ปี่กลองเชิดฉิ่งโหมโรง ศึกเลือกตั้งใหญ่ได้ฤกษ์เคาะระฆัง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ล็อกปฏิทิน กำหนดวัน ว.เวลา น.เข้าคูหากาบัตรในวันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 กำหนดเปิดรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งวันที่ 27–31 ธันวาคม และเปิดรับสมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ 28–31 ธันวาคม 2568เร้าไปกับเสียงระเบิดตูมตาม สงครามชายแดนไทย–กัมพูชา ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่ยังต้องลุ้นกันวันต่อวัน ถ้าใกล้ถึงวันดีเดย์เลือกตั้ง แนวรบปะทุไม่หยุด เกมการเลือกตั้งก็ส่อสะดุดตามสภาพการณ์แบบที่ “โสภณ ซาเล้ง” นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกฯ เบอร์ตรงของเจ้าพ่อเขากระโดง แกล้งทำ “ปืนลั่น” ตั้งแต่นาทีแรกๆที่ “นายกฯหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล กดปุ่มยุบสภา ฟันธงถ้าคนยังอพยพจากสงครามจัดเลือกตั้งไม่น่าจะได้แบไต๋ไม่กั๊ก พร้อมลากรัฐบาลรักษาการแบบยาวไปๆจังหวะไหลเข้าทางก๊วนเซราะกราว “นายกฯอนุทิน” ได้คุมเกมในโหมดการสู้รบชายแดน แปรผันตรงกับเกมการเลือกตั้ง ทั้งคุมอำนาจรัฐ บริหารหัวจ่ายงบฯหลวงหาเสียง ได้โอกาสโหนกระแสชาตินิยมระดมกวาดต้อนกองกำลังบ้านใหญ่เข้าคอก “นายฮ้อยเขากระโดง”“แต้มต่อ” อยู่ในสองมือ ล้นจนแทบประคองไม่ไหวแต่ในสถานการณ์หักมุม ก็ต้องแบกความเสี่ยงในโหมดพลิกกลับตาลปัตร เล่นกับอารมณ์ผู้คนในสังคม ถ้าไม่เคลิ้มไปกับการรบโหมชาตินิยมปั่นแต้มเลือกตั้ง โดยเฉพาะคนแนวชายแดนที่ยากลำบากจากสงครามไร้จุดจบแถมส่อเค้าท้าทาย “คาวบอย” โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา อาจตบแรงๆด้วยมาตรการภาษี แซงก์ชันเศรษฐกิจไทย ซ้ำภาวะปากท้องชาวบ้านลำบากหากินไม่ได้ อาการหงุดหงิดโมโหหิว พาลใส่รัฐบาลได้ง่ายๆ“แต้มต่อ” จะอันตรธาน กลายเป็น “แต้มลบ” กู้กันไม่หวาดไม่ไหว สไตล์การเมืองโบราณ ขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยมที่มองแค่หาคะแนนเสียงแบบฉาบฉวย ฉลาดในเล่ห์เหลี่ยมเชิงการเมืองแบบไทยๆแต่ส่อแพ้หมดรูปในยุทธศาสตร์ยาวๆฉุดประเทศเข้าจุดเสี่ยงพ่ายเขมรสภาพงัวเงียอยู่ในแนวรบที่ยกระดับเป็นสงครามมิติซับซ้อน “โลกล้อมไทย” จากโอกาสทองได้ลูกเข้าทาง นานาชาติกำลังไล่ล้างบาง “แผ่นดินบาป” ล้อมกรอบ “จิ้งจอกเฒ่าฮุน เซน” จนมุมพร้อมแก๊งกุนซือ “บัญชีดำ” อาชญากรไซเบอร์ แต่ “นายกฯหนู” เงอะๆงะๆแหยงภาพหลุดนัวเนีย “เบน สมิท” เหมือนกลัวหยิกเล็บเจ็บเนื้อต่างกับกองทัพส้มที่โดนก๊วนเฒ่าเจ้าเล่ห์รุมด่า “โง่ซ้ำซาก”แต่เด็กรุ่นใหม่ไม่ได้สะดุ้งไปกับ “อุปาทานหมู่” ที่ปลุกขึ้นมาจากแก๊งการเมืองโบราณ ตรงกันข้ามกลับมุ่งโชว์มาตรฐาน “โง่” แบบ “มือปราบสแกมเมอร์” รังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน“ตัวแทนหมู่บ้าน” ความหวังเบอร์ต้นๆของไทย ไล่ล้างอาชญากรไซเบอร์ตามฟอร์มของ “ตัวจี๊ด” ที่เกาะติด “เบน สมิท” และโจร สแกมเมอร์เขมรมานานแรมปี ก่อนที่ “ทอม ไรต์” นักข่าว ซีไอเอ สหรัฐฯจะเปิดฉากประจาน “บัญชีดำ” ลั่นโลกนั่นก็ไม่ต้องสงสัยในความลึกล้ำ สะกดให้สังคมไทยร่วมตามแกะรอยสดๆร้อนๆ “โรม” โพสต์เฟซบุ๊ก ฟันธง “อนุทิน” ได้เปลี่ยนสถานการณ์จาก “โลกอยู่ข้างประเทศไทย” ไปสู่ “โลกล้อมไทย” พลาดที่ไม่ทำลายเครือข่ายสแกมเมอร์ โดยเฉพาะที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย“จิ้งจอกเฒ่าฮุน เซน” เลยมีท่อน้ำเลี้ยงสำหรับหล่อเลี้ยงสงครามอย่างไม่มีสิ้นสุดไม่ต้องสงสัย สงครามมีต้นทุนสูง ระเบิดแต่ละลูกมีราคาแพง ไม่นับโดรนกามิกาเซ่ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการติดต่อประเทศต่างๆเพื่อสร้างแรงกดดันต่อประเทศไทย ทั้งหมดนี้ต้องใช้เงิน และเงินเหล่านั้นก็มาจากเงินเทา เงินดำ สแกมเมอร์ที่ดูดจากประเทศไทย และใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งฟอกเงินขณะที่ “เบน สมิท” เป็นกุนซือ “จิ้งจอกฮุน เซน” เชี่ยวชาญการเล่นกลทางการเงิน มาอยู่เมืองไทย “เบน สมิท” ทำงานให้เครือข่ายชนชั้นนำจำนวนมากที่เป็นพวกพ้อง จนเกือบได้สัญชาติเท่ากับทุนเทากำลังยึดประเทศไทยจากกลางเมืองหลวงทะลวงแก่น ฉายภาพได้จะแจ้ง “รังสิมันต์ โรม” ตอกย้ำยุทธการไล่ล้างอาชญากรสแกมเมอร์ โยงสงครามชายแดนไทย–กัมพูชา พ่วงมิติซับซ้อนภูมิรัฐศาสตร์มหาอำนาจโลก สามารถตอบโจทย์โคตรยากๆ “ให้มันจบที่รุ่นเรา” คือต้องทุบแก๊งอาชญากรไซเบอร์ที่แฝงอยู่ในชนชั้นนำ นัวเนียผู้มีอำนาจในเมืองไทย“ตัดเส้นเลือดใหญ่” ของ “จิ้งจอกฮุน เซน” ให้ตายคา “แผ่นดินบาป” กัมพูชา นั่นแหละจอดแน่และมอตโต้ “มีเรา ไม่มีเทา” กองทัพส้มคือความหวังหนึ่งเดียวทำได้.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม