1 ธันวาคม... “วันเอดส์โลก” เวียนมาบรรจบ อีกครั้ง แต่เสียงเตือนภัยจากเชื้อร้ายที่ชื่อ “เอชไอวี” กลับแผ่วเบาลงในสังคมไทยราวกับโรคนี้ได้เลือนหายไปแล้ว ทว่า...ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนกลับฟ้องว่า “สงครามเอดส์” ยังไม่จบเชื้อเอชไอวีถูกค้นพบครั้งแรกของโลกที่สหรัฐฯ เมื่อปี พ.ศ.2524 และเข้าสู่สังคมไทยในปี พ.ศ.2529 ตลอดเวลากว่าสี่ทศวรรษ ประเทศไทยได้สร้างตำนานการต่อสู้ครั้งสำคัญ ตั้งแต่การเริ่มใช้ยาต้านไวรัสแบบ “ทดลองและจำกัด” เมื่อปี 2535 จนกระทั่งรัฐบาลขยายการเข้าถึงยาอย่างทั่วถึงในปี 2540และ...ต่อยอดสู่การรักษาแบบ “Triple therapy” ในปี 2543 วันนี้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีทั่วโลกและในไทยต่างเข้าถึงยาต้านไวรัสได้ถ้วนหน้า องค์การเภสัชกรรม (GPO) ของไทยยังได้รับการรับรองจาก WHO ให้ผลิตยาต้านไวรัสคุณภาพระดับสากล ทำให้ผู้ป่วยสามารถมีชีวิตที่ยืนยาวและแข็งแรงได้ไม่ต่างจากคนทั่วไปนี่คือ...ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่า ณ สิ้นปี 2567 จะมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี...ผู้ป่วยเอดส์ทั่วโลกสูงถึง 40.8 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ไปแล้วกว่า 44.1 ล้านคน โดยในปีที่แล้ว (2567) มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 630,000 คน นี่คือตัวเลขที่ย้ำเตือนว่า “เอดส์” ยังเป็นวิกฤติสาธารณสุขโลกที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดสำหรับประเทศไทย รายงานของกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี...ผู้ป่วยเอดส์สะสมกว่า 547,556 คน ที่น่ากังวลคือ ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 13,357 คนต่อปีโดยพบสัดส่วนสูงในกลุ่ม...กลุ่มอายุ 13–24 ปี กลุ่มวัยรุ่นที่ขาดความรู้ในการป้องกัน และเข้าถึงยาป้องกันก่อนสัมผัสเชื้อ (PrEP/PEP) น้อย ถัดมา...กลุ่มอายุ 25–34 ปี วัยเริ่มต้นทำงาน มีความเป็นอิสระและมักประมาทในการป้องกัน โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย และ...การใช้เข็มฉีดยาร่วมกันในกลุ่มผู้ใช้สารเสพติด เฉลิมพล พลมุข ประสบการณ์คลุกคลีกับผู้ป่วยเอดส์มายาวนาน ย้ำว่า ความประมาทและขาดความรู้ คือเชื้อเพลิงที่เร่งให้เกิดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอนาคต บริบทของผู้ติดเชื้อเอชไอวี...ผู้ป่วยเอดส์ในสังคมไทยเราที่ผ่านวันเวลามากว่าสี่ทศวรรษได้สร้างตำนานทางประวัติศาสตร์ของโรคที่ติดเชื้อฯมายาวนาน ความสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่า ผู้ติดเชื้อผู้ป่วยหลายคนเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถเป็นกำลังสำคัญของครอบครัว...เศรษฐกิจประเทศชาติต้องสูญเสียชีวิตไป“สิ่งหนึ่งที่สังคมประชาชนชาวบ้านทั่วๆไปอาจไม่รู้...ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยเอดส์เขาเหล่านั้นไม่ได้ป่วยด้วยโรคโรคเดียว แต่เขาป่วยเฉกเช่นเราท่านทั้งหลายก็คือ...เบาหวาน ความดันโลหิต หัวใจ ระบบประสาท จิตเวช มะเร็ง รวมถึงโรคต่างๆในร่างกายของเขา”ขณะเดียวกัน สิ่งที่ถูกตั้งคำถามมาอย่างต่อเนื่องก็คือ...ชีวิตเขาเหล่านั้นสามารถอยู่ร่วมกับครอบครัว สังคม หน่วยงาน บริษัทที่เขาต้องทำงานร่วมกับผู้คนปกติอย่างเป็นปกติสุขได้จริงหรือไม่ อย่างไร...วันเอดส์โลกปีนี้มาพร้อมกับคำขวัญที่ท้าทายว่า “ก้าวข้ามวิกฤติ พลิกโฉมงานเอดส์ : Overcoming disruption, transforming the AIDS response” ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นที่ทุกภาคส่วนต้องเปลี่ยนวิธีการทำงานด้านเอดส์ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ “การยุติเอดส์”คำถามถึงรัฐบาลมีว่า...ใส่ใจ “พลเมืองคุณภาพ” เพียงพอแล้วหรือ?“ผู้ติดเชื้อเอชไอวีในวันนี้จำนวนมากมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง มีภาวะจิตใจที่ดีและเป็นกำลังแรงงานสำคัญของประเทศชาติ พวกเขาไม่ได้ป่วยแค่เอดส์ แต่ป่วยด้วยโรคทั่วไปเฉกเช่นคนปกติ ทั้งเบาหวาน ความดัน หัวใจ หรือแม้แต่มะเร็ง” เฉลิมพล ว่า“โจทย์ใหญ่ที่สังคมต้องตอบคือเราจะสร้างความเข้าใจและยอมรับ เพื่อให้พวกเขาสามารถอยู่ร่วมกับครอบครัว สังคมและในที่ทำงานได้อย่างปกติสุขได้อย่างไร? และรัฐบาลได้ให้ความสำคัญและใส่ใจในคุณภาพชีวิตพลเมืองที่ดีเหล่านี้อย่างเต็มที่แล้วหรือไม่?”การเจ็บป่วย ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อเอชไอวี...เอดส์ หรือโรคอื่นๆทั่วไป ล้วนเกิดจาก “หลายปัจจัย” ผสมผสานกัน ไม่ได้มีแค่สาเหตุเดียวเท่านั้น หลักๆมาจาก 5 ปัจจัยสำคัญ...การใช้ชีวิต รูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน...กรรมพันธุ์ การถ่ายทอดทางพันธุกรรม...ความเครียดสะสม ภาวะทางจิตใจที่ส่งผลต่อร่างกายความประมาทในชีวิต การละเลยการดูแลตัวเองและความเสี่ยงต่างๆ...และ สิ่งแวดล้อม สภาพแวดล้อมรอบตัวและมลภาวะ ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยหลากหลายประเภทในสังคมไทยและทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้โรงพยาบาลทุกแห่งต้องทำงานหนักขึ้น ทั้งในเวลาราชการและนอกเวลา รวมถึงโรงพยาบาลเอกชน...มีทางเลือกในการรักษาที่หลากหลาย คนส่วนใหญ่ไม่ได้พึ่งพาแค่การแพทย์แผนปัจจุบันเท่านั้นแต่...มีการรักษาทางเลือกในหลายศาสตร์และสาขาเข้ามาเติมเต็ม เช่น การแพทย์แผนไทย, การแพทย์จีน, การแพทย์พื้นบ้าน นอกจากนี้ยังมีการรักษาที่อิงกับความเชื่อ ซึ่งผู้ป่วยหลายคนเชื่อว่าสามารถช่วยบรรเทาหรือเยียวยาอาการเจ็บป่วยได้สรุปสั้นๆง่ายๆ...“ความเจ็บป่วยเกิดขึ้นได้จากหลายสิ่งรอบตัวเรา ดังนั้น การดูแลตัวเองจึงต้องครอบคลุมทั้งร่างกาย จิตใจ และการใช้ชีวิต เพื่อลดความเสี่ยงจากทุกปัจจัย”ในวันที่โลกพยายามก้าวข้ามวิกฤติโควิด–19 เราต้องไม่ลืมว่า “วิกฤติเอชไอวี...เอดส์” ยังคงเป็นเงาตามตัว การให้ความรู้ การเข้าถึงการป้องกัน (PrEP/PEP) และการยุติการตีตราและเลือกปฏิบัติ คือภารกิจที่คนไทยทุกคนต้องร่วมมือกันทำในทันที.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม