รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนในมาตรา 162 วรรคหนึ่ง ว่า คณะรัฐมนตรีที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาภายใน 15 วัน นับแต่วันเข้ารับหน้าที่โดยไม่มีการลงมติไว้วางใจแถมยังมีการขยายความกำชับไว้ในวรรคสองของมาตราเดียวกันว่า “ก่อนแถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามวรรคหนึ่ง หากมีกรณีที่สำคัญและจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะกระทบ ต่อประโยชน์สำคัญของแผ่นดิน คณะรัฐมนตรีที่เข้ารับหน้าที่จะดำเนินการไปพลางก่อนเพียงเท่าที่จำเป็นก็ได้”เป็นการยืนยันอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลใดก็ตามจะเป็นรัฐบาลได้สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ มีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างเต็มที่ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีไปจนถึงรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยก็ต่อเมื่อได้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเรียบร้อยแล้วเท่านั้นดังนั้น วันนี้จันทร์ที่ 29 กันยายน 2568 หลังเวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ซึ่งจะมีการประชุมรัฐสภาเพื่อรับฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาล “อนุทิน 1” จึงถือเป็นวันเริ่มต้นนับ 1 ของการเข้าบริหารประเทศ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยจะเริ่มขึ้นทันทีที่นายกฯอนุทินอ่านประโยคสุดท้ายของนโยบายที่ร่างไว้...จบลงถ้าเป็นเหมือนภาพยนตร์อินเดียในสมัยก่อน ทันทีที่นายกฯจบประโยคสุดท้ายของนโยบายที่ท่านแถลงก็จะมีเสียง “กริ๊ง” ดังขึ้นเป็นการเตือนให้ทุกๆฝ่ายในรัฐสภาและผู้นั่งดูชมการถ่ายทอดสดได้รับทราบว่า ความเป็น “รัฐบาล 100 เปอร์เซ็นต์” ได้เกิดขึ้นแล้วโดยไม่ต้องคำนึงว่า ยังจะมีการอภิปรายสอบถามรายละเอียด การติการติงการตั้งข้อสังเกตต่างๆรวมถึงการชี้แจงของฝ่ายรัฐบาลในช่วงเวลาที่เหลืออีก 1 วันกว่าๆที่เหลือให้ถือว่า คณะรัฐมนตรีทุกท่านมีอำนาจเต็มที่ จะดำเนินการบริหาร ประเทศชาติภายใต้กรอบนโยบายที่แถลงไว้ ณ นาทีนั้นเป็นต้นไปการนับเวลา 4 เดือน จึงนับตั้งแต่วันนี้หลังนายกฯแถลงจบอาจเป็นเพราะเหตุผลนี้ ฝ่ายรัฐบาลจึงขอให้ฝ่ายค้านอภิปรายในวันที่สองให้จบภายใน 18.00 น. หรือ 6 โมงเย็น เพราะจะรีบไปประชุมคณะรัฐมนตรี นัดพิเศษ ในค่ำคืนที่ว่าทันทีแสดงถึงความตั้งใจจริงและความขยันขันแข็งที่นายกฯอนุทินให้สัมภาษณ์ล่วงหน้าไว้ว่าจะทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำและไม่มีวันหยุดในระยะ 4 เดือนนับจากนี้ผมขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดว่านโยบายของรัฐบาล 4 เดือน มีสาระอะไรบ้าง เพราะมีการนำมาลงเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนต่างๆ เข้าใจว่าท่านผู้อ่านคงได้อ่านกันเป็นส่วนมากแล้วขอสรุปสั้นๆว่า รัฐบาลจะดำเนินการแก้ปัญหาเร่งด่วนของประเทศใน 5 ด้าน ได้แก่ 1.เศรษฐกิจ 2.ความมั่นคง 3.ด้านสังคม 4.ด้านภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ 5.ด้านการบริหารภาครัฐ การปฏิรูปกฎหมายต่างๆ ฯลฯจุดเด่น ด้านแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่ฮือฮาและประชาชนเห็นด้วย+เรียกร้องมากที่สุดก็คือ “โครงการคนละครึ่งพลัส” กับรอว่า นโยบายการลดรายจ่าย เช่น ค่าพลังงาน ค่าน้ำดื่มสะอาด ค่าโดยสาร ฯลฯ จะออกมาอย่างไร? และแนวทางแก้ปัญหาสงครามการค้าสู้ทรัมป์ และแนวปฏิบัติเพื่อขยายตลาดการค้าต่างประเทศจะออกมาอย่างไร?จุดเด่น ด้านความมั่นคง คือ จะเร่งแก้ปัญหาพิพาทไทย—กัมพูชาโดยเร็ว และจะทำ ประชามติ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมตัดสินใจ ยกเลิกบันทึกเอ็มโอยูไทย—กัมพูชา อย่างเด็ดขาดด้วยจุดเด่น ด้านสังคม คือการระบุชัดว่า จะปราบการพนันทุกประเภทไม่ส่งเสริมการพนันทุกประเภท ใครจะให้ โป๊กเกอร์ เป็นกีฬาอย่างไร? รัฐบาลนี้ไม่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยไปถึงเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่จะมีการพนันด้วย ชัดเจนมากครับ! 4 เดือน...ทำได้เท่าที่แถลงไว้สักครึ่งเดียว (และไม่โกงกินเลยสักบาทเดียว) ผมเชื่อว่าคนไทยคงจะแฮปปี้แล้วละ.“ซูม”คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม