“พระพิฆเนศ”...รูปกายศีรษะเป็นช้าง พระวรกายเป็นมนุษย์ งดงาม อ่อนโยน แต่แฝงด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ จนถูกยกให้เป็น “เทพแห่งความสำเร็จ” ผู้เปิดทางชีวิตก่อนเริ่มต้นทุกสิ่งทว่า...ภายใต้ภาพลักษณ์อันคุ้นตานั้น ยังมีเรื่องเล่า ความเชื่อ และปริศนาทางศรัทธาอีกหลายแง่มุม ที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง“เศียรช้าง”…ไม่ใช่เพียงสัญลักษณ์ของความโชคดีหลายคนรู้ว่า พระพิฆเนศได้เศียรช้างเพราะถูกพระศิวะตัดเศียรเดิมทิ้งด้วยความเข้าใจผิด ก่อนจะนำเศียรช้างมาต่อแทน แต่ในคัมภีร์โบราณบางสำนักกล่าวลึกไปกว่านั้นว่า...“เศียรช้าง” คือสัญลักษณ์ของ ปัญญาที่ใหญ่กว่ามนุษย์ เป็นปัญญาที่มองเห็นทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตพร้อมกัน“ช้างเป็นสัตว์ที่จำทางได้ดี ไม่หลงทิศไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรค เปรียบเสมือนสติและปัญญาของผู้เดินบนเส้นทางธรรม หากใจยังหลง พระพิฆเนศจะไม่เปิดทางให้ แม้จะบนบาน ศาลกล่าวมากเพียงใดก็ตาม”“งาหัก”…รอยบาดแผลแห่งการเสียสละงาข้างหนึ่งที่หัก คืออีกเรื่องเล่าที่คนส่วนใหญ่มองผ่าน ตามตำนาน พระพิฆเนศ หักงาของตนเอง เพื่อใช้เป็นปากกาเขียนมหากาพย์ “มหาภารตะ” ตามคำขอของฤษีวยาส นี่ไม่ใช่เพียงเรื่องการเขียนคัมภีร์ แต่คือสัญลักษณ์ของ... “การยอมสูญเสียบางสิ่ง เพื่อให้ธรรมะคงอยู่บนโลก” ผู้ศรัทธาหลายคนเชื่อว่า หากชีวิตต้องเลือกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับความถูกต้อง พระพิฆเนศจะทดสอบศรัทธาผ่าน “การเสียสละ” ก่อนจะประทานความสำเร็จในภายหลัง“หนู”...พาหนะที่ดูเล็ก แต่ไม่ธรรมดาเหตุใดเทพผู้ยิ่งใหญ่จึงประทับบนหนูตัวเล็ก? คัมภีร์ลับบางสายอธิบายว่า หนูคือสัญลักษณ์ของ ความอยาก ความโลภ ความคิดฟุ้งซ่าน พระพิฆเนศทรงขี่หนูไม่ใช่เพราะหนูทรงพลัง แต่เพราะ...“ผู้มีปัญญา ย่อมควบคุมกิเลสได้ แม้มันจะเล็ก แต่กัดกินชีวิตได้ทั้งหลัง” นี่จึงเป็นเหตุผลที่บางสำนักห้ามขอพรแบบละโมบเกินพอดี เพราะเชื่อว่าหากหนูหลุดการควบคุม หนทางที่เปิดไว้อาจพังทลายลงในพริบตา เรื่องเล่าจากนักบวชอินเดียโบราณกล่าวตรงกันว่าพระพิฆเนศคือเทพที่ “ทดสอบก่อนให้” หลายคนบนแล้วสมหวังช้า บางคนถึงขั้นรู้สึกเหมือนชีวิตติดขัดหนักกว่าเดิม แต่ผู้รู้กล่าวว่า นั่นคือช่วงที่พระองค์กำลัง “จัดระเบียบกรรม” ตัดทางที่ไม่ควรไป ก่อนจะเปิดทางที่เหมาะสมกว่าจึงมีคำเตือนว่า... “หากศรัทธาเพียงเพื่อหวังผล แต่ไม่พร้อมเปลี่ยนแปลงตนเองต่อให้ไหว้ทุกวัน ทางก็ไม่เปิด” พระพิฆเนศ...ไม่ใช่เทพที่ให้พรทันที หากแต่ศรัทธาที่แท้...คือการเริ่มต้นใหม่ ย้ำว่าพระพิฆเนศ จึงไม่ได้เป็นเพียงเทพแห่งการงานหรือ ความสำเร็จ หากแต่เป็น “เทพแห่งการเริ่มต้นด้วยสติ”...ในโลกที่ผู้คนเร่งรีบ ไหว้เพื่อขอ ลืมที่จะฟังเสียงเตือนจากเบื้องบน เรื่องเล่าเก่าแก่เหล่านี้จึงยังคงกระซิบเตือนว่า...“ศรัทธาที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่เครื่องบูชา แต่อยู่ที่การรู้จักตนเอง” “พระพิฆเนศ” มักถูกกล่าวถึงเป็นลำดับต้นๆ เทพผู้มีเศียรเป็นช้าง ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “เทพแห่งการเริ่มต้น” และ “ผู้ขจัดอุปสรรคทั้งปวง” แต่ในโลกของศรัทธา...การไหว้โดย “รู้” กับการไหว้เพียง “เชื่อ” นั้น แตกต่างกันอย่างลึกซึ้ง และเรื่องเล่าจากคัมภีร์โบราณได้ทิ้งรหัสสำคัญไว้ให้ผู้ศรัทธาได้เรียนรู้“ขอพรผิด...ชีวิตอาจไม่เดิน” นักพราหมณ์อินเดียโบราณเชื่อว่า พระพิฆเนศไม่ใช่เทพที่ประทานทุกอย่างตามคำขอ หากแต่เป็นเทพที่จัดลำดับชีวิต สิ่งที่ไม่ค่อยมีใครบอกคือการขอพรแบบกำหนดผลลัพธ์ตายตัว เช่น เงินจำนวนเท่าใด ตำแหน่งอะไร เมื่อไร อาจทำให้เส้นทางชีวิต “แคบลง” โดยไม่รู้ตัวคัมภีร์สายศักติกล่าวไว้ว่า...พระพิฆเนศจะเปิดทางที่เหมาะสม ไม่ใช่ทางที่ผู้ขออยากได้ที่สุดจึงมีคำแนะนำให้ขอในลักษณะ “ขอให้พบหนทางที่ดีที่สุดต่อชีวิต” มากกว่าการบังคับปลายทาง“ของไหว้...ไม่ใช่ยิ่งมากยิ่งดี” ภาพจำของการบูชาพระพิฆเนศ คือของหวาน ผลไม้ อ้อย กล้วย นม ขนมลาดู แต่เรื่องเล่าโบราณย้ำว่าสิ่งสำคัญไม่ใช่ความอลังการ หากคือ “ความบริสุทธิ์ของเจตนา” ของไหว้ที่ถือว่าเป็นมงคลสูง ได้แก่ ขนมหวานแทนผลแห่งความสำเร็จ, กล้วย อ้อยแทนความอุดมสมบูรณ์, นมแทนจิตใจที่สะอาด บริสุทธิ์ ที่สำคัญคือ...ห้ามบูชาด้วยความเร่งรีบหรือใจร้อน เพราะเชื่อกันว่า พระพิฆเนศคือเทพแห่งสติ หากผู้ไหว้ยังวุ่นวาย พระองค์จะยังไม่เปิดทางตอกย้ำหนึ่งในความเชื่อที่ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึง คือบทบาทของ “หนู” พาหนะประจำองค์พระพิฆเนศในพิธีบูชาบางสาย จะกระซิบคำอธิษฐานเบาๆใกล้รูปหนู เชื่อว่าเป็นการฝากคำขอผ่าน “ผู้เดินทางเร็ว” แต่ก็มีข้อเตือนสำคัญว่าหากคำขอเต็มไปด้วยความโลภ หนูจะนำคำขอนั้นกลับมากัดกินชีวิตผู้ขอเสียเองจึงต้องอธิษฐานด้วยถ้อยคำสั้น กระชับ และไม่เบียดเบียนผู้อื่น อีกทั้งฤกษ์บูชา...ไม่ใช่วันไหนก็ได้ ตามคติพราหมณ์ วันสำคัญของพระพิฆเนศคือ “วันอังคาร” วันแห่งพลังและการเริ่มต้น และ “วันพฤหัสบดี” วันแห่งปัญญา ครูและธรรม ช่วงเวลาที่นิยมคือเช้า หรือก่อนเที่ยง เพราะถือเป็นเวลาที่จิตยังไม่ถูกรบกวนด้วยกิเลสตลอดวันแต่คัมภีร์ยังเตือนไว้ว่า...ฤกษ์ที่ดีที่สุด คือวันที่ผู้บูชามีสติและใจสงบที่สุด“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.รัก-ยมคลิกอ่านคอลัมน์ “เหนือฟ้าใต้บาดาล” เพิ่มเติม