“อนุทิน” ประกาศ รัฐบาลพร้อมหนุนกลุ่มทุนแต่ไม่ให้มาชี้นำ รีบปัดไม่รู้ สลค.ตีกลับฎีกาขออภัยโทษรอบ 2 “ทักษิณ” บินดู สถานการณ์ชายแดนสุรินทร์ “อิ๊งค์” รับมีท้อใจบ้าง เชื่อมั่น ดีเอ็นเอเพื่อไทยมั่นคง ถ้าได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกจะสานต่อ งานที่ทำไว้ รมว.ยุติธรรมรอดูรายงานจากคณะ กก.ตรวจฎีกาฯ “พงษ์สวาท” ย้ำเป็นไปตาม ป.วิอาญา ชี้อดีตนายกฯเข้าเกณฑ์ขอรอบสอง แต่อำนาจ อยู่ในมือ รมว.ยธ. ดีเอสไอเดินหน้าสางคดีค้างเก่า รอหารืออัยการคำคัดค้าน “ศุภชัย” ยังไม่รับเขากระโดง คดีพิเศษ “ศรีสุวรรณ” ชง ป.ป.ช.สอบ “ไชยชนก” เล่นหนักทั้งขัด รธน. 219-ป.อาญา 144 สว.สำรอง สุดทนแจ้งความเอาผิด 157 “กกต.-แสวง” แนวร่วมหนุน “มาร์ค” รีเทิร์น ปชป.พรึบ “ดร.เอ้-คุณหญิงกัลยา” เปิดตัวพรรคไทยก้าวใหม่ กมธ.วางกรอบ นิรโทษกรรม 20 ปี พ่วงให้ลบประวัติอาชญากรรมนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ยืนยันยังไม่ทราบเรื่องที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ตีกลับการยื่นทูลเกล้าฯถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษครั้งที่ 2 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับมายังกระทรวงยุติธรรมรบ.พร้อมหนุนแต่ไม่ให้ทุนชี้นำเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 3 ต.ค. ที่ศูนย์ การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษในเวทีสัมมนา Sustainability Expo 2025 A Call for Adaptation The Sustainability in Trade & Industry “ยกระดับอุตสาหกรรม-การค้า-การลงทุนสู่ความยั่งยืน” ว่า การเมืองที่จริงมีเสถียรภาพ ต่อให้ไม่มีเสถียรภาพ นักการเมืองรู้ดีว่าอย่าไปแตะกับผู้ประกอบการที่กำลังสร้างเศรษฐกิจให้ประเทศ เราผ่านวิกฤต การณ์มาเท่าไหร่แต่ความมั่นคงด้านเศรษฐกิจเราไม่เคยลดน้อยถอยลง สิ่งที่เราต้องแก้อีกนิดเดียวคือทำให้รัฐบาลมีความเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด ช่วยเหลือและสนับสนุนกลุ่มทุน ออกมาตรการซัพพอร์ตให้ได้ แต่ต้องไม่ให้กลุ่มทุนมาชี้นำรัฐบาล ประเทศเราสามารถแข่งขันได้เต็มที่ ไม่ใช่ว่าทำอะไรไม่ได้ติดคนนี้ติดคนนั้นจนไม่เกิดการแข่งขัน กลายเป็นเสือนอนกินไม่พัฒนา เชื่อว่าสังคมการเมืองจะเปลี่ยนไป ประเทศไทยของเราจะเริ่มปรับความเป็นสากล ความเป็นธรรมาภิบาลเพิ่มมากขึ้น เพราะเราจะถูกบีบจากสังคมทั้งภายในและภายนอกประเทศไทยไม่ใช่ไม่มีอนาคตนายอนุทินกล่าวว่า ประเทศไทยไม่ใช่ไม่มีอนาคต อาจชะงักงันไปบ้างในเรื่องการเมือง แต่ถ้าเราปล่อยให้การเมืองว่ากันไป คนในชาติต้องรักสามัคคีกัน การเมืองก็จะมาดูแลท่านเอง ในเมื่อคนในชาติไม่ต้องการความขัดแย้ง นักการเมืองก็ไม่กล้าขัดแย้ง อย่าให้นักการเมืองมา Lead (ชักนำ ชักจูง) ท่าน ท่านต้อง Lead (ชักนำ ชักจูง) นักการเมือง จะใช้โอกาสที่มีบุญวาสนามาตรงนี้ได้ทำให้ดีที่สุด ไม่ทำอะไรเยอะทำแบบพอเพียง แบบยั่งยืนและยืดยาว พร้อมปรับปรุง รับฟัง และสนับสนุนให้ดำเนินกิจการด้วยความมั่นคงในทุกมิติ รัฐบาลชุดนี้พร้อมให้การสนับสนุนในทุกมิติ ให้มีความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ เกิดขึ้นในประเทศของเราไม่รู้ สลค.ตีกลับฎีกาของ “ทักษิณ”ต่อมาเวลา 10.00 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) นายอนุทินนำคณะ อาทิ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เดินทางลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ติดตามสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณแนวชายแดน รวมถึงติดตามการเยียวยาและการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลในพื้นที่ นายอนุทินให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวก่อนขึ้นเครื่องถึงกรณีสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ตีกลับการยื่นทูลเกล้าฯถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษครั้งที่ 2 ของนายทักษิณชินวัตร อดีตนายกฯ กลับมายังกระทรวงยุติธรรมว่า ยังไม่รับทราบเรื่องดูสถานการณ์ชายแดนสุรินทร์กระทั่งเวลา 11.45 น. นายอนุทินและคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานสุรินทร์ภักดี อ.เมืองสุรินทร์ ทั้งนี้ นายอนุทินเปลี่ยนเป็นชุดเครื่องแบบกองอาสารักษาดินแดน ประดับยศนายกองใหญ่ (เทียบเท่า พลเอก) ซึ่งเป็นยศของ รมว.มหาดไทย และเดินทางต่อไปยังกองกำลังสุรนารี ค่ายวีรวัฒน์โยธิน อ.เมืองสุรินทร์ เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ทั้งนี้นายกฯนำคณะถวายราชสักการะพระรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จ พระเจ้าตากสินมหาราช และสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จากนั้นเดินเข้าสู่ห้องประชุมเหมบุตร จับเข่ากินข้าวกลางวันกำลังพลนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้นายกฯให้นโยบายดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนเต็มที่ และแสดงความยินดีกับแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ มั่นใจว่าจะปฏิบัติหน้าที่ได้เข้มแข็ง และร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ หลังเสร็จสิ้นการประชุมนายกฯร่วมลงนามในสมุดตรวจเยี่ยมกองกำลังสุรนารี และมอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับกำลังพลกองกำลังสุรนารี จากนั้นเดินทางไปตรวจภูมิประเทศและเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพล ณ ฐานปฏิบัติการสามแยก กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี อ.พนมดงรัก และร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับกำลังพล พูดคุยถามไถ่ความเป็นอยู่ ย้ำว่ารัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนทั้งด้านสวัสดิการและการปฏิบัติงาน ให้กำลังพลทำงานได้อย่างมั่นใจและเต็มที่ในการปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ ขอให้กำลังพลทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความปลอดภัยครม.ทำบุญสวดมนต์ออกพรรษาผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าวันที่ 7 ต.ค.ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย จะเป็นประธานทำบุญตักบาตรเนื่องในวันออกพรรษา ร่วมกับ ครม. และเวลา 16.00 น. นายกฯเป็นประธานกิจกรรมสวดมนต์เย็น และปาฐกถาธรรม โดยนิมนต์สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช และพระสงฆ์ 10 รูป จากวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม นำสวดมนต์เย็น เพื่อความเป็นสิริมงคลที่ตึกสันติไมตรี ช่วงค่ำจะไปร่วมงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ จ.นครพนม ประจำปี 2568 และเวลา 08.00 น. วันเดียวกัน นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี นิมนต์พระพรหมวชิรมงคล เจ้าอาวาสวัดราชาธิวาสราชวรวิหาร พระชินวงศวชิเวที (เจ้าคุณเตชินท์) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธ สถิตมหาสีมาราม และคณะรวม 5 รูป เจริญพระพุทธมนต์ เพื่อเป็นสิริมงคลในการปฏิบัติหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาล และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล“อิ๊งค์” รับท้อใจแต่ DNA พท.มั่นคง วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์คลิปความยาว 23 นาที ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เล่าถึงระยะเวลาการทำงาน 2 ปี รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยว่า แม้เราต้องหยุดทำงานโดยฉับพลัน แต่พรรคเพื่อไทยยังมีภารกิจที่ทำค้างไว้ นับเป็นปีที่ใช้พลังความสามารถ ทั้งตัวเอง และทีมงานอย่างเต็มที่ ในการแก้ไขปัญหาพาประชาชนผ่านวิกฤติต่างๆหลายอย่าง นโยบายที่อยากให้ทำต่อเนื่อง เช่น รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย บ้านเพื่อคนไทย ทุนสำหรับเด็กทุกระดับ ยืนยันหากพรรคเพื่อไทยมีโอกาสกลับมาเป็นรัฐบาล จะผลักดัน สิ่งนี้ต่อ เพราะเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าแมนเมดเดสติเนชั่นจะเป็นการรีเฟรชทำให้ประเทศเราใหม่ขึ้นเรื่อยๆ ยอมรับว่าช่วงการเมืองเปลี่ยนแปลงมีช่วงที่ท้อใจบ้าง แต่มีกำลังใจเยอะ ยังมีคนที่เชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยยึดโยงกับประชาชน ยึดโยงนโยบายทำให้ปากท้องพี่น้องดีขึ้น การเป็นรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ภายใน 2-3 เดือน และเชื่อมั่นว่า 1 ปีที่ดำรงตำแหน่งนายกฯได้วางรากฐานหลายอย่าง ยืนยันด้วยตัวเลขข้อมูลของราชการโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าถ้าพรรคเพื่อไทยได้กลับมามีโอกาสทำงานอีก แม้ตนจะไม่ได้เป็นนายกฯ แต่ DNA นี้ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย เรายังมี DNA ที่มั่นคงว่าการทำเพื่อประชาชนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด“ศรีสุวรรณ” ชง ป.ป.ช.สอบ “ไชยชนก”ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนและชี้มูลนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กรณีนำข้อมูลมาเปิดเผยกลางรัฐสภาว่าถูกเสนอเงิน 40 ล้านบาทต่อเดือน แลกกับการไม่ดำเนินคดีกับกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และเว็บไซต์ผิดกฎหมาย แต่กลับไม่ไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เสนอสินบนดังกล่าว นายศรีสุวรรณกล่าวว่า การกระทำของนายไชยชนกอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ กรณีนี้ถือได้ว่าการติดสินบนเจ้าหน้าที่เป็นความผิดสำเร็จแล้ว ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 144 นายไชยชนกในฐานะ สส.และว่าที่ รมว.ดีอีขณะนั้น ย่อมต้องทราบว่าผู้มาเสนอสินบนเป็นใคร แต่กลับไม่ดำเนินการแจ้งความเอาผิด การชี้แจงว่าได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงดีอีเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดตามกฎหมาย เป็นคนละเรื่องกัน การสั่งการลักษณะนี้เป็นการแก้เกี้ยว หรือมวยล้มต้มคนดูหรือไม่ หากนายไชยชนกไม่เร่งแจ้งความและให้ถ้อยคำต่อเจ้าหน้าที่ อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 219 โทษอาจรุนแรงถึงขั้นถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองในอนาคตแจ้งเอาผิด ม.157 “กกต.–แสวง”ที่ สน.ทุ่งสองห้อง นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล สว.สำรอง พร้อมทีมทนายความยื่นร้องทุกข์กล่าวโทษคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้งคณะ รวมถึงนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้กระบวนการเลือก สว. ที่ผ่านมาเสียหายร้ายแรง ขอให้ดำเนินคดีอาญากับกรรมการ กกต. และนายแสวง ในข้อหาอาจมีส่วนรู้เห็นหรือปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในการเลือกตั้ง สว. ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 พ.ร.ป.ว่าด้วย ป.ป.ช.มาตรา 172 รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง นายอัครวัฒน์กล่าวว่า คดีนี้มีหลักฐานปรากฏตั้งแต่แรก แต่กลับถูกปล่อยให้ยืดเยื้อนานนับปี โดยที่ กกต. ไม่เร่งตรวจสอบหรือชี้แจงข้อมูลต่อประชาชน ทั้งที่มีสำนวนการสืบสวนเบื้องต้นอยู่ในมือแล้ว และกังวลต่อการแต่งตั้งบุคคลในกระทรวงยุติธรรม อาจส่งผลกระทบต่อความเป็นอิสระของกระบวนการยุติธรรม เกรงว่าการเปลี่ยนตัวบุคคลในบางตำแหน่งอาจกลายเป็นการแทรกแซง และขอให้ประชาชนติดตามร่วมกันผลักดันความโปร่งใสในกระบวนการยุติธรรมรมว.ยธ.ร่วมงานสถาปนาดีเอสไอช่วงสายที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ร่วมทำบุญถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ พร้อมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เนื่องในวันครบรอบวันสถาปนากรมสอบสวนคดีพิเศษ ปีที่ 23 มี พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วม พล.ต.ท.รุทธพลกล่าวหลังเสร็จพิธีถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการเพื่อดูข้อกฎหมาย กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยื่นทูลเกล้าฯถวายฎีกาขอ พระราชทานอภัยโทษครั้งที่ 2 ว่า ขอกลับไปดูรายงานของปลัดกระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 2 ต.ค.มีการพูดคุยกันที่กระทรวงไปบ้างแล้ว ผลรายงานยังไม่ส่งมาปลัด ยธ.เผยเกณฑ์ “ทักษิณ” ขอรอบ 2นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า คณะกรรมการยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ผู้สื่อข่าวถามว่านายทักษิณสามารถยื่นทูลเกล้าฯถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ครั้งที่ 2 ได้จริงหรือไม่ เพราะเมื่อปี 2566 นายทักษิณ เคยยื่นทูลเกล้าฯขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายไปแล้ว นางพงษ์สวาทตอบว่า เป็นไปตาม ป.วิอาญา เรากำลังพิจารณากันอยู่ ยึดข้อกฎหมายทั้งหมด เมื่อถามย้ำว่านายทักษิณเคยยื่นถวายฎีกาฯ ไปเมื่อปี 2566 ถือว่าพ้น 2 ปี จึงสามารถยื่นขอทูลเกล้าฯได้ใช่หรือไม่ นางพงษ์สวาทตอบว่า ใช่ค่ะ เพราะถ้าดูเวลาก็เกินแล้ว แต่ต้องดูรายละเอียดอย่างอื่นประกอบด้วย เมื่อถามว่าคณะกรรมการที่จะมาดูข้อกฎหมาย รมว.ยุติธรรมให้เวลา 3 วัน ขณะนี้ ดำเนินการอย่างไร นางพงษ์สวาทตอบว่า จะพิจารณากันอีกครั้งว่าจะมีผลอย่างไร เมื่อถามว่าหากคณะกรรมการดูเรื่องข้อกฎหมายเสร็จสิ้น ต้องส่งสรุปผลรายงานให้ รมว.ยุติธรรมรับทราบ เพื่อมีความเห็นใช่หรือไม่ นางพงษ์สวาทยืนยันว่า ใช่ เพราะ รมว.ยุติธรรมเป็นผู้เสนอกลับขึ้นไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.)ดีเอสไอเดินหน้าสางคดีค้างเก่าพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า คดีต่างๆที่ได้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา จะดำเนินการต่อเนื่องทุกคดีค้างเก่า เมื่อถามถึงแนวทางสืบสวนคดีเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ และทิศทางการสืบสวนคดีนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป พ.ต.ต.ยุทธนาตอบว่า ตอนนี้ยังเป็นเพียงชั้นสืบสวน และยังคงแสวงหาพยานหลักฐานอยู่ ยังไม่ได้รับเป็นคดีพิเศษ ยังไม่มีการสอบพยานรายใด ต้องไปหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นก่อนว่าเข้าเกณฑ์รับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะยุติเรื่องสืบสวน เพื่อส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือ ยุติเรื่องสืบสวนเพื่อให้รับเป็นคดีพิเศษ พ.ต.ต.ยุทธนาตอบว่า ยังไม่สามารถพิจารณาไปก่อนได้ ต้องรวบรวมข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนแล้วค่อยพิจารณา ส่วนคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน ฮั้ว สว. ยืนยันว่ายังดำเนินการต่อเนื่องรอหารืออัยการคำคัดค้าน “ศุภชัย”ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. นายศุภชัย ใจสมุทร เลขานุการ รมว.ยุติธรรม ตั้งคำถามถึงดีเอสไอว่าเริ่มต้นสืบสวนสอบสวนคดีนี้ถูกต้องหรือไม่ หากเริ่มไม่ถูกต้องต้องย้อนกลับไปจุดเดิม พ.ต.ต.ยุทธนาตอบว่า คงต้องประชุมร่วมกับพนักงานอัยการด้วย ตอนนี้ยังไม่สามารถตอบอะไรได้ อยู่ระหว่างทำนัดหมายกับพนักงานอัยการเพื่อประชุมกันสัปดาห์หน้า ย้ำว่าเรามีพยานหลักฐานในระดับหนึ่งแล้ว แต่ต้องประชุมร่วมกับพนักงานอัยการในสัปดาห์หน้าแนวร่วมหนุน “มาร์ค” รีเทิร์น ปชป.ขณะที่นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตหัวหน้าพรรคกล้า และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กเป็นภาพถ่ายร่วมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรค ปชป. นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีต รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม นายต่อภัสร์ ยมนาค ผอ.ศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายสันติธาร เสถียรไทย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย บุตรชายนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีต รมว.ต่างประเทศ และนางการดี เลียวไพโรจน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ขณะรับประทานอาหารร่วมกันที่ร้าน L’Opera Italian Restaurant สุขุมวิท 39 ระบุว่า “หัวข้อเมื่อคืนคืออนาคตประเทศที่ทุกคนทุกรุ่นต้องการ” ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอภิสิทธิ์เป็นคนเชิญทั้งหมดมาทานข้าว พูดคุยสถานการณ์การเมือง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากคนรุ่นต่างๆ ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรค ปชป. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ผมสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์แล้ว เพื่อใช้สิทธิ์เลือกคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค ในวันที่ 18 ต.ค.2568”“ตั๊น” รอดูทิศทางลม ปชป. 18 ต.ค.น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤษดากร รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีเตรียมรับตำแหน่ง เลขานุการ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่า ยังไม่ได้ลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะยังไม่ได้ตัวหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ กำลังจะเลือกกันวันที่ 18 ต.ค.นี้ หลังจากได้ตัวหัวหน้าพรรคแล้ว จะพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรอีกครั้ง เชื่อว่าไม่กระทบต่อการนั่งในตำแหน่งเลขานุการ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ การเข้ามารับตำแหน่งดังกล่าวเพื่อขับเคลื่อนโครงการที่เกี่ยวข้องกับการปลูกป่า รักษาแหล่งต้นน้ำซึ่งเป็นทรัพยากรต้นทุนที่มีค่า รวมถึงปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 “ดร.เอ้-คุณหญิงกัลยา” เปิดตัวพรรคที่อาคารทรูดิจิทัลพาร์ค กรุงเทพมหานครเวลา 10.30 น. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ “ดร.เอ้” หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ พร้อมคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประธานพรรคไทยก้าวใหม่ ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวพรรคไทยก้าวใหม่อย่างเป็นทางการ นายสุชัชวีร์กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ว่า พรรคไทยก้าวใหม่ เกิดขึ้นภายใต้สโลแกน “พรรคไทยก้าวใหม่ ก้าวใหม่ให้ไทยสตรอง” ชูนโยบายธนู 4 ดอก ดอกที่หนึ่ง “สร้างคนใหม่ พลิกโฉมการศึกษาไทย” การลงทุนกับเด็กไทยจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดทางเศรษฐกิจ ดอกที่สอง “สร้างเศรษฐกิจก้าวใหม่ คนไทยต้องมาก่อน” รัฐต้องสร้างโอกาสให้คนส่วนใหญ่ในสังคม ลงทุนในวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม อย่างมีเป้าหมาย สนับสนุนให้คนไทย จากผู้ซื้อเป็นผู้สร้างเทคโนโลยี ปฏิรูปกฎหมายเพื่อเอื้อต่องานสร้างสรรค์ ดอกที่สาม “สร้างคุณภาพชีวิตให้คนไทยปลอดภัย สุขภาพดี มีความสุข” ดอกที่สี่ “สร้างค่านิยมใหม่ คนดีต้องมีที่ยืน”พร้อมทำงานกับทุกฝ่ายไม่ขัดแย้งนายสุชัชวีร์ให้สัมภาษณ์หลังแถลงเปิดตัวพรรคไทยก้าวใหม่ว่า เราต้องการเห็นประเทศไทยเปลี่ยนแปลง อีกไม่กี่เดือนจะเข้าสู่การเลือกตั้งแล้ว เรากําลังดูว่าเราจะส่งลงเขตไหนบ้าง ส่วนรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แน่นอนว่าหัวหน้าพรรคต้องพร้อมทําหน้าที่เป็นผู้นําประเทศ และตนจะเป็น สส.บัญชีรายชื่อลําดับที่หนึ่ง เมื่อถามถึงการเมืองที่แบ่งขั้วแบ่งฝ่ายชัดเจน วางตัวเองอยู่ในตรงไหน นายสุชัชวีร์ตอบว่า เราตั้งใจสร้างคนไปเปลี่ยนประเทศ ไทยจริงๆ ไม่ใช่แค่ระยะสั้น จึงมุ่งมั่นทํางานร่วมกับทุกฝ่าย รับฟังเสียงของประชาชน อะไรก็ตามที่ให้พรรคเรามีโอกาสทํางานสร้างคน เราไม่ทําการเมืองที่ส่งต่อความขัดแย้ง มุ่งเป้าพื้นที่กรุงเทพฯเป็นพื้นที่เป้าหมาย และต้องส่งลงสมัครในทุกภาคอยู่แล้วกมธ.วางกรอบนิรโทษกรรม 20 ปีผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมคดีการเมืองว่า คณะกรรมาธิการสร้างสังคมสันติสุข ที่มีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นประธาน กมธ. พิจารณาเนื้อหาเสร็จแล้ว เตรียมเสนอต่อนายวันมู หะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร บรรจุเข้าที่ประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาวาระ 2 และ 3 ก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯวันที่ 30 ต.ค.นี้ มีสาระสำคัญคือกำหนดระยะเวลานิรโทษกรรม ตั้งแต่ 1 ม.ค.2548 ถึง 16 ก.ค.2568 แก่ผู้เข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง หรือแสดงออกอันมีมูลเหตุมาจากความขัดแย้งหรือแรงจูงใจทางการเมือง และกำหนดบทล้างมลทินแก่ผู้เข้าร่วมชุมนุม หรือแสดงออกที่มูลเหตุจากแรงจูงใจทางการเมือง ที่มีฐานความผิดทางอาญาและทางพินัย ส่วนความเสียหายคดีแพ่งต่อหน่วยงานรัฐให้ยุติการดำเนินคดี ไม่ให้หน่วยงานรัฐฟ้องร้องความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงหยุดการชดใช้ค่าเสียหายตามที่ศาลมีคำพิพากษา แต่ไม่ได้บังคับให้คืนการชำระหนี้หรือบังคับคดีที่เสร็จสิ้นไปแล้วพ่วงให้ลบประวัติอาชญากรรมส่วนการนิรโทษกรรมจะยกเว้นการกระทำผิดฐานทุจริต ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และการกระทำผิดให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หรือบาดเจ็บสาหัส ทั้งนี้ กมธ.เพิ่มบทบัญญัติใหม่ ให้ลบประวัติความผิดทางอาญา ประวัติอาชญากรรมของผู้กระทำความผิดที่ได้รับนิรโทษกรรมด้วย ขณะที่การตั้งคณะกรรมการสร้างเสริมสังคมสันติสุข มี 9 คน ได้แก่ นายกรัฐมนตรี หรือรองนายกฯที่ได้รับมอบหมายจากนายกฯ เป็นประธาน มีหน้าที่วินิจฉัยการได้รับนิรโทษกรรม การพ้นจากความรับผิดทั้งปวงตามกฎหมาย การรับเรื่องร้องขอการนิรโทษกรรม การเรียกเอกสารหรือบุคคลมาให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริง การจัดทำรายงานข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการสร้างสังคมสันติสุขเสนอต่อรัฐสภา ครม. ศาล กรณีผู้กระทำผิดอายุต่ำกว่า 18 ปี ให้ร้องขอต่อคณะกรรมการมีคดีที่ได้รับนิรโทษกรรมตามบัญชีแนบท้ายในร่างกฎหมาย 34 ประเด็น อาทิ ความผิดต่อความมั่นคงภายนอกราชอาณาจักร ความผิดเกี่ยวกับศาสนา ความผิดฐานหมิ่นประมาท ความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.และ สว. ความผิดตาม พ.ร.บ.กกต.ปี 2561 เฉพาะที่ไม่เกี่ยวพันกับการเลือกตั้งโดยทุจริตอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่