คนร่วมเฟรมแห่เคลียร์วุ่นความสัมพันธ์กับ “เบน สมิธ” “อนุทิน” รับรู้จักเจอกันตามงาน 5-6 ครั้งแต่ไม่สนิท แค่คุยกันแบบเพื่อนของเพื่อน คดีฟอกเงิน-สแกมเมอร์ปิดชื่อถือพฤติกรรมพันถึงใครฟันหมด โยงปมไม่ให้สัญชาติถึงถูกเขี่ยพ้น มท.1 โยนถามตำรวจป่านนี้ยังไม่มีหมายจับ “เอกนิติ” ตอบผ่านไลน์ร่วมงานเลี้ยงหลักสูตรผู้บริหารของ ตร. ไม่เกี่ยวข้องแก๊งทำผิด ก.ม. “บิ๊กแดง” แจงรู้จักแค่ผิวเผิน ตอนดูงานหลักสูตร วปอ. ที่สิงคโปร์และมีรูปร่วมงานแต่งงานลูกสาว แต่ไม่ได้คบหาขั้นสนิท “โรม” ถึงบางอ้อ “หนู” ถึงไม่กล้าปลด “ธรรมนัส” เชิญนายกฯแจงปมฟอกเงินใน กมธ.มั่นคงฯ พท.ชี้เจอ 5-6 ครั้งไม่ใช่แค่ผ่านๆแน่ โต้ “เสี่ยหนู” ตกเก้าอี้ เพราะทำงานไม่เป็น ก.ล.ต.ถก ปปง.ขยับสอบทุนเทาป่วนตลาดทุน “วันนอร์” บรรจุวาระ 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระ2 คาดลงมติวาระ3 เร็วสุด 29 ธ.ค.จากกรณีมีการเผยแพร่ภาพถ่ายในโลกออนไลน์ เป็นภาพที่มีนักการเมืองชื่อดังหลายคนร่วมเฟรมกับนายเบน สมิท หนึ่งในบุคคลที่คณะกรรมการธุรกรรม ปปง.ยึดและอายัดทรัพย์ ทำให้บุคคลที่อยู่ในภาพต่างออกมาชี้แจง ยอมรับว่าร่วมถ่ายภาพด้วยจริง แต่พบปะตามงาน แต่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดต่อกัน“หนู” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิทเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 4 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ให้ สัมภาษณ์กรณีปรากฏภาพถ่ายร่วมกับนายเบน สมิท นักธุรกิจที่ถูกสหรัฐฯจัดอยู่ในกลุ่มบุคคลเสี่ยงเกี่ยวข้องขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติ และอยู่ในเครือข่ายที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดทรัพย์ ว่า สื่อเห็นอยู่แล้วว่าภาพดังกล่าวถ่ายเมื่อไหร่ วันที่ 3 ธ.ค. ที่ไปแถลงข่าวการยึดทรัพย์สแกมเมอร์ สื่อถามว่าใครมีเส้นมีสาย ตนพูดชัดเจนว่า หากไปถึงใคร ต้องดำเนินการตามกฎหมายทั้งหมด เมื่อถามว่าจะออกหมายจับนายเบน สมิท หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ถึงใครก็โดนคนนั้น การออกหมายจับหรือไม่ ต้องไปถามตำรวจ เส้นเงินถึงใครก็คนนั้น ถึงบอกว่าปิดชื่อถือพฤติกรรม เมื่อถามว่ารู้จักกับนายเบน สมิท หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “รู้จักๆ แต่ไม่สนิท และภาพที่ปรากฏคือการเจอกันครั้งแรก”คุยกันแบบเพื่อนของเพื่อนเมื่อถามว่าการเจอครั้งนั้นนายเบน สมิท บอกหรือไม่ว่าทำธุรกิจอะไร นายอนุทินส่วยหน้าพร้อมบอกว่า เป็นคนที่คุยกันในลักษณะเพื่อนของเพื่อนของเพื่อน ถามว่ารู้จักหรือไม่ ก็รู้จัก และหลังจากนั้นเจอกันตามงานก็ทักทาย เมื่อถามว่าเคยเจอกันกี่ครั้ง นายอนุทินกล่าวว่า โอ้โห ถามอะไรขนาดนั้น ก่อนย้อนถามสื่อว่า เจอเองกี่ครั้งหมายความว่าอย่างไร เขามีแวดวง เจอในงานประมาณ 5-6 ครั้ง เมื่อถามว่าแสดงว่านายเบน สมิท รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่บ้านเมืองเยอะใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า สื่อก็เห็นจากรูปแล้ว ทำไมจะมาเอากับเรื่องรูปที่ถ่ายเป็น 10 ปีโบ้ยสื่อก็รู้ว่าใครปล่อยภาพเมื่อถามว่าการปรากฏภาพดังกล่าวเป็นเกมการเมืองหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า แล้วแต่คิด ปกติแล้วไม่ได้ติดต่อและไม่ได้มีธุรกิจร่วมกับนายเบน สมิท จำไม่ได้หรือที่เขาไม่ได้สัญชาติไทยเสียที เมื่อถามว่าเรื่องนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้ถูกปลดจากรัฐมนตรีมหาดไทยหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “ใช่ ก็ว่า เป็นหนึ่งเหตุ เป็นหนึ่งในข้อหาที่ผมโดนขอให้ออกจากรัฐมนตรีมหาดไทย แต่ยืนยันไม่ใช่เป็นการปลดจากรัฐบาล ตอนนั้นเป็นการให้ผมไปเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข แต่ไม่เอา เขาไม่ได้ปลดผมออกจากรัฐบาล ผมถอนตัวเอง” เมื่อถามว่าพยายามกู้ภาพรัฐบาลจากปัญหาน้ำท่วม ด้วยการปราบสแกมเมอร์ แต่การปล่อยภาพนี้ออกมาเหมือนพยายามจะดึงลงเหวไปด้วยกัน นายอนุทินกล่าวว่า คิดวิเคราะห์และแยกเรื่องให้ถูก เมื่อถามย้ำว่าทราบหรือไม่ว่าใครเป็นคนปล่อยภาพนี้มา นายอนุทินตอบว่า รู้หมด สื่อก็รู้ เมื่อถามว่านายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน ตั้งข้อสังเกตว่าการรู้จักกับนายเบน สมิทเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ไม่อยากแก้ปัญหาสแกมเมอร์ นายอนุทินย้อนว่า “โอ้โห นี่อะนะ ที่ไม่แก้เรื่องสแกมเมอร์ You know me little go (รู้จักตนน้อยไป)”บินไปบุรีรัมย์มอบนโยบาย ชรบ.ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง นายอนุทินพร้อมนายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกฯ เดินทางไปถึงท่าอากาศยานบุรีรัมย์เวลา 15.00 น. นั่งเฮลิคอปเตอร์ของ สตช.ไปลงจุดจอดสนามกีฬาเทศบาลตลาดนิคมปราสาท ต.ปราสาท อ.บ้านกรวด ขึ้นรถตู้เมอร์เซเดส-เบนซ์ สีดำ ทะเบียน นข 1881 บุรีรัมย์ ไปที่โดมอเนกประสงค์ เทศบาลตลาดนิคมปราสาทมอบนโยบายการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนและพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลังให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) โดยนายปิยะ ปิจนำ ผวจ.บุรีรัมย์ ชรบ.2,000 นาย และประชาชนต้อนรับนายอนุทินมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า ได้เห็นความเข้มแข็งของทุกท่านแล้วดีใจ มั่นใจทุกท่านพร้อมจะดูแลประชาชน กรณีหากมีสถานการณ์ใดๆ เกิดขึ้น จะได้เป็นกำแพงมหึมาทำให้พื้นที่ส่วนหลังแข็งแกร่ง แม้จะยังไม่มีสถานการณ์รุนแรงใดๆ เพราะมีการร่วมกันจัดการพื้นที่พิพาทปักหมุดชั่วคราวด้วยการใช้เทคโนโลยี คืบหน้าในการบริหารพื้นที่มีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปได้ด้วยดี จากนั้นนายกฯและคณะไปที่โรงเรียนนิคมสร้างตนเอง 1 รับชมการสาธิตแผนเผชิญเหตุการณ์ตามแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน“เอกนิติ” แจงไม่เกี่ยวข้องกลุ่มทำผิด ก.ม.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีภาพนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.คลัง เป็นข่าวถ่ายภาพร่วมกับนายเบน สมิท ผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์สอบถามและส่งข้อความผ่านแอปพลิเคชันไลน์ไปถึงนายเอกนิติ แต่ไม่รับสาย มีเพียงส่งข้อความผ่านไลน์ โดยระบุว่า “ภาพที่ปรากฏเป็นข่าว เป็นภาพจากงานของหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เป็นงานเลี้ยงผู้เข้าร่วม 60-70 คน ประกอบด้วยผู้บริหารระดับประเทศจากทั้งภาครัฐและเอกชนหลากหลายวงการ ผมเข้าไปร่วมงานในฐานะที่ปรึกษาและอาจารย์หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงของ สตช. และเป็นผู้ร่วมงานเช่นเดียวกับแขกคนอื่นๆที่ไปร่วมพบปะพูดคุยกันตามธรรมเนียมในโอกาสงานสังคมทั่วไป ขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายของกลุ่มบุคคลที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี และผมสนับสนุนให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย” ทั้งนี้ตลอดทั้งวันที่ 4 ธ.ค.สื่อมวลชนต่างเฝ้ารอสอบถาม แต่นายเอกนิติเลี่ยงให้สัมภาษณ์ โดยเข้ากระทรวงการคลังทางลานจอดรถชั้น 4 จากปกติจะจอดรถหน้าอาคารกระทรวงการคลัง 150 ปี แล้วให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ทุกครั้งตกใจภาพถ่าย ย้ำไม่คบหาสมาคมต่อมาเวลา 18.50 น. นายเอกนิติกล่าวว่า ภาพที่เป็นข่าวขณะนี้ เป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นในอดีต เป็นภาพจากงานเลี้ยงสังสรรค์ตามปกติของหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องบอกว่าเจอคนหลายคน ตกใจเหมือนกันที่มีรูปถ่ายตนออกมา ไม่ได้คบหาสมาคมด้วย ยังยืนว่าคนทำผิดกฎหมาย ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายของกลุ่มบุคคลที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี และสนับสนุนให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย“บิ๊กแดง” บอกรู้จักกันแค่ผิวเผินขณะที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. ที่เป็นหนึ่งในบุคคลที่ปรากฏภาพร่วมเฟรมกับนายเบน สมิท วันเดียวกัน ช่วงหนึ่งของรายการสรยุทธ “กรรมกรข่าว คุยนอกจอ” นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้จัดรายการ ได้กล่าวว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. ส่งข้อความมาถึงโดยระบุว่า “ผมได้เห็นภาพและขอชี้แจงตามนี้ว่า ภาพแรกเป็นภาพปี 2557 ขณะเรียนหลักสูตร วปอ. และเดินทางไปดูงานที่สิงคโปร์ มีเพื่อนแนะนำให้รู้จัก เบน สมิท เป็นนักธุรกิจและมารับประทานอาหาร ยังจำได้ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล พูดในตอนนั้นว่า อเมริกันแชร์ คือทุกคนจ่ายค่าอาหารทุกคน ไม่มีใครเลี้ยง ภาพอีกภาพเป็นรูปงานแต่งของลูกสาว และคนมาร่วมงานเยอะ ยืนยันส่วนตัวไม่ได้สนิทหรือคบหากับเบน สมิท เป็นการรู้จักแบบผิวเผินกับเบน สมิท”“โรม” ขยี้ “อนุทิน” ถึงไม่กล้าปลด “ธรรมนัส”นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาฯ โพสต์เฟซบุ๊กถึงภาพถ่ายนักการเมืองชื่อดัง ร่วมเฟรมกับนายเบน สมิทว่าจากภาพนี้นำมาสู่คำถามอีกมากมาย 1.นี่หรือเปล่าที่ทำให้คนอย่างเบน สมิท ไม่มีใครกล้าแตะต้อง จนถึงวันนี้ยังไม่มีการออกหมายจับ สรุปจะช่วยกันใช่มั้ย คงไม่ต้องพูดถึงการออกหมายแดงของ Interpol ตามล่าตัวจากต่างประเทศ คงไม่มีวันเกิดขึ้นหรือเปล่า 2.การยึดอายัดทรัพย์แค่การลดกระแสสังคมใช่หรือไม่ เดี๋ยวก็ปล่อยทรัพย์คืนพวกแก๊งสแกมเมอร์ไป สรุปรัฐบาลไม่เอาจริงเช่นนี้แล้ว เหยื่อสแกมเมอร์เมื่อไหร่จะได้เงินคืน 3.เพราะมีบางคนมีภาพพวกนี้อยู่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จึงยังคงเป็นรองนายกฯต่อไปได้ เพราะคงกุมความลับไว้มาก ท่านอนุทินจึงไม่กล้าปลดคุณธรรมนัส แม้จะมีความเชื่อมโยงกับนายเบน สมิท 4.ไม่น่าเชื่อว่าแก๊งสแกมเมอร์จะยิ่งใหญ่บนผืนแผ่นดินไทยได้ขนาดนี้ มีเครือข่ายกว้างขวางอย่างไม่น่าเชื่อ เจ้าหน้าที่รัฐจะกล้าปราบทุนเทายึดประเทศหรือไม่กมธ.มั่นคงฯเชิญนายกฯถกฟอกเงินช่วงเย็น นายรังสิมันต์โพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้งว่า วันที่ 11 ธ.ค. กมธ.ความมั่นคงฯจะพิจารณาเรื่องการฟอกเงินที่โยงกับสแกมเมอร์จากกัมพูชา เชิญทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตัวแทนคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.ตม.)และผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) หากมีรายละเอียดคืบหน้าอย่างไร จะแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบต่อไปพท.ดักคอเจอ 5-6 ครั้งไม่ใช่แค่ผ่านๆที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงว่า ภาพนายอนุทิน ร่วมเฟรมกับนายเบน สมิท แม้จะเป็นรูปเก่าแต่เห็นได้ชัดอยู่ในหลายสถานที่หลายเวลา ล่าสุดนายอนุทินบอกเจอกัน 5-6 ครั้ง ความสัมพันธ์คงไม่ใช่แค่เจอกันผ่านๆในงาน ความสัมพันธ์นี้ลึกซึ้งแค่ไหน เรื่องราวในรูปเกี่ยวโยงกับความล่าช้าการจัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของรัฐบาลหรือไม่ กรณี รมว.ดีอีบอกมีคนเสนอสินบน 40 ล้านบาท จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับคำตอบว่าเป็นใคร เชื่อมโยงกันหรือไม่ ที่นายอนุทินบอกพ้นตำแหน่ง รมว.มหาดไทย เพราะไม่ให้สัญชาติไทยกับเบน สมิท ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องสัญชาติ แต่เหตุผลเดียวคือท่านทำงานไม่เป็น ตั้งแต่ตัดน้ำ ตัดไฟคอลเซ็นเตอร์ล่าช้า และยิ่งเป็นที่ประจักษ์ตอนบริหารจัดการน้ำประชาชนหลายแสนคนแช่น้ำอยู่ 4 เดือนแล้ว ขอย้ำไม่มีดีลใดๆ การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นสิทธิและหน้าที่ฝ่ายค้าน พรรคฝ่ายค้านอื่นๆรัฐบาลบริหารจัดการเสียหายยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เพียงพอหรือยังที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจขู่ “อนุทิน” อยู่ในลิสต์ซักฟอกเมื่อถามว่า ในภาพมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.คลังด้วย นายกฯ ควรตรวจสอบเหมือนกรณีนายวรภัค ธันยาวงศ์ อดีต รมช.คลังหรือไม่ นายศึกษิษฎ์ กล่าวว่า พรรคเตรียมข้อมูลไว้ตรวจสอบรัฐมนตรีที่บริหารพร้อมๆกัน ส่วนจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจใครบ้าง ต้องไปพิจารณาอีกที แต่ที่แน่ๆนายกฯผู้รับผิดชอบสูงสุดอยู่ในลิสต์แน่นอน นายอนุทินบอกว่าเรื่องนายเบน สมิท เป็น อีกเหตุผลที่ทำให้หลุดจากเก้าอี้ รมว.มหาดไทย ไม่เกี่ยวกับการไม่ให้สัญชาตินายเบน สมิท แต่เพราะ ทำงานไม่เป็น บริหารจัดการไม่ได้ ตั้งแต่คอลเซ็นเตอร์ตัดน้ำ ตัดไฟล่าช้า จนกระทั่งตอนนี้คนทั้งประเทศเห็นเป็นประจักษ์แล้วว่าทำงานไม่เป็น เห็นได้จากการบริหารจัดการน้ำท่วมภาคใต้ ต่อให้ไม่มีภาพนี้ออกมา การบริหารจัดการของนายกฯอยู่ในขั้นต่ำมาก ภาพนี้ออกมาคงไม่ได้ทำให้แย่ไปมากกว่านี้ แต่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการบริหารจัดการของนายกฯไม่ได้เข้าตาประชาชนปชป.จี้ปลดอดีตที่ปรึกษา ก.ม.เบนด้านพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกแถลงการณ์ว่า จากกรณีมีภาพปรากฏร่วมกันระหว่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ บุคคลสำคัญในรัฐบาลและนายเบน สมิท (เบนจมิน เมาเออเบอร์เกอร์) ผู้มีรายชื่อปรากฏอยู่ในร่างกฎหมายของสหรัฐฯ เกี่ยวข้องกับการปราบปรามเครือข่าย Scammer ระดับนานาชาติ และเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทาง ปปง.อายัดทรัพย์ไป แม้ว่าความสัมพันธ์ในภาพถ่าย จะไม่ใช่สิ่งที่ชี้ถึงความผิดโดยทันที แต่เป็นเรื่องธรรมดาที่ประชาชนจะเกิดข้อสงสัย และอาจรู้สึกไม่สบายใจได้ โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลเป็นผู้ที่รับผิดชอบโดยตรงในการปราบปรามขบวนการ Scammer จึงขอเรียกร้องให้นายอนุทินและนายเอกนิติชี้แจงที่มาของภาพ ความสัมพันธ์มีลักษณะอย่างไร และบุคคลที่เคยเกี่ยวข้องกับนายเบน สมิท ในฐานะ “อดีตที่ปรึกษากฎหมาย” และปัจจุบันดำรงตำแหน่งในรัฐบาล ควรให้พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อแสดงถึงความจริงใจ ความโปร่งใส และความ ตั้งใจจริงในการปราบปรามเครือข่าย Scammerทสท.บี้ ก.ล.ต.สอบทุนเทา 2.6 หมื่นล้านวันเดียวกัน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ประธาน ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) และอดีตเลขาธิการ สมช.กล่าวถึงภาพหลุดนายเบน สมิทกับนายกฯ รมว.คลังและนักการเมืองไทย หลายรายว่า แม้นายเอกนิติชี้แจงว่าเป็นภาพเก่าเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ถ่ายในหลักสูตรของ สตช. แต่เมื่อพิจารณาจำนวนภาพอื่นๆที่มีบุคคลสำคัญทางการเมือง ข้าราชการระดับสูง อดีตนายกฯ อดีตผู้บัญชาการทหารและตำรวจ ไปจนถึงนักธุรกิจสายการเงินในเฟรมเดียวกัน ยิ่งสะท้อนเครือข่ายสีเทาใช้เวลายาวนานแทรกซึมทุกภาคส่วนของไทยอย่างเป็นระบบและแยบยล ปปง.อายัดทรัพย์ขบวนการนี้ ราว 10,000 ล้านบาท ขณะที่ สส.ฝ่ายค้าน นักวิชาการ และภาคประชาสังคมประเมินว่าตัวเลขแท้จริงอาจสูงถึง 26,000 ล้านบาท แต่จนถึงขณะนี้ ก.ล.ต. ยังไม่ขยับจึงเป็นต้องจับตาอย่างยิ่งคาใจทำไมรัฐบาลไม่ออกหมายจับพล.ท.ภราดรกล่าวอีกว่า ขอเตือนวันครบกำหนดอายัดทรัพย์ 90 วันแล้วต้องดูทรัพย์ที่จะถูกยึดได้จริงเหลือเท่าใด การบังคับใช้กฎหมายเดินหน้ามากน้อยแค่ไหน เหตุใดยังไม่มีหมายจับนายเบน สมิท ทั้งที่คดีเชื่อมโยงข้ามชาติชัดเจน ถ้ามีหมายจับจะออกหมายแดงอินเตอร์โพลได้ จำกัดเส้นทางหลบหนี เพิ่มโอกาสนำตัวมาดำเนินคดี และกรณีนายยิม เลียก ผู้ต้องสงสัยชาวกัมพูชา ประเทศไทยและกัมพูชามีข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนอยู่แล้ว รัฐบาลไทยควรประสานงานเพื่อจับตัวและส่งกลับมาดำเนินคดี ไม่ใช่ปล่อยให้ลอยนวลอยู่ต่างประเทศ ขณะนี้บุคคลในขบวนการสีเทาหลายรายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในไทยกำลังดิ้นรนหนัก เพื่อหลุดจากบัญชีเป้าหมายของสหรัฐฯ ที่เตรียมออกกฎหมายเล่นงานเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ บางรายพยายามแยกตัวมาเป็นพยาน โยนความผิดให้คนอื่นแทน แลกลดโทษหรือหลุดความรับผิด กระบวนการมืดและเงินติดสินบนจำนวนมาก ทุกฝ่ายต้องจับตาอย่างใกล้ชิด นี่ไม่ใช่แค่ภาพหลุดแต่เป็นสัญญาณเตือนว่า เครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติเข้ามาปะปนแทรกซึมวงการเมือง ระบบราชการและภาคธุรกิจไทยยาวนาน รัฐบาลต้องเร่งตัดวงจรนี้ให้เด็ดขาด ก่อนความเสียหายจะลุกลามจนควบคุมไม่ได้สว.ป้อง “อนุทิน” ไม่ได้เช็กเบื้องหลังที่รัฐสภา พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว.ประธาน กมธ.ทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา กล่าวถึงการแก้ปัญหาสแกมเมอร์ของรัฐบาลว่า รัฐบาลอาจดูล่าช้า แต่มองเป็นความรอบคอบ เป็นความเชื่อถือและเป็นเครดิตประเทศไทย จะทำอะไรต้องรอบคอบ ไม่มีผลกระทบความไม่เป็นธรรมตามมาภายหลัง ส่วนการปรากฏภาพถ่ายคนในรัฐบาลทั้งนายอนุทิน นายเอกนิติอยู่ในภาพถ่ายร่วมกับนายเบน สมิท ตอนถ่ายภาพร่วมกันขณะถ่ายอาจไม่ทราบใครเป็นอะไรอย่างไร ไม่มีโอกาสเช็กเบื้องหลังบุคคลต่างๆมีปัญหาอะไรหรือไม่ ต้องให้ความเป็นธรรม หากเชื่อมโยงและพบการกระทำผิดร่วมต้องดำเนินการตามกฎหมาย รัฐบาลชัดเจนเรื่องนี้อยู่แล้วตลท.พร้อมร่วมมือล่าคนทำผิด ก.ม.นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงกรณี ปปง.ยึดและอายัดทรัพย์สินเชื่อมโยงเครือข่าย สแกมเมอร์ รวมถึงหุ้น บมจ.บางจากคอร์ปอเรชั่น (BCP) มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท ว่า ตลท.พร้อมร่วมมือและสนับสนุนข้อมูลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเต็มที่ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ต้องเข้าไปดูว่าหุ้นบางจาก 6,000 ล้านบาท เป็นส่วนของใครที่ถูกอายัด แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อฟรีโฟลตหรือสภาพคล่องการซื้อขายหุ้น BCP ส่วนที่ถูกอายัดไว้ ปกติไม่ได้เทรดหรือซื้อขายรายวันอยู่แล้ว ไม่น่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อปริมาณซื้อขายหรือราคาหุ้นในกระดาน และมีมาตรการป้องกันอยู่แล้ว ที่ผ่านมาบางจากมีการตั้ง กมธ.เพื่อปกป้องนักลงทุนโดยรวมออกมาแล้ว ข่าวสารเชิงลบที่เกิดขึ้นแม้จะเกิดกับบริษัทจดทะเบียนเพียงไม่กี่รายจากมากกว่า 800 บริษัท แต่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของตลาดทุนไทย แต่หากจะกล่าวหาว่าตลาดหุ้นไทยกลายเป็นแหล่งฟอกเงินอาจรุนแรงเกินไป หวังว่าภาครัฐจะให้ความชัดเจนอย่างรวดเร็วกับนักลงทุน ส่วนที่ว่ามีหุ้นอีก 6 ตัวกำลังถูก ปปง.ตรวจสอบ ปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาขอข้อมูลก.ล.ต.ขยับสอบผู้ถือหุ้นพันทุนเทานายธวัชชัย พิทยโสภณ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต.ได้รวบรวมข้อมูลการถือหุ้นที่เรามีข้อสงสัยอยู่ และข้อมูลจาก ปปง.รวมถึงขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่างประเทศ ขอข้อมูลผู้เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นที่เป็นนักลงทุนในต่างประเทศ ตรวจสอบว่าผู้ถือหุ้นแท้จริงคือใคร ตามหลักเกณฑ์เจ้าของหุ้นต้องรายงานการถือหุ้น ส่วนกรณีใช้นอมินีถือแทน ผู้ถือหุ้นที่แท้จริงต้องรายงาน ทำให้ ก.ล.ต.ต้องประสานข้อมูลจากต่างประเทศให้มีพื้นฐานไปตรวจสอบต่อได้ทั้งนี้ ช่วงเช้าวันที่ 4 ธ.ค.นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. พร้อมผู้บริหารระดับสูง ก.ล.ต.เข้าหารือกับเลขาธิการ ปปง.และคณะผู้บริหาร ปปง. เพื่อติดตามและประสานความร่วมมือเกี่ยวกับการยึดและอายัดทรัพย์เครือข่ายผู้กระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย ปปง.ได้มอบข้อมูลเบื้องต้นตามที่ ก.ล.ต.ร้องขอ“ศรีฯ” ร้อง ป.ป.ช.สอบ “อนุทิน–เอกนิติ”เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน เข้ายื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ขอให้ไต่สวนและมีความเห็นว่ากรณีโซเชียลมีเดียเผยแพร่ภาพบุคคลต่างๆ โดยมีนายอนุทิน นายเอกนิติ และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคน รวมทั้งนักธุรกิจพลังงานชื่อดังถ่ายภาพมากมายหลายกิจกรรมร่วมเฟรมกับนายเบน สมิท บุคคลที่ถูกหน่วยงานรัฐหลายหน่วยงาน ทั้ง ปปง.ตรวจสอบธุรกรรมว่าเกี่ยวข้องกับเครือข่ายสแกมเมอร์ ข้ามชาติหรือไม่ คบหาสมาคมกับบุคคลต้องสงสัยของ ปปง. และหน่วยงานรัฐกระบวนการยุติธรรม ถือได้ว่าขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ แม้นายอนุทินและนายเอกนิติปฏิเสธเป็นภาพเก่าอาจถ่ายหลังรัฐประหารเมื่อปี 57 ขณะไปสิงคโปร์ แล้วไปเจอกับคณะข้าราชการระดับสูงหลายท่าน โดยเจอนายเบน สมิทด้วย แต่ยืนยันไม่ได้คบหา คำปฏิเสธของนายกฯและ รมว.คลัง ประชาชนคงไม่อาจไว้วางใจได้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ พฤติการณ์ตามภาพอาจเข้าข่ายการคบหาสมาคมกับคู่กรณีที่มีชื่อเสียงทางลบ อันอาจจะเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 11 ข้อ 17 และข้อ 19 ประกอบข้อ 27 อันทำให้เสื่อมเสียต่อการดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ หลังจากนี้อาจไปร้อง กกต.ให้ตรวจสอบพรรคการเมืองหลายพรรคที่อาจเกี่ยวข้องด้วย“วันนอร์” บรรจุวาระแก้ รธน. 10–11 ธ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา บรรจุวาระการนัดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญวันที่ 10-11 ธ.ค. เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 2 ระหว่างวันที่ 10-11 ธ.ค. เรียบร้อยแล้ว โดย น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย กรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า วิป 3 ฝ่าย นัดหารือเตรียมความพร้อมประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 8 ธ.ค. ประเมินคิดว่า 2 วัน น่าจะเพียงพอพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 2 แม้จะมีประเด็นพิจารณาค่อนข้างมาก และมี กมธ.สงวนความเห็นไว้ทุกมาตรา แต่บางมาตราที่แก้ไข แต่ได้ปรับเนื้อหาตามกัน ส่วนการกำหนดกรอบเวลาวาระ 2 แต่ละฝ่ายจะได้เวลาอภิปรายเท่าใด ยังไม่สามารถกำหนดได้ ต้องรอหารือวิป 3 ฝ่ายลงมติ รธน.วาระ 3 เร็วสุด 29 ธ.ค. นายศิโรจน์ แพทย์พันธุ์ เลขาธิการสภาฯ กล่าวว่า การประชุมพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ2 ประธานรัฐสภาไม่ขัดข้องจะปิดประชุมกี่โมง ส่วนวาระ 3 หากเสร็จวันที่ 11 ธ.ค. ต้องรอไว้ 15 วันคือวันที่ 26 ธ.ค. แต่ต้องรอพ้นกำหนด 15 วันก่อน วันแรกที่จะพิจารณาวาระ 3 ได้เร็วสุดคือวันที่ 29 ธ.ค.แต่ต้องดูความพร้อมสมาชิกด้วย เพราะวันที่ 29 ธ.ค.เป็นวันสิ้นปี ประธานรัฐสภาไม่ขัดข้อง หรือจะเป็นช่วงหลังปีใหม่ วันที่ 5-6 ม.ค.69 อยู่ที่วิป 3 ฝ่ายคุยกัน เมื่อถามว่าหากเป็นเช่นนี้อาจทำให้การทำประชามติไม่ทันการเลือกตั้งหรือไม่ นายศิโรจน์ตอบว่า ต้องดูรายละเอียดวันที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้วส่งไปให้ ครม.ทำประชามติเป็นวันไหน ต้องดูความพร้อมเรื่องนี้ ประธานรัฐสภาเปิดโอกาสให้เต็มที่ จะประชุมวันไหนก็ยินดีพท.ส่งอดีตปลัด กษ.ลุยสุพรรณฯเมื่อเวลา 13.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผอ.เลือกตั้งพรรค พท. พร้อมนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ร่วมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.สุพรรณบุรี 3 คน คือนายประยูร อินสกุล อดีตปลัดกระทรวงเกษตรฯ นายชัยพร สีถัน ผู้ประกอบการในพื้นที่ และนายภานรินทร์ อินสกุล ลูกชายนายประยูร และว่าที่ผู้สมัคร สส.นครปฐม คือนายธนรัฐ โคจรานนท์ ข้าราชการเกษียณอายุผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตร โดยนายสุริยะกล่าวว่า เราแสดงความพร้อมลงสนามเลือกตั้ง ผู้สมัครเป็นบุคลากรเชี่ยวชาญด้านการเกษตร ใกล้ชิดประชาชนในพื้นที่ เข้ามาเสริมกำลังให้พรรค เชื่อว่าจะประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอนด้านนายประยูรกล่าวว่า เพิ่งเกษียณอายุราชการมา และเป็นอดีตรองประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร มาร่วมงานกับพรรค พท.เพราะมีหลายนโยบายที่ดี และเสนอผลักดันนโยบายด้านการเกษตรผู้ดูแลเกษตรกรแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ จะปักธงในสุพรรณบุรีหรือไม่ เป็นการตัดสินใจของคนในพื้นที่กกต.ฟันอาญา 2 นักล็อบบี้เลือก สว.วันเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เผยแพร่คำวินิจฉัยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายธนาวุฒิ แสงอรุณ ผู้มีสิทธิเลือก สว.ระดับ จ.มหาสารคาม กลุ่มที่ 19 หมายเลข 6 ผู้ถูกร้องที่ 1 และนายสัจจพงษ์ ภูมิศักดิ์ บุคคลที่ไม่ใช่ผู้สมัคร ผู้ถูกร้อง ที่ 2 ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 62 และให้ดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 77 (1) ไต่สวนปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่านายธนาวุฒิและนายสัจจพงษ์ เป็นตัวแทนหรือคนกลาง ชักชวนหรือจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกระดับประเทศมาที่โรงแรมปทุมธานีเพลส เพื่อสมคบคิด วางแผนหรือจัดเตรียมเพื่อลงคะแนนเลือก สว.ระดับประเทศ โดยจัด ทำ ให้ เสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้เงิน หรือประโยชน์อื่นใดที่อาจคำนวณ เป็นเงินได้ ทั้งคู่ให้การยอมรับตามข้อกล่าวหา ทั้งนี้ นายสัจจพงษ์เป็นอดีตนายกเทศมนตรี ต.โนนสะอาด เปิดตัวผ่านเฟซบุ๊กเป็นว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต 8 อ.โนนสะอาด อ.หนองแสง และ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี พรรค ภท.มีภาพถ่ายร่วมกับแกนนำพรรค พร้อมภาพร่วมประชุมใหญ่วิสามัญพรรคที่ผ่านมาด้วย“เจ๊แดง” เข้าเรือนจำเยี่ยมพี่ชายเมื่อเวลา 12.55 น. ที่เรือนจำกลางคลองเปรม นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ (เจ๊แดง) น้องสาวคนรองของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางเข้าเยี่ยมพี่ชายราว 20 นาที ต่อมานางเยาวภาเปิดเผยว่า ทราบจากผู้คุมเรือนจำว่าวันนี้นายทักษิณขึ้นร้องเพลงบนเวที จึงถามท่านถึงเรื่องนี้ ท่านบอกว่าขึ้นร้อง 3 เพลง มีผู้ต้องขังที่อยู่ข้างล่างเวทีร้องขอให้ร้อง ท่านก็สนุกแต่ไม่ทราบได้ขึ้นร้องร่วมกับเสก โลโซ หรือไม่ ไม่ได้ถาม ส่วนสุขภาพดูทั่วไป ท่านโอเคตามสภาพ อยู่ตรงนั้นคงไม่ได้สบาย ได้ให้กำลังใจให้รักษาสุขภาพ ส่วนกรณีนายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ลูกชายจะเป็น 1 ในแคนดิเดตนายกฯพรรค พท. คงแล้วแต่พรรค เจ้าตัวเป็นตัวของตัวเอง คิดแทนไม่ได้ เขามีวุฒิภาวะพอ เป็นพ่อแม่ต้องให้กำลังใจลูกอยู่แล้ว แต่ไม่ค่อยรับรู้เรื่องนี้เท่าไหร่ ตอนนี้เป็นห่วงแต่นายทักษิณอย่างเดียว ไม่ได้คุยกับนายทักษิณเรื่องนี้“ทักษิณ” ขึ้นเวทีร้องเพลงสร้างพลังบวกผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ผบ.เรือนจำพิเศษมีนบุรี นำทีมนักดนตรีจากเรือนจำพิเศษมีนบุรี เป็นผู้ต้องขังที่มีความสามารถร้องเพลงและเล่นดนตรี มีเสก โลโซ แห่งวงมีนบุรีและชาวคณะมาร่วมแสดงดนตรี ในโครงการ “สร้างพลังบวกหลังกำแพง ด้วยพลังแห่งดนตรี” ที่เรือนจำกลางคลองเปรม มีข้อมูลระบุว่านายทักษิณได้ขึ้นเวทีร้องเพลงศิลปินคนดัง เป็นโครงการสวัสดิการสำหรับผู้ต้องขังให้มีสุขภาพจิตที่ดี นำกิจกรรมเสริมพลังบวกสร้างคุณค่าเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้กลับตัวเป็นคนดีอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่