“ในหลวงทรงเป็นนํ้า เราเป็นปลา...สมเด็จพระพันปีทรงเป็นร่มโพธิ์ไทรให้ประชาชน”...ถ้อยคำที่ประชาชนต่างเอ่ยด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงตลอดพระชนม์ชีพกว่า 9 ทศวรรษ พระองค์ทรงงานเคียงคู่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จเยี่ยมราษฎรทุกถิ่นฐาน ไม่ว่าจะเป็นภูเขาสูง ป่าลึก หรือดินแดนชายทะเล...พระราชกรณียกิจนับพันโครงการ ล้วนมีหัวใจเดียวกันคือ “ประชาชน ต้องอยู่ดีกินดี”บนยอดดอยอันหนาวเหน็บแห่งเมืองเหนือ...พระองค์เคยเสด็จขึ้นไปยังพื้นที่ทุรกันดารในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน เส้นทางที่เต็มไปด้วยโคลนและฝุ่น พระพันปีไม่เคยทรงหวั่นพระองค์ทรงเริ่มโครงการ “ศิลปาชีพ” เพื่อให้ชาวเขามีอาชีพสุจริต สืบทอดภูมิปัญญาผ้าทอ ผ้าซิ่น ผ้าไหม ลายดอกจันทร์และลายดอกปีบที่เป็นเอกลักษณ์“เมื่อมีอาชีพ...เขาก็ไม่ต้องปลูกฝิ่น ไม่ต้องหนีเข้าป่าอีกต่อไป”..พระราชดำรัสหนึ่งที่สะท้อนพระเมตตาอันลึกซึ้ง บนดอยอันหนาวเหน็บ จึงอบอุ่นด้วย “แสงแห่งความหวัง” ที่ส่องมาจากหัวใจของพระองค์ท่าน ส่งผลเป็นที่ประจักษ์ให้..ดอยสูงมีแสงแห่งความหวัง “ภาคอีสาน”..ผืนดินแห้งแล้งที่ชุ่มชื่นด้วยน้ำใจ แดนอีสานที่ได้ชื่อว่าเคยแร้นแค้น...กลับกลายเป็นพื้นที่แห่งชีวิตใหม่ เมื่อสมเด็จพระพันปีหลวงทรงจัดตั้ง “ศูนย์ศิลปาชีพกุดนาขาม” “บ้านเขว้า” และ “ภูพระบาท” เพื่อสืบสานงานหัตถกรรมผ้าไหมไทยอันเลื่องชื่อพระองค์ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้ “ผ้าไหมไทย” จากผ้าพื้นบ้านกลายเป็น “ผ้าแห่งชาติ” ที่โลกยอมรับ และทรงเปลี่ยนผืนผ้าฝ้ายธรรมดาให้กลายเป็น “ผืนผ้าแห่งศักดิ์ศรี” ของลูกอีสาน“ขอให้เขามีความภูมิใจในผลงานของตนเอง... นั่นแหละคือความสุขแท้จริง” จากเสียงทอผ้าในเรือนเล็กๆ วันนี้กลายเป็นเสียงแห่งความภาคภูมิใจของชาติ“ภาคกลาง”..หัวใจของแผ่นดินที่ไม่เคยหยุดเต้น พระพันปีหลวงเสด็จลงพื้นที่น้ำท่วม ดินถล่มและภัยพิบัติต่างๆด้วยพระองค์เอง ทรงเยียวยาจิตใจผู้ประสบภัยไม่ต่างจาก “มารดาของแผ่นดิน” ที่เข้าโอบอุ้มลูกๆด้วยความห่วงใย..โครงการ “ฟาร์มตัวอย่าง” และ “โครงการอนุรักษ์ป่าชายเลน” ในภาคกลาง โดยเฉพาะที่สมุทรสงครามและเพชรบุรี คือภาพสะท้อนของการทรงงานเพื่อสิ่งแวดล้อมและการพึ่งพาตนเอง“หากป่าชายเลนหมดไป... ลูกหลานเราจะอยู่อย่างไร” พระสุรเสียงที่ดังก้องถึงวันนี้ ยังคงเตือนใจคนไทยให้รักษาธรรมชาติไว้ดังพระราชปณิธานลงไปที่ “ภาคใต้” น้ำตาแห่งความซาบซึ้งกลางเสียงคลื่น ภาคใต้ที่เต็มไปด้วยฝนและฟ้าคะนอง พระพันปีหลวงเสด็จลงพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ท่ามกลางสถานการณ์ไม่สงบ เพื่อมอบกำลังใจให้ครูและชาวบ้านที่ยืนหยัดอยู่แนวหน้าแห่งศรัทธา ภาพจำไม่มีวันลืมพระองค์ทรงริเริ่มโครงการสร้างอาชีพ หลังภัยพิบัติเพื่อฟื้นฟูชีวิตผู้ประสบภัยจากความสิ้นหวังให้ลุกขึ้นใหม่ด้วยศักดิ์ศรีและสองมือของตนเอง“ให้เขามีงานทำ มีศิลปะ มีศรัทธา...เขาจะยืนอยู่ได้โดยไม่ต้องรอใคร” คำตรัสนั้น คือรอยยิ้มกลางคลื่นแห่งความโศก ที่ทำให้แผ่นดินใต้กลับมามีชีวิตอีกครั้งส่วน “ภาคตะวันออก” ชายฝั่งทะเลจันทบุรี..ตราด..ระยอง เคยเป็นพื้นที่ยากจนและเสื่อมโทรม พระพันปีทรงส่งเสริมอาชีพประมงพื้นบ้าน การแปรรูปผลไม้ และโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล เพื่อให้ประชาชนมีอาชีพที่มั่นคงและมีธรรมชาติที่ยั่งยืนสวนผลไม้หลายแห่งในภาคตะวันออกมีป้าย “โครงการในพระราชดำริ” ติดอยู่เคียงต้นทุเรียน มังคุด และเงาะ เป็นหลักฐานแห่ง “พระหฤทัยที่ห่วงลูก”...ฟ้าใสเพราะพระราชหฤทัยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระนามเดิมว่า หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2475 ทรงเป็นพระธิดาในพลเอก พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ กับหม่อมหลวงบัว กิติยากรพ.ศ.2493 ทรงอภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) และได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีพ.ศ.2499 ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เสด็จออกทรงพระผนวช ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจในฐานะ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้อย่างดียิ่ง5 ธันวาคม พ.ศ.2499 ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ถือเป็นสมเด็จพระบรม ราชินีนาถพระองค์ที่สองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์จากรอยยิ้มถึงรอยพระบาท วันที่ 25 ตุลาคม 2568 ประกาศสำนักพระราชวัง เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 93จากเหนือจดใต้ จากท้องนาถึงขอบฟ้า ทุกหนแห่งมี“รอยพระบาทของแม่หลวง” พระองค์มิได้เพียงทรงงานเพื่อความอยู่รอดของประชาชน แต่เพื่อให้ “หัวใจของคนไทยเต้นด้วยความหวัง”ทุกโครงการ ทุกเส้นด้ายที่ทอ ทุกผืนป่าที่ปลูก ล้วนถักทอเป็น “ผืนแห่งความรักอันยิ่งใหญ่” ที่จะคงอยู่ชั่วกาลนาน วันนี้...เมื่อแผ่นดินเอ่ยคำว่า “แม่” เสียงนั้นยังสะท้อนถึงพระพันปีผู้ทรงเป็น..“ดั่งสายน้ำพระเมตตา พระพันปีแม่แผ่นดิน”.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม