ปี่กลองเชิดฉิ่งโหมโรงเลือกตั้งดังประชันกับเสียงระเบิด BM-21 บันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยในยุคจัดระเบียบโลกใหม่ อะไรที่ไม่เคยเห็นก็ได้สัมผัส บรรยากาศเข้าคูหากาบัตรลงคะแนนเลือก สส.ทั่วประเทศ เร้าไปกับสงครามชายแดน แนวรบไทย-กัมพูชาศึกนอกปะทุตีคู่กับศึกชิงอำนาจเกมการเมืองในประเทศ ตามเงื่อนไขสถานการณ์ไหลเข้าจุดอับ ไฟต์บังคับตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องจัดเลือกตั้งภายใน 60 วัน หลังมีการยุบสภาจังหวะเกมการเมืองชิงไหวชิงพริบไม่เว้นภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานและก็ “กาปฏิทิน” ล็อกวัน ว. เวลา น. กันแล้ว กกต.ประกาศจัดให้มีการลงคะแนนเลือกตั้งใหญ่ ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ต้นปีหน้า 2569 กำหนดเปิดให้ยื่นสมัคร สส.ระบบเขตเลือกตั้งในวันที่ 27-31 และ สส.ระบบบัญชีรายชื่อระหว่างวันที่ 28-31 ธันวาคม 2568พร้อมการันตี ไม่มีเหตุให้ต้องสะดุดในภาวะสงครามชายแดนโดยการยืนยันจากนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ได้เตรียมแผนบริหารจัดการภายใต้สถานการณ์พิเศษได้ตามกฎหมายให้อำนาจไม่เว้นภายใต้ประกาศกฎอัยการศึก แม้วันเลือกตั้งจะเกิดอะไรขึ้นหรือมีเหตุปะทะกันเกิดขึ้นก็ตาม มีทางออกไม่ว่าจะวิธีการเอาหน่วยเลือกตั้งไปหาคน หรือเอาคนไปหาหน่วยเลือกตั้งสรุปถ้าไม่มีจังหวะพลิกผันถึงขั้นฟ้าถล่มดินทลาย ได้เข้าคูหากาบัตรแน่และอย่างที่เห็นๆไม่ต้องมัวพะวงว่าเกมเลือกตั้งจะสะดุดภาวะสงครามหรือไม่ ตามฟอร์มธรรมชาตินักเลือกอาชีพแบบไทยๆพอได้ยินเสียงกริ่งยุบสภาได้เวลามหกรรม “ผู้แทนฯตั้งเอ็กซ์โป” คึกคักกว่าตลาดนัดวัวควายรายการย้ายพรรค เปลี่ยนสังกัด อพยพหนีความแร้นแค้นจากรังเก่า แห่เข้าซบบ้านใหม่ ชุลมุนอุตลุด ฝุ่นตลบอบอวลประชันกับฝุ่นพิษ PM2.5ฤดูกาลธรรมชาตินักการเมืองแบบไทยๆ ไม่ต่างจากฤดูอพยพฝูงนกกาต่างมุ่งเข้าหาแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์กันทั้งนั้นณ วันที่ถนนทุกสายมุ่งสู่ที่ทำการพรรคภูมิใจไทยย่านเกษตรฯ บางเขน คึกคักกว่าใคร เต็มไปด้วยกองกำลังบ้านใหญ่ บ้านกลาง บ้านเล็ก บ้านน้อย เฮโลกันเข้าร่วมสังกัดก๊วนเซราะกราวแบบหัวบันไดไม่แห้งโดยที่ “นายกฯหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค ไม่ลืมแบ่งเวลาจากผู้นำรัฐบาลรักษาการในภาวะสงครามชายแดน รอร่วมต้อนรับสมาชิกใหม่ สั่งกาแฟร้าน “มาดามจ๋า” เลี้ยงแขกด้วยตัวเองตามสถานะผู้ถือธงนำ “ขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยม”ค่ายภูมิใจไทยคือ “ศูนย์กลางจักรวาล” ของกองกำลังฝ่ายขวา ที่พร้อมไปด้วยสรรพกำลังในเกมรบชิงพื้นที่เลือกตั้ง ทั้งอำนาจรัฐบาลรักษาการ กำกับแถวข้าราชการ มหาดไทย ตำรวจ เสบียงอาวุธเต็มคลังยิงได้ไม่อั้นนั่นไม่รวมถึง “ตั๋วพิเศษ” โปรโมชันเฉพาะคนที่ถูกเลือกให้มี “พลังแฝง”“แต้มต่อ” ล้นสองมือ ฟอร์มการเมืองขึ้น สไตล์เกรียนไม่กั๊ก “อนุทิน” ไม่ปล่อยนาทีทอง เร่งเบิ้ลเครื่องนำคู่แข่งแบบเก็บทุกช็อต ไม่เขินที่จะโหนกระแสชาตินิยมในภาวะแนวรบเขมรเขม็งเกลียวด้วยความเกลียดชังจังหวะชูธงล้มเอ็มโอยู 43-44 กับกัมพูชา เป็นนโยบายเด็ดของก๊วนเซราะกราวในการหาเสียง ชิงคะแนนจากแนวร่วมอนุรักษ์นิยมสุดขอบยิ่งกว่า “เจ้าบ้าน” ที่ได้เปรียบคู่แข่งทุกประตู ทีมน้ำเงินขึ้นแท่น “เต็งหนึ่ง” ในสายตาเซียนเชี่ยวเกมเลือกตั้ง ทุ่มวางเดิมพัน เลือกแทงข้างแก๊งเก๋าเกมหันไปมองคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ คู่ชิงแชมป์หนึ่งเดียวอย่างกองทัพส้ม พรรคประชาชนที่ขี่กระแส “โพล” เบียดตีคู่มาในเลนซ้ายเหมาคะแนนนิยมยืนหนึ่งในฟากฝั่ง “เสรีนิยม” ไม่ต้องแบ่งใครไม่มีบ้านใหญ่ ไร้บิ๊กเนมตัวเก๋าเกมเลือกตั้งอาชีพ แต่รังส้ม ตึกไทยซัมมิท คึกคักไปด้วยแขกมากหน้าหลายตา “วอล์กอิน” เข้าแสดงเจตจำนงใส่เสื้อวอร์มสีส้มลงสนามวิ่งสู้ฟัดตามฟอร์มธรรมชาติของกองทัพส้มที่เน้น “แห่แต้มฟรี”แต่ก็มีเซอร์ไพรส์ประเภทบิ๊กเนมในวงการต่างๆอย่างนายอนุสรณ์ ธรรมใจ นักวิชาการชื่อดังที่อาสาลงสมัคร สส.กทม. หรือ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ หัวขบวนหมอชนบทคนดัง ที่ถอดเสื้อกาวน์ ใส่เสื้อวอร์มสีส้ม ลุ้นปักธง สส.สงขลาซึ่งนั่นก็ต้องต่อแถวเรียงตามลำดับมาก่อนมาหลัง ผ่านกระบวนการคัดสรรอย่างเข้มข้นของพรรคประชาชน ทั้งด่านคณะกรรมการบริหารและประตูสุดท้ายคณะโปลิตบูโรของค่ายส้มกว่าจะได้ตั๋วอนุญาตให้ลงสนามหืดขึ้นคอ ไม่ใช่ย้ายพรรคใส่เสื้อวอร์มง่ายๆกลายเป็นดราม่าแบบที่อดีต สส.พรรคประชาชนที่โดนประกาศิตไม่ได้ไปต่อรอบหน้า โวยวายสไตล์เผด็จการของผู้บริหารพรรคแต่ที่สุดก็จบ ด้วยระบบพรรคที่เข้มข้นสไตล์การเมืองใหม่หักมุมกับก๊วนเซราะกราวที่แห่ชาตินิยมหักดิบเขมรแบบเอามันให้จบในรุ่นเรา แต่ค่ายส้มชูธงนโยบายในการลุยล้าง “โจรสแกมเมอร์” ตัดเส้นเลือดใหญ่ของ “จิ้งจอกเฒ่าฮุน เซน” เพื่อสยบกัมพูชาแบบตรง “จุดตาย”2 ค่ายประชัน “กึ๋น” ในการชิงแต้มเป็นหัวขั้วรัฐบาลรอบต่อไปสปอตไลต์ สื่อกระแสหลักจับจ้องในโซนของคู่ชิงแชมป์ ตามฟอร์มทำให้ป้อมค่ายที่เคยยิ่งใหญ่ในฐานะหัวขั้วอำนาจมาตลอด ต้องลดชั้นลงไปเป็นแค่ “ตัวแปร” ตามธรรมชาติการเมืองขาลงโฟกัสไปที่พรรคเพื่อไทยในสภาพลอยคอประคองตัวไม่ให้จมดิ่งเปิดตัวทีเด็ดอย่างนายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ดีกรี “ศาสตรา จารย์ ด็อกเตอร์” มหาวิทยาลัยมหิดล มาเป็นตัวโชว์ในบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่สังคมเลือกจำในสถานะ “ลูกชายเจ๊แดง” ซะมากกว่าจังหวะ “ตีไพ่ทิ้ง” หนึ่งตา ลดระดับมาเป็นค่ายอันดับ 3 พึ่งบริการทายาทของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯกับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตรมันจึงสลัดไม่พ้นภาพ บริษัทจำกัดของ “ตระกูลชิน”ไม่ใช่แค่คนนอกที่ส่ายหน้า แม้แต่คนในพรรคเพื่อไทยยังส่ายหัว ตามกระแสความเคลื่อนไหวนักการเมืองรุ่นใหญ่ในพรรคอึดอัด ถึงจุดต้องตัดสินใจชิ่งการเมืองระบบสมบัติตระกูลเดียวเพราะชัดเจนแล้ว ยังไง “เถ้าแก่ใหญ่” ก็ไม่ปล่อยมือธงเป้าหมายก็คือ ขอแค่ได้เกาะขบวนอำนาจรัฐบาล เป็นหลักประกันความปลอดภัยให้ “นายใหญ่” ที่เป็น “พยัคฆ์ในกรงขัง” เท่านั้น“น้ำเงิน” พรรคภูมิใจไทย กับ “ส้ม” ค่ายประชาชน อยู่ในโซนลุ้นโกย สส.ขึ้นหลักร้อยไปจนถึงสองร้อย ส่วน “แดง” เพื่อไทย หลุดหลักร้อย แต่ลุ้นเกินตัวเลข 50 ที่นั่ง ล็อกสถานะเป็น “ตัวแปร” สำคัญนอกนั้นก็ลดหลั่นลงไปเป็นพรรคอะไหล่ ไม่เกินหลักครึ่งร้อยไล่ตั้งแต่ค่ายกล้าธรรม ที่ชู “บิ๊กบราเธอร์” อย่าง “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เจ้าของพรรคตัวจริงเสียงจริง ยึดแท่น “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” แบบไม่สนกระแส ไม่แคร์สื่อพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ชื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” มาเป็นนางกวักเรียกแต้มปาร์ตี้ลิสต์ ทดแทน สส.เขตเลือกตั้ง ที่เลือดไหลออกจนตัวแห้ง ค่ายพลังประชารัฐของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในวันที่บ้านป่าฯเกือบเป็นบ้านร้าง มีแค่ล็อกแต้มชัวร์ๆ สส.เขตไม่ถึง 10 เก้าอี้ เป็นต้นทุนหน้าตักไม่ต้องพูดถึงพรรคเล็กพรรคน้อยที่ยากจะฝ่ากระแสเชี่ยวกราก แม้แต่ “เดอะท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา ต้องกราบลาบ้าน “เตี่ยบรรหาร” เช่นเดียวกับ “เสี่ยสุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ยังต้องขอบาย ประกาศไม่ส่งผู้สมัครในนามพรรคชาติพัฒนา เอาลูกน้องไปฝากเลี้ยงที่ค่ายเพื่อไทยนั่นก็ไม่ต้องพูดถึงยี่ห้ออื่นที่เขี้ยวงายังงอกไม่ยาว สายป่านสั้นกว่าหางเต่า ยากจะฝ่าด่านปราบเซียนในสภาพสงครามเดิมพันชิงขั้วอำนาจ กองทัพส้ม พรรคประชาชน ประกาศธงต้องโกยให้ได้ 250 ที่นั่ง เพื่อตั้งรัฐบาลพรรคเดียว หักด่านสกัดฝ่ายคุมเกมอำนาจอนุรักษ์โบราณแต่นั่นก็ต้องฝ่าแนวรบกระสุนดินดำ “เงินเทา” จากแก๊งสแกมเมอร์เขมรที่แฝงตัวเข้ามาแทรกซึมผู้มีอำนาจทางการเมือง ชนชั้นนำทางธุรกิจ เครือข่ายโยงใยยุ่บยั่บในศูนย์กลางกรุงเทพฯจ่อยึดประเทศไทยผ่านการซื้ออำนาจในสนามเลือกตั้งแบบที่ประชาชนคนไทยก็เห็นกันตำตา อิทธิฤทธิ์เงินเทาไม่ใช่จ้างผีโม่แป้ง แต่ “จิ้งจอกฮุน เซน” ใช้เงินสกปรกจากขุมทรัพย์โจรไซเบอร์ ป่วนสงครามชายแดน ลากไทยเข้าแดน “แผ่นดินบาป” ส่อโดนโลกล้อมปราบสภาพคาบลูกคาบดอก เลือกตั้งรอบต่อไปคือเดิมพันสำคัญประชาชนคนไทยจะเป็นผู้กำหนดอนาคตประเทศไทยในระเบียบโลกใหม่.“ทีมการเมือง”คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม