หนังสือ “กลศึกสามก๊ก” บุญศักดิ์ แสงระวี แปล เล่มที่ผมใช้ สำนักพิมพ์ ก.ไก่ (ถวิล มนัสน้อม) พิมพ์ตั้งแต่ปี 2537 ครับ ชื่อกลยุทธ์ที่ 1 อย่าไล่สุนัขจนตรอก ในตำนานสามก๊ก ตอนที่ 2 ภาษาจีน มีเรื่องเล่าปี่ติดตามจูฮีไปปราบโจรโพกผ้าเหลืองอยู่ท่อนหนึ่งในขณะนั้นโจรยึดครองเมืองอ้วนเซียไว้แล้ว จูฮีนำทหารเข้าตี เตียวฮ่องส่งฮั่นต๋งออกรบ จูฮีสั่งให้เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย เข้าโจมตีเมืองทางทิศตะวันตกและทิศใต้ ฮั่นต๋งนำทหารไปรับมือเล่าปี่ ส่วนจูฮีนำทหารม้าสองพันบุกไปทางทิศตะวันออกและทิศเหนือ โจรเกรงว่าจะเสียเมือง จึงรีบทิ้งทิศตะวันตกและทิศใต้ ถอยหลังกลับเล่าปี่ก็ฉวยโอกาสไล่ตีตามหลัง โจรพ่ายแพ้ยับเยินรีบหนีเข้าเมืองอ้วนเซียจูฮีแยกทัพล้อมไว้ทั้ง 4 ทิศ ภายในเมืองเสบียงอาหารเกิดขัดสน ฮั่นต๋งจึงสั่งคนออกมาขอสวามิภักดิ์จูฮีไม่ยอม เล่าปี่จึงว่าในสมัยโบราณเมื่อฮั่นเกาจู่จะได้แผ่นดินครองนั้น ก็ได้ใช้วิธีเกลี้ยกล่อมผู้คนทั้งหลายให้มาสวามิภักดิ์ด้วย ท่านเหตุใดจึงปฏิเสธฮั่นต๋งเสียเล่าจูฮีตอบว่า ครั้งกระโน้นก็อยู่ในอีกภาวะหนึ่ง ครั้งกระนี้ก็อยู่ในอีกภาวะหนึ่ง ในสมัยฮั่นเกาจู่นั้น แผ่นดินเกิดจลาจล ราษฎรไม่มีเจ้านาย ฉะนั้นการเกลี้ยกล่อมให้สวามิภักดิ์ จึงพึงกระทำปัจจุบันแผ่นดินเราก็ราบคาบ มีแต่โจรโพกผ้าเหลืองเท่านั้นที่ก่อกบฏ ถ้ายอมให้เขามาสวามิภักดิ์ก็จะเป็นเยี่ยงอย่างสืบไปวันข้างหน้า อาจจะทำให้ได้ใจตีปล้นยิ่งขึ้น แต่พอแพ้เข้าก็ยอมให้สวามิภักดิ์นี้คือยุให้พวกโจรกำเริบเสิบสาน หาใช่นโยบายที่ดีไม่เล่าปี่จึงว่า ที่ท่านไม่ให้สวามิภักดิ์นั้นควรแล้ว แต่บัดนี้เราโอบล้อมไว้ทั้ง 4 ทิศ ข้าศึกมายอมสวามิภักดิ์มิได้ ก็จะสู้ตาย คนนับหมื่นจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็จะสู้อย่างสุนัขจนตรอกมิหนำซ้ำภายในเมืองยังมีราษฎรอีกหลายหมื่นคน เรามิสู้ถอนกำลังทางตะวันออก และทางใต้เสีย เข้าโจมตีแต่ทางตะวันตกกับทางเหนือ โจรจะทิ้งเมืองหนีไปไม่มีแก่ใจจะสู้รบ เราก็จะจับกุมได้โดยสะดวกจูฮีเห็นด้วย จึงสั่งให้ถอนทัพจากทิศตะวันออกและทิศใต้กลับมา รวมกำลังเข้าตีทิศตะวันตกและทิศเหนือ ฮั่นต๋งทำทหารทิ้งเมืองหนีไปทางช่องเปิดนั้น จูฮีจึงร่วมกับเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ไล่ฆ่าฟันไปยิงฮั่นต๋งตาย ทัพโจรจึงแตกซ่านเซ็นไม่เป็นกระบวนจบกลยุทธ์ อย่าไล่สุนัขจนตรอก แค่นี้ หลอก้วนจงผู้แต่งตำนานสามก๊ก จงใจเชิดชูความคิดอันเฉียบคมของเล่าปี่ แสดงว่าสันทัดในการใช้หลักการบัญชาการทัพ ที่เรียก “ล้อมพึงเปิดช่อง” ได้อย่างสอดคล้องกับสถานการณ์การรบสมัยโบราณ ถึงแม้จะอยู่ในสภาพที่ได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ ก็ใช่ว่าจะได้รับชัยชนะอย่างง่ายดายนักการทหารจึงมีความเห็นว่า การบัญชาการทัพชั้นเอกคือชนะด้วยอุบาย รองมาคือชนะด้วยการทูต รองมาคือชนะด้วยการรบ เลวสุดคือการตีเมือง ตีเมืองเป็นเรื่องสุดวิสัยทิ้งเรื่องแต่งแบบนิยาย กลับมาตั้งหลักกันที่เรื่องประวัติศาสตร์ จากจดหมายเหตุสามก๊ก ก็จะพบในสมรภูมิรบที่ว่า เล่าปี่มิได้ติดตามจูฮีไปตีโจรโพกผ้าเหลืองเลย ประวัติเล่าปี่ตอนนี้ บันทึกไว้เพียง“เล่าปี่นำแม่ทัพนายกองของตนปราบโจรโพกผ้าเหลืองจนมีความดีความชอบ” เท่านั้นคราวนี้ก็ย้อนมาคุยกันเรื่องสงครามเขมร...ผมเห็นว่า ที่ทหารไทยเราใช้วิธีปิดล้อม...ด้วยการไม่เปิดด่าน ปิดช่องธุรกิจสีเทา ปิดเมืองโจรคอลเซ็นเตอร์...นั้น ถูกทางทนเจ็บ ยอมเสียหายเรื่องการทำมาค้าขายชายแดน จนคนเขมรทนไม่ไหว ลุกฮือโค่นล้มเผด็จการวุ้นเส้น ผลจะเป็นเช่นโบราณว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ความสงบสุขเรื่องชายแดนจะตามมาอย่างถาวรข้อสำคัญต้องจับ...ทั้งการเมืองเขมรการเมืองไทย...ที่ขยิบตากันก่อสงคราม เขาโค่นศัตรูสำคัญได้แล้ว จะอาศัยสถานการณ์ แสร้งจับมือกันทำมาหากินกับธุรกิจสีเทา วงจรปัญหาก็วนกลับมาแบบเดิมๆอีก.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม