแล้ว นับจากเวลาเที่ยงคืนของคืนที่ผ่านมาได้เวลา “คอลัมป์ประจำปี” หนึ่งปีพบกัน หนึ่งหน “จากใจไทยรัฐ” กลับมาพบท่านผู้อ่าน FC ของพวกเราชาวไทยรัฐอีกคราน่าเสียดายที่ปีนี้เราจำเป็นต้องเริ่มด้วยพาดหัวที่ว่า “งูเล็กใจร้าย” สำหรับการบอกลา ปีงูเล็ก หรือปีมะเส็ง 2568 ที่กำลังจะผ่านไปในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าเนื่องเพราะไม่เคยมีปีไหนเลยที่ประเทศและคนไทยจะต้องเผชิญกับความเจ็บปวด และรันทด สลดใจแบบครบวงจรในทุกๆด้าน ทั้งเศรษฐกิจ-สังคมการเมือง และสารพัดอุบัติภัยดังปีนี้ท่านผู้อ่านที่เคารพมองย้อนกลับไปต้นปี...หลังจากเรามีความสุข ตามสมควรแก่อัตภาพ หลังขึ้นปีใหม่ 2568 ได้เพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น ณ วันที่ 28 มีนาคม ก็เกิด “แผ่นดินไหว” ที่เมียนมาด้วยความรุนแรง ขนาด 7.7-7.9 ส่งผลกระทบรุนแรงมากถึงประเทศไทย และกรุงเทพมหานคร เกินกว่าที่คาดไว้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้นกว่า 100 ราย และมาก ที่สุดที่ ตึกอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ สูง 33 ชั้น มูลค่า 2,136 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างได้พังทลายถล่มลงมา เหนืออื่นใด ภาพที่ตึก “สตง.” ถล่ม ซึ่ง คล้ายคลึงกับตึก เวิลด์เทรด ที่สหรัฐฯ โดนเครื่องบิน ผู้ก่อการร้ายพุ่งชน เมื่อ ค.ศ.2001 นั้น ยากจะลบเลือนไปจากความทรงจำของคนไทยได้ง่ายๆนี่คือคำเตือนที่คนไทยต้องสวดมนต์ภาวนาล่วงหน้านับตั้งแต่นี้ไป โดยเฉพาะคนไทยในเมืองหลวง และเมืองใหญ่ทั่วประเทศที่มีตึกระฟ้าทะยานขึ้นราวดอกเห็ดให้สำนึกไว้เสมอว่า มหาภัยจาก “แผ่นดินไหว” มิใช่เรื่องไกลตัวคนไทยอีกแล้วนับแต่นี้ท่านผู้อ่านที่เคารพแล้วก็มาถึงเดือน กรกฎาคม หลังจากเกิดความตึงเครียด ยั่วยุ ก่อกวนจากฝ่ายกัมพูชามาอย่างต่อเนื่อง ก็เกิดเหตุปะทะด้วยอาวุธสงคราม ขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อ 24 กรกฎาคม ก่อนจะมีข้อตกลงหยุดยิงครั้งแรก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในช่วงปลายเดือนเดียวกันต่อมา ก็เกิดการปะทะรอบใหม่ขึ้นอีก เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม และใช้เวลาปะทะถึง 20 วัน จึงได้มีการตกลงหยุดยิง 72 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่เพิ่งผ่านมาหมาดๆนี้เองต้องขอขอบคุณกองทัพไทยและทหารไทย ทุกคน ที่อุทิศตนสู้รบอย่างห้าวหาญ เด็ดเดี่ยว สามารถสั่งสอนและทำลายสมรรถภาพฝ่ายกัมพูชาลงได้อย่างมหาศาล รวมทั้งสามารถปกปักรักษา อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเราไว้ได้ในที่สุดแต่เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป? 2 พ่อลูก กัมพูชา นายฮุน เซน และ ฮุน มาเนต จะมาไม้ไหน? คงเป็นประเด็นที่จะต้องติดตามต่อไปในปีหน้า ฟ้าใหม่ที่จะมาถึงท่านผู้อ่านที่เคารพต่อมาในวันที่ 24 ตุลาคม พสกนิกรชาวไทย ก็ต้องเผชิญกับความสูญเสียอันยิ่งใหญ่อย่างไม่คาดฝัน เมื่อสถานีโทรทัศน์ทุกช่องรายงานข่าว ว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยนำความโศกเศร้าและอาลัยอย่างสุดซึ้งมาสู่ ปวงชนชาวไทยที่ยังสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงของพระองค์ท่านอย่างไม่มีวันลืมเลือน ตลอดเวลาที่ทรงเคียงข้าง พระบาทสมเด็จพระมหา ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาล ที่ 9 เสด็จเยี่ยมราษฎรในทุกแห่งหนทั่วประเทศบัดนี้ทั้ง 2 พระองค์ได้เสด็จสู่สวรรคาลัยประทับเคียงคู่กันตราบนิรันดร ณ เบื้องบนโน้นแล้ว แต่พระราชกรณียกิจ และโครงการในพระราชดำริต่างๆกว่า 5,000 โครงการ เพื่อปวงชนชาวไทย ยังคงอยู่เคียงคู่ประเทศไทยต่อไปท่านผู้อ่านที่เคารพข่าวร้ายอีกข่าวหนึ่งที่เกิดขึ้นในปีงูเล็กที่จะต้องบันทึกไว้ก็คือ “มหาอุทกภัย” ที่เกิดขึ้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะที่ หาดใหญ่ ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวงนับเป็นการท่วมใหญ่ครั้งที่ 4 แล้ว ในรอบ 30 ปีเศษที่ผ่านมาสำหรับความเสียหายครั้งล่าสุด ทางการประเมินไว้ว่าอยู่ระหว่าง 12,000 ล้านบาท-23,000 ล้านบาท และมียอดเสียชีวิตสูงกว่า 140 ราย จากการ ชันสูตรเบื้องต้นขอบคุณพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศที่ส่งกำลังใจและความช่วยเหลือต่างๆไปสู่พี่น้องชาวหาดใหญ่และชาวใต้อย่างท่วมท้นทั้งหมดนี้คือ เหตุการณ์ใหญ่ที่ควรแก่การบันทึกไว้ สำหรับปี 2568...ยังไม่รวมถึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ที่คาดว่าจะเติบโตเพียงร้อยละ 2 ต่ำสุดในอาเซียน ทำให้หวาดวิตกกันว่าประเทศไทยจะ “ติดกับดัก” เศรษฐกิจขยายตัวต่ำไปอีกหลายปีแม้รัฐบาลของนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล จะมีโครงการ “คนละครึ่งพลัส” มาช่วยกระตุ้น แต่ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นที่สำคัญนายกฯอนุทินก็จำต้องยุบสภาหลังจาก เข้ารับตำแหน่งได้เพียง 3 เดือน 20 วัน ทำให้ประเทศไทยต้องเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 ที่จะมาถึงใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศไทยหลังเลือกตั้ง คงต้องลุ้นกันต่อไปอย่างน้อยอีก 3 เดือนนับตั้งแต่บัดนี้ท่านผู้อ่านที่เคารพมองไปสู่ปี 2569 ปี “มะเมีย” หรือ “ปีม้า” ที่จะมาถึง ก็จะพบว่าสถานการณ์ต่างๆยังน่าห่วงใยเช่นเดิมบางสำนักคาดว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวแค่ร้อยละ 1.5 เท่านั้น สาหัสกว่าปีนี้เสียอีก ใครจะมาเป็นผู้นำคนใหม่จึงนับว่าสำคัญอย่างยิ่ง“จากใจไทยรัฐ” ก็ได้แต่พึ่งพา “วิชามู” หวังว่าปีหน้าซึ่งเป็นปีม้านั้น...ขอให้เป็นม้าที่ภาษากีฬาเรียกว่า “ม้ามืด” เถิดเพราะ ม้ามืด เป็นม้าที่ไม่มีใครคาดหวังว่าจะชนะ...ไม่ได้อยู่ในสายตาของกูรูกีฬาใดๆ ทั้งสิ้น แต่กลับสามารถ “พลิกล็อก” เข้าสู่เส้นชัย หรือคว้าชัยชนะได้ในที่สุดขอให้ได้ “ม้ามืด” ที่มีความรู้ความสามารถมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย และอยู่ได้ครบ 4 ปี เพื่อการบริหารและการพัฒนาที่ต่อเนื่องกันไปท่านผู้อ่านที่เคารพสำหรับปีหน้า 2569 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของ ไทยรัฐ กรุ๊ป อันประกอบด้วย ไทยรัฐ ออนไลน์ และ ไทยรัฐ ทีวี ช่อง 32 จะย่าง เข้าสู่ปีที่ 77 แล้วเราขอยืนยันดังเช่นที่ยืนยันมาตลอด 76 ปี ของการเป็น ไทยรัฐ ว่า เราจะยืนหยัดเคียงข้าง ท่านผู้อ่านและท่านผู้ชมตลอดไปจะรักษาความเป็นกลาง ความเป็นธรรม และปกป้องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขไว้ด้วยชีวิตนี่คือปณิธานของชาวไทยรัฐ กรุ๊ป ที่มีท่าน ผอ.กำพล วัชรพล เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณจากรุ่นสู่รุ่น และจะย่างเข้าสู่ปีที่ 77 ในปี “2569” ที่จะมาถึงนี้ สวัสดีปีใหม่จากใจชาวไทยรัฐทุกๆคนอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่