เมื่อดนตรีไม่ใช่แค่ศิลปะ แต่คือพลังขับเคลื่อนประเทศ “วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล” คือแหล่งบ่มเพาะศิลปินและนักดนตรีที่สร้างชื่อเสียงบนเวทีระดับโลกต่อเนื่องยาวนาน ได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นเลิศทางการเรียนการสอน ศิลปะการแสดง และนวัตกรรมดนตรีไทยสู่สากล จนได้รับการยอมรับว่าเป็น “สถาบันดนตรีอันดับหนึ่งของอาเซียน” นับตั้งแต่ก่อตั้งโดย “รศ.ดร.สุกรี เจริญสุข” ถึงเวลาแล้วที่จะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ภายใต้การนำของ “ดร.ปิยวัฒน์ หลุยลาภประเสริฐ” คีตกวีร่วมสมัยระดับนานาชาติ นักออกแบบนวัตกรรมศิลปะ นักวิจัย และศิษย์เก่าผู้เติบโตจากสถาบันแห่งนี้ การกลับมารับตำแหน่งคณบดีของ “ดร.ปิยวัฒน์” ถือเป็นการเดินทางกลับบ้านเพื่อ “ออกแบบอนาคตของดนตรีไทย” อย่างแท้จริง การันตีฝีมือด้วยรางวัล “Ernst von Siemens Prize” จากประเทศเยอรมนี รางวัลซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “รางวัลโนเบลของดนตรีร่วมสมัย” หลังสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ เขาเดินทางไปต่อยอดความรู้ที่ “Royal College of Music” กรุงลอนดอน ก่อนคว้าปริญญาเอกจาก “Cornell University” ประเทศสหรัฐอเมริกา ตลอดเส้นทางอาชีพ เขาทำงานหลากหลายบทบาท ทั้งคอมโพเซอร์, วาทยกร, ศิลปินเทคโนโลยี, นักวิชาการ, ภัณฑารักษ์ และผู้บริหารศูนย์ดนตรีร่วมสมัยในอเมริกา กระทั่งตัดสินใจครั้งใหญ่ลาออกจากตำแหน่งอาจารย์มหาวิทยาลัยในอเมริกา เดินทางกลับประเทศไทยด้วยความตั้งใจจะสร้างคุณค่าที่มีความหมายยิ่งกว่าให้กับประเทศชาติ “The world is here...at Mahidol เรานำโลกทั้งใบมาไว้ที่นี่แล้ว” คือประโยคที่สะท้อนวิสัยทัศน์ของเขาชัดเจนที่สุด “ดร.ปิยวัฒน์” เชื่อว่า ดนตรีไทยและดนตรีร่วมสมัยของไทยกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ ซึ่งสามารถสร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้จริง และถึงเวลาที่สถาบันการศึกษาต้องทำหน้าที่เป็น “ต้นแบบของนวัตกรรม” ไม่ใช่เพียงสถานที่ผลิตนักดนตรีเหมือนในอดีต “วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล” จะต้องเป็นศูนย์กลางดนตรีร่วมสมัยของเอเชีย และก้าวขึ้นเป็นต้นแบบระดับโลก โดยปัจจุบันได้รับการจัดอันดับ QS Ranking สาขาดนตรี เป็นอันดับที่ 28 ของโลก และภายใต้การบริหารของ “ดร.ปิยวัฒน์” วิทยาลัยตั้งเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ในการยกระดับสู่ 20 อันดับแรกของโลกในอนาคตอันใกล้นี้ หัวใจของแนวคิดนี้คือ “Trans–disciplinary” การบูรณาการข้ามสาขา เพื่อให้ดนตรีขับเคลื่อนเศรษฐกิจ, สังคม, เทคโนโลยี, สุขภาพ และอัตลักษณ์ชาติ วิทยาลัยจึงเตรียมปฏิรูปโครงสร้างและสร้างเวทีใหม่มากมาย ตั้งแต่เทศกาลดนตรีร่วมสมัยนานาชาติ, เวทีสร้างศิลปินรุ่นใหม่ ไปจนถึงโปรเจกต์ผลักดันดนตรีไทยสู่เทศกาลระดับโลก ในยุคของ “ดร.ปิยวัฒน์” มีการปรับหลักสูตรครั้งใหญ่ในรอบทศวรรษ เพื่อให้ดนตรีผสานเข้ากับศาสตร์ใหม่ๆ ตั้งแต่เทคโนโลยี, ปัญญาประดิษฐ์, การแพทย์, สุขภาพจิต, ดนตรีบำบัด, ดนตรีไทย จนถึงงานสร้างสรรค์ร่วมสมัย เป้าหมายคือการสร้างคนรุ่นใหม่ให้เป็น “Cultural Innovators” ผู้คิดใหม่ทำใหม่ และสร้างอาชีพใหม่ในเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พร้อมผลักดันดนตรีไทยสู่เวทีโลกอย่างมั่นใจ บุคคลสำคัญที่อยู่เคียงข้างวิทยาลัย และวงดุริยางค์ฟิลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย (Thailand Philharmonic Orchestra : TPO) มาตั้งแต่วันแรกที่เริ่มก่อตั้งจนถึงวันนี้ คือ “คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล” ผู้ให้การสนับสนุนด้านเงินทุนอย่างต่อเนื่องและมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อความก้าวหน้าขององค์กรทั้งสอง ปัจจุบัน “คุณหญิงปัทมา” ได้รับการแต่งตั้งจากอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบอร์ดบริหารของวง TPO เป็นอีกหมุดหมายสำคัญของการพัฒนาวง สำหรับฤดูกาลนี้ “คุณหญิงปัทมา” ได้มอบแนวทางสำคัญด้านความยั่งยืนให้แก่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ และวง TPO โดยร่วมกับ “ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา” อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลและที่ปรึกษากรรมการบอร์ดบริหาร ในการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการบริหารและยกระดับการพัฒนางานศิลปวัฒน ธรรมอย่างรอบด้าน โดยมี “บัณฑูร ล่ำซํา” เป็นประธานกิตติมศักดิ์ พร้อมด้วยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ ธนนนท์ นิรามิษ, ฐาปน สิริวัฒนภักดี, ศุภชัย เจียรวนนท์, นลินี รัตนาวะดี, รพีพรรณ เหลืองอร่ามรัตน์, นุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ และชรัคร ตรังอดิศัยกุล เพื่อร่วมกันผลักดันโครงการต่างๆอย่างเป็นระบบและสร้างสรรค์ สะท้อนบทบาทในฐานะแกนกลางสำคัญที่ช่วยนำพาวงและวิทยาลัยสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนขึ้น.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่