“กรุงเทพมหานคร” เมืองหลวงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว อันดับต้นๆของโลก ตามการจัดอันดับของ Mastercard Global Destination Cities Index ที่เคยระบุไว้ว่า กรุงเทพฯต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 22–25 ล้านคนต่อปีน่าสนใจว่าตัวเลขข้างต้นนี้มากกว่าลอนดอน ปารีส หรือนิวยอร์กเสียอีก ทว่า...เมืองที่ควรจะเปล่งประกายด้วยแสงสี วัฒนธรรมและความศิวิไลซ์ กลับปรากฏภาพตรงข้ามในสายตาชาวโลก?ด้วยว่าที่ผ่านมาเราได้เห็น “สาธารณภัยกลางเมือง” เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตั้งแต่เหตุอาคาร สตง.บางซื่อถล่ม จนถึงเหตุการณ์ล่าสุด “ถนนสามเสนทรุดตัว” กลายเป็นหลุมยักษ์ใจกลางเมืองหลวงทำให้ต้องปิดการจราจร ย่านราชการ...โรงพยาบาล...สถานศึกษาได้รับผลกระทบ เป็นภาพที่กลายเป็นไวรัลไปทั่วในโลกออนไลน์ ทำให้ต้องมองลึกเร้นไปอีกว่า...นี่อาจไม่ใช่แค่ปัญหาพื้นถนน แต่คือปัญหาที่ใหญ่กว่า นั่นก็คือ “โครงสร้าง” ของเมืองหรือไม่?สาเหตุที่ทำให้ถนนกลางเมืองพังทรุด ไม่ใช่แค่ “ชั้นดิน” หรือ “ท่อประปารั่ว” เท่านั้น หากแต่สะท้อนถึง “โครงสร้างพื้นฐานที่เปราะบาง” ของกรุงเทพฯ...ทั้งระบบการก่อสร้างที่ไม่ได้วางแผนรองรับการใช้งานระยะยาว? การซ่อมบำรุงที่ล่าช้า? และปัญหาซ้ำซ้อนจากระบบสาธารณูปโภคใต้ดิน?ข้อมูลจากกรมโยธาธิการและผังเมือง เคยระบุว่า กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนพื้นที่ดินอ่อน มีการทรุดตัวเฉลี่ย 1–2 เซนติเมตรต่อปี บางจุดมากถึง 3–5 เซนติเมตรต่อปี ขณะที่รายงานของธนาคารโลกเคยเตือนว่า หากไม่จัดการปัญหาโครงสร้างพื้นฐานและการจัดการน้ำท่วม กรุงเทพฯอาจเผชิญความเสียหายทางเศรษฐกิจสูงถึง 5-10% ของ GDP ต่อปี“ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว (28 ก.ย.68) ขอตะโกนถามดังๆแทนคน กทม. หัวเรื่องว่า “ถนนสามเสน ละคร กทม.” เกริ่นนำไว้ว่า “กทม.” มหานครเมืองใหญ่ มีนักท่องเที่ยวเยี่ยมเยียนมากมายติดอันดับโลก ช่วงนี้มีแต่สาธารณภัย ตั้งแต่ตึก สตง.ถล่ม ตามมาด้วยไม่กี่วันก่อน ถนนสามเสนพังทรุดเป็นหลุมใหญ่ทุกคนออกมาวิเคราะห์หาสาเหตุ ช่วยกันแก้ไข แต่...ถนนสามเสนเป็นถนนสาธารณะ ขึ้นทะเบียนในความดูแลของสำนักการโยธา กทม. ที่ถล่มเสียหายหนักออกข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วโลกเป็น “สาธารณภัย” เกิดจากฝีมือใครมิทราบ? ธรรมชาติ หรือฝีมือมนุษย์?การก่อสร้างอุโมงค์มีผลให้เกิดความเสียหายแบบนี้หรือไม่? ตรงนั้นมีการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เป็นเหตุทำให้ถนนพังหรือไม่?กทม.ในฐานะเจ้าพนักงานตามกฎหมายควบคุมอาคารป้องกันบรรเทาสาธารณภัยต้องบังคับใช้กฎหมายให้เกิดความปลอดภัยต่อประชาชน...ต้องพิสูจน์ทราบสาเหตุเพื่อดำเนินการตามกฎหมายเพราะที่เสียหายเป็นถนนสาธารณะของ กทม. เป็นทรัพย์สินของราชการ แถมยังมีอาคารบ้านเรือน รถรา เสียหายอีกจำนวนมากการแก้ไขปัญหา ซ่อมถนน มีคนมีความรู้ด้านวิศวกรรมมากมายออกมาวิเคราะห์ ผู้ว่าฯชัชชาติท่านก็จบวิศวะ นายกฯก็จบวิศวะ แต่ที่เป็นปัญหาคือมีใครรับผิดชอบงานนี้ไม่ทราบ?เพราะถามเรื่องนี้กับนายกฯหนู ท่านดันเงียบ เดินหนีนักข่าวผมในฐานะผู้เสียภาษีที่ดินให้ กทม. ปีละเกือบ 10 ล้านบาท จึงมีสิทธิจะถามว่า กทม.เอาเงินงบประมาณจากไหนไปแก้ไขซ่อมแซม? สรุปได้ความว่า...ใครต้องรับผิดชอบจ่ายค่าเสียหายนี้? การเร่งรีบดำเนินการซ่อมแซมให้คืนสภาพตามหลักวิศวกรรมโดยเร็วเป็นเรื่องที่ดี แต่ความเสียหายทั้งปวงที่เกิดขึ้นกับถนน รวมถึงท่อประปา เสาไฟฟ้า สิ่งต่างๆเหล่านี้ได้ตั้งคณะกรรมการมาสอบสวนหรือเปล่าว่า...เหตุเกิดขึ้นด้วยความผิดพลาดของผู้รับเหมาก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินหรือไม่?หากท่านผู้ว่าฯจะเอาภาษีของคน กทม. ไปจ่ายแทนผู้รับเหมา มันดูไม่ยุติธรรม เพราะไม่ใช่จู่ๆถนนทรุดเองโดยไม่มีสาเหตุเวลาไฟไหม้ยังโทษกันว่าไฟช็อตบ้านเรือนข้างเคียงเสียหายไม่มีใครรับผิด ไม่มีหลักเกณฑ์ใดๆ...จึงขอให้สอบสวนและให้ความเป็นธรรมกับคน กทม.ด้วยว่า “ค่าเสียหาย” ทั้งหมด ใครจะรับผิดชอบ?กทม.จะเอาภาษีไปจ่ายแทนหรือไม่? หากไม่จะเอาเงินของใคร? เอาเงินจากบริษัทรับเหมา หรือเอาเงินภาษีที่มาจากประชาชนคนกรุงเทพฯไปจ่าย?...ไม่ใช่แสดงละครแห่ไปเดินตรวจกัน แต่ไม่มีใครไล่เบี้ยหาคนรับผิดชอบ ประเมินเงินค่าซ่อมต้องมีระดับพันล้านแบบนี้ ใครรับผิดชอบงานนี้ ช่วยบอกทีผู้สันทัดกรณีในแวดวงปัญหาสิ่งแวดล้อมประสบการณ์กว่า 30 ปี สะท้อนมุมมองส่วนตัว มองว่า เบื้องหลัง “หลุมยักษ์สามเสน” ไม่ใช่เพียงรอยแยกบนพื้นถนน หากแต่เป็นปมซ้อนทับที่เป็น “รอยแยกทางการเมืองและการบริหาร” ของกรุงเทพฯ ที่สะสมมานาน“ระบบการจัดสรรงบประมาณแบบปีต่อปี ทำให้การซ่อมแซมเชิงโครงสร้างมักถูกเลื่อนหรือแก้เฉพาะหน้า?...การกำกับดูแลมาตรฐานการก่อสร้างยังอิงกฎหมายและข้อกำหนดที่ไม่ทันต่อเทคโนโลยีและสภาพเมืองสมัยใหม่? กทม.คือหัวใจเศรษฐกิจทุกความเสียหายต่อโครงสร้างจึงกระทบทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่พื้นที่เฉพาะ”กรุงเทพฯ ไม่อาจพึ่ง “โชค” หรือ “ความเคยชิน” ได้อีกต่อไป แต่จำเป็นต้องลงทุนเชิงโครงสร้างครั้งใหญ่...สำรวจและจัดทำแผนที่ความเสี่ยงของถนน อาคาร ระบบสาธารณูปโภค...บูรณาการข้อมูลโครงสร้างใต้ดินทุกหน่วยงาน ทั้งประปา ไฟฟ้า โทรคมนาคม...ยกระดับมาตรฐานก่อสร้างและซ่อมบำรุง ด้วยวิศวกรรมสมัยใหม่ที่สำคัญ...สร้างระบบตรวจสอบอิสระ ไม่ให้การเมืองแทรกแซงการแก้ปัญหาพื้นฐานหากกรุงเทพฯอยากคงสถานะ “มหานครอันดับต้นๆ ของโลก” ต่อไป ภาพที่โลกควรได้เห็นคือเมืองที่มั่นคง ปลอดภัย ทันสมัย ไม่ใช่ “มหานครที่กำลังทรุดตัวลงทีละหลุม...สาละวันเตี้ยลง”.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม