ผมเพิ่งจะมีโอกาสได้ดูคลิปคำปราศรัยของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ภายหลังเป็นสักขีพยานในการลงนามในถ้อยแถลง 4 ฝ่าย เพื่อนำไปสู่สันติภาพระหว่างไทยกับกัมพูชา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ อย่างเต็มตาเมื่อวานนี้เองดูท่านจะหน้าบานเป็นจานเชิงอิ่มอกอิ่มใจเหลือเกินกับผลงานที่ท่านเป็นฝ่ายริเริ่มให้ผู้นำของ 2 ประเทศมาลงนามกันได้แต่ผมจะไม่เขียนถึงคำปราศรัยทั้งหมดของทรัมป์ ซึ่งยาวประมาณ 10 นาทีเศษนะครับ...ขอเจาะจงเฉพาะในตอนที่ท่านกล่าวถวายคำอาลัยและแสดงความชื่นชมต่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ของเราเท่านั้นทรัมป์เริ่มด้วยการแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อพระมหากษัตริย์ ต่อนายกรัฐมนตรี และประชาชนของประเทศไทยในการสูญเสียสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง อันเป็นที่รัก และเคารพยิ่งของปวงชนชาวไทยพร้อมกับกล่าวเทิดพระเกียรติสมเด็จพระพันปีหลวงของเราว่า ทรงพระสิริโฉมอย่างยิ่ง และเป็นสุภาพสตรีที่ได้รับการยกย่องและเคารพนับถืออย่างสูงยิ่งทั่วโลก (a beautiful, incredible woman who is so respected all over the world)ต่อมาก็ค่อยๆโยงเข้าสู่การลงนามข้อตกลงไปสู่สันติภาพครั้งนี้โดยกล่าวว่า สมเด็จพระพันปีหลวงของเราทรงรักประเทศของท่านมาก และได้ทรงอุทิศพระวรกายและชีวิตให้แก่ประเทศไทยดังนั้น การลงนามในวันนี้ จึงเท่ากับเป็นการนำ “สันติภาพ” มาสู่ประเทศที่พระองค์ท่านรัก ก่อนจะตบท้ายบรรยายถึงรายละเอียด และที่มาที่ไปของการลงนาม และความรู้สึกยินดีของท่านที่ได้มีส่วนให้เกิดพิธีนี้อย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งที่ผมรู้สึกประทับใจทรัมป์เป็นการส่วนตัวและขอขอบคุณท่านอย่างจริงใจในวันนี้ก็คือ ประเด็นที่ท่านกล่าวยกย่องเทิดทูนสมเด็จพระพันปีหลวงของเรานั่นเองผมสังเกตว่าท่านกล่าวอย่างจริงใจอย่างคล่องปากโดยมิได้ดูบท และใช้ถ้อยคำที่ไพเราะสมพระเกียรติทำให้ผมอดที่จะนึกถึงเหตุการณ์ที่ ในหลวง ร.9 และ สมเด็จพระพันปีหลวง เสด็จเยือนสหรัฐฯอย่างเป็นทางการ เมื่อ ค.ศ.1960 หรือ พ.ศ.2503 เมื่อ 65 ปีที่แล้วโน้นเสียมิได้ภาพยนตร์ข่าวใน พ.ศ.ดังกล่าว ได้นำข่าวการเสด็จเยือนมหานครนิวยอร์กของทั้ง 2 พระองค์มาฉายให้คนไทยดู...ดูแล้วก็ตื่นตะลึงเมื่อเห็นประชาชนชาวนิวยอร์กหลามล้นกว่า 750,000 คนมาต้อนรับทั้ง 2 พระองค์ที่ทรงยืนโบกพระหัตถ์บนรถพระที่นั่งเปิดประทุนเคลื่อนไปตามถนนบรอดเวย์ ซึ่งมีการโปรยกระดาษสายรุ้ง ลงมาจากตึกระฟ้าราวสายฝนปีดังกล่าว โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นเด็กนิวยอร์ก เกิดและเติบโตอยู่ที่นั่นมาตลอดอายุ 14 ปีพอดี...น่าจะเริ่มสนใจข่าวสารและเหตุการณ์บ้านเมืองบ้างแล้ว...อาจจะได้เห็นภาพคนเกือบล้านคนในนิวยอร์กมาต้อนรับในหลวงและพระราชินีของเรามาบ้างแล้วก็เป็นได้ท่านจึงกล่าวถึงพระอัจฉริยภาพและพระสิริโฉมของสมเด็จพระพันปีหลวงของเราได้อย่างคล่องแคล่วและเปี่ยมด้วยความเคารพมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และตั้งคำถามว่า การลงนามครั้งนี้ไทยเราเสียเปรียบกัมพูชาหรือไม่? และที่ไปลงนามด้านอื่นๆด้วย เช่นเรื่องภาษีศุลกากรที่เรายอมสหรัฐฯแทบหมดตัวก็ดี? หรือเรื่องข้อตกลงเกี่ยวกับ แร่หายาก ที่ไม่มีใครระแคะระคายมาก่อน จู่ๆก็โผล่เข้ามาพอดี? เราจะเสียเปรียบหรือไม่?ผมมองว่า ก็รับฟังข้อสังเกต ข้อวิเคราะห์ต่างๆเอาไว้ แต่ต้องเชื่อว่าก่อนลงนามทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายราชการ ได้ดูแล้วดูอีกเป็น 10 ตา เป็น 100 ตา คงไม่พลาดท่าเสียทีอะไรเขามากนักแต่ที่ผมถือว่าเราได้กำไรโดยไม่คาดมาก่อนก็คือ คำกล่าวถวายคำอาลัยสมเด็จพระพันปีหลวงของเราที่ทรัมป์กล่าวในช่วงการลงนามข้อตกลงไปสู่สันติภาพนั่นเอง...เพราะคำกล่าวนี้ผมเชื่อว่าจะได้ยินได้ฟังได้รับการรับรู้โดยผู้สนใจติดตามข่าวโลกนับล้านๆคนอย่างแน่นอน...ขอบคุณครับท่านประธานาธิบดี.“ซูม”คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม