นับถอยหลังเหลือไม่กี่อึดใจ ได้อำนาจเต็มบริหารราชการแผ่นดิน คิว “นายกฯหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี รอแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา วันที่ 29-30 ก.ย.นี้ ก็จะเริ่มนับหนึ่งอย่างเป็นทางการในการทำหน้าที่ผู้นำบริหารประเทศเต็มตัวตามที่หย่อนทุ่นประกาศ 5 นโยบายเร่งด่วน แก้ปัญหาประเทศเฉพาะหน้า ในห้วงเวลา 4 เดือน ก่อนยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนปลายเดือน ม.ค.2569 เพื่อเลือกตั้งใหม่ประเดิมกระตุ้นเศรษฐกิจด่วนจี๋ ปัดฝุ่นโครงการคนละครึ่ง ลดค่าครองชีพประชาชน กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ตีคู่ไปกับการเหยียบคันเร่งแก้ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กลับมาตึงเครียด เสี่ยงปะทะรอบใหม่ตลอดจนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เร่งรัดการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างกติกาประเทศฉบับใหม่ ให้ทันไทม์ไลน์เอ็มโอเอ การจัดทำระบบเตือนภัยพิบัติและเร่งรัดเยียวยาผู้ประสบภัย ส่วนการแก้ปัญหาสังคมจะลุยปราบปรามขั้นเด็ดขาดขบวนการยาเสพติด การพนัน การพนันออนไลน์ แก๊งสแกมเมอร์ประกาศหนักแน่นล้มโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนถูกกฎหมาย“นายกฯหนู” วางโมเดลบริหารประเทศ ทั้งฟื้นฟูเศรษฐกิจ แก้ปัญหาสังคม และบริหารอำนาจการเมืองเป็นขั้นเป็นตอน ขับเคลื่อนการทำงานช่วงเฉพาะกิจอย่างจริงจังแต่ยังไม่ทันไรก็ต้องเสียฟอร์ม เจอเหตุสภาล่มไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ประเดิมรับรัฐบาลใหม่ภูมิใจไทยถึงจะมีพรรคประชาชนประคองเป็นองค์ประชุม ก็ยังช่วยไม่ไหว โดนเหลี่ยมพรรคเพื่อไทยไม่อยู่ร่วมเป็นองค์ประชุม ย้อนศรเอาคืนด้วยวิธีเดียวกัน เหมือนที่เคยโดนเล่นงานสมัยเป็นรัฐบาลเพื่อไทยลุยแก้แค้นพรรคคู่ปรับ หนามยอกเอาหนามบ่ง ไม่แคร์จะเหนี่ยวรั้งร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดที่ตัวเองเป็นตัวตั้งตัวตีนำเสนอ มุ่งแต่ชิงความได้เปรียบให้ตัวเอง หักหน้าคู่แข่ง เล่นเกมการเมืองจนมองข้ามผลประโยชน์โดยรวมของประชาชนขณะที่ฝั่งรัฐบาลเผลอการ์ดตก ระดม สส.เฝ้าห้องประชุมไม่ฟูลทีม เลยพลาดพลั้งเสียทีค่ายภูมิใจไทยเริ่มต้นกระบวนการตามกลไกนิติบัญญัติในฐานะแกนนำรัฐบาลแบบทุลักทุเล คงต้องถูลู่ถูกัง วนลูปปัญหาองค์ประชุมในสภาพเดิมๆต่อไป ไม่แตกต่างว่าจะเป็นรัฐบาลชุดเก่าหรือชุดใหม่สัญญาณไม่สู้ดี กองทัพสีน้ำเงินจับมือกองทัพสีส้มก็อาจคุมเกมในสภาไม่อยู่สถานการณ์ที่เกมในสภาแตกเป็น 3 ก๊ก ฝ่ายรัฐบาลคือ พรรคภูมิใจไทยและพรรคร่วมรัฐบาล มีต้นทุนราวๆ 160 เสียง ส่วนฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีประมาณ 190 เสียง และฝ่ายค้านซ่อนรูปได้แก่ พรรคประชาชน 143 เสียง ชื่อเป็นฝ่ายค้านแต่ไหลไปค้ำยันรัฐบาลในบางโอกาส ขึ้นอยู่กับจังหวะทางการเมืองบริบทสุดพิสดารตามเงื่อนไขการเมืองแบบไทยๆ รัฐบาลเป็นเสียงข้างน้อย ขณะที่ฝ่ายค้านกลายเป็นเสียงข้างมาก แต่แตกออกเป็น 2 ขั้ว “เพื่อไทย–ประชาชน”ไม่มีฝ่ายใดครองเสียงข้างมากเบ็ดเสร็จ ต่างฝ่ายต่างบาลานซ์อำนาจ ชิงจังหวะความได้เปรียบพรรคภูมิใจไทย-พรรคประชาชนอยู่ในภาวะพึ่งพาอาศัยกัน ทีมสีน้ำเงินต้องพึ่งลมหายใจสีส้มช่วยประคองรัฐบาลให้ไปตลอดรอดฝั่ง 4 เดือน และเป็นฝ่ายค้ำช่วยเป็นองค์ประชุมสภา กับเสียงโหวตตอนถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจส่วนพรรคภูมิใจไทยก็เกื้อหนุนพรรคประชาชน ช่วยล็อบบี้หาเสียง สว.ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปลดล็อกรัฐธรรมนูญปี 2560 ให้สำเร็จลุล่วงทิ้งพรรคเพื่อไทยถูกโดดเดี่ยว ต้องดิ้นรนแก้วิกฤติความเชื่อมั่นตกต่ำในยุครัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวงคะแนนนิยมกลับคืนมา หลังอำนาจเปลี่ยนมือต้องพลิกตำรา หันมาเดินเกมเป็นฝ่ายค้านอิสระ ผิดธรรมชาติบทบาทฝ่ายค้านทั่วไปที่ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล แต่กลับตาลปัตรไปไล่เปิดศึกพรรคประชาชน เพื่อนร่วมฝ่ายค้านด้วยกันสร้างภาพจำให้สังคมรู้สึกพรรคประชาชนเป็นองครักษ์พิทักษ์รัฐบาลสีน้ำเงิน ทั้งการร่วมจัดตั้งรัฐบาลภูมิใจไทย การเป็นองค์ประชุมในสภา คอยช่วยรัฐบาลมากกว่าการทำหน้าที่ตรวจสอบในฐานะฝ่ายค้านไล่บั่นทอนภาพลักษณ์พรรคคนรุ่นใหม่ ยุให้ด้อมส้มระแวงอุดมการณ์การทำงานที่เปลี่ยนไปเพื่อไทยโชว์เหลี่ยมบทฝ่ายค้านอิสระ ชิงความได้เปรียบ เลือกเป็นผู้คุมเกมการทำงานในบทฝ่ายค้านเอง บีบ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ต้องร่วมมือในการตรวจสอบรัฐบาลตามช็อตวัดใจที่ต้องจับตาดูศึกใหญ่อย่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล หากกองทัพสีส้มลงมติในทางอุ้มรัฐบาล อาจยิ่งสั่นคลอนคะแนนนิยมมากขึ้น ขณะที่เกมแก้รัฐธรรมนูญ ก็ต้องลุ้นจะโดนพรรคภูมิใจไทยตลบหลัง ใช้กลไก ส.ส.ร.คุมเกมการยกร่างกติกาประเทศฉบับใหม่ให้อยู่ในมือตัวเองหรือไม่แม้จะถือแต้มต่อมากสุด แต่อาจหลงเหลี่ยมเขี้ยว “แดง–น้ำเงิน” เสียท่าทั้งเกมในสภา และการแก้รัฐธรรมนูญ!!!ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม