“นายกฯหนู” ยังเพลิดเพลินเดินสาย จัดคิวพบกลุ่มตลาดทุน ยกย่องแหล่งระดมทุน สร้างเศรษฐกิจเติบโต อวยทีมเศรษฐกิจชุดนี้ช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่น สั่งลุยเต็มสูบไม่มีเวลานั่งเท่ๆ รอวันยุบสภา อัดฉีดงบปี 68 ก่อนเส้นตาย ดันคนละครึ่งให้สำเร็จ วิป 3 ฝ่ายจัดเวลาลงตัว แถลงนโยบาย 2 วัน 29-30 ก.ย. ยึดหลักสำคัญ 3 ประการ ลุยแก้ 5 นโยบายเร่งด่วน ชู “คนละครึ่ง” ลดรายจ่าย-แก้หนี้สิน-เพิ่มการออม-ฟื้นเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว-เร่งแก้ผลกระทบสงครามการค้า ปิดประตูใส่พนันถูกกฎหมาย ภท.เปิดประตูอ้าซ่ารอรับกลุ่ม 16 สส. “เฮ้ง” ลั่นยกก๊วนซบเซราะกราว ขอคุมภาคตะวันออกเบ็ดเสร็จ “เดชอิศม์” ยันไม่ขัดแย้ง “เฉลิมชัย” 113 สส.เพื่อไทยเสนอร่างแก้ไข รธน. ชี้ ส.ส.ร.ต้องยึดโยงประชาชนมากที่สุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ยังคงนำทีม ครม.ด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลเดินสายพบปะองค์กรภาคเอกชน ล่าสุดเป็นคิวสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ยกย่องทีมเศรษฐกิจชุดนี้จะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นได้ พร้อมกำชับให้ลุยเต็มที่ ไม่มีเวลามานั่งเท่ๆรอวันยุบสภา“หนู” ยังเดินสายไม่จบถกตลาดทุนเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ก.ย. ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย พร้อมด้วยนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายก รัฐมนตรีและ รมว.คลัง นางศุภจี สุธรรมพันธ์ุ รมว.พาณิชย์ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รมว.พลังงานและนายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง หารือร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) “ข้อเสนอจากตลาดทุน เพื่อเสริมพลังภาครัฐ” นายอนุทินกล่าวก่อนเริ่มประชุมว่า วันนี้ตั้งใจมาพบทุกคน ขอบคุณที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ตื่นเต้นนอนไม่หลับ มาตั้งแต่ 09.00 น. เพราะทราบดีจะได้มาพบกับกัลยาณมิตรที่ดี เพื่อนที่หวังดีต่อกันตลอดเวลาและความสัมพันธ์ของเราพัฒนาไปแต่ละคนมีหน้าที่ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง แม้จะอยู่ในภาคเอกชน ตลาดทุน แต่พวกเราในฐานะรัฐบาลมีหน้าที่ให้การสนับสนุน และให้ความช่วยเหลือทุกทาง ที่จะทำให้ท่านประสบความสำเร็จมากที่สุด ท่านเป็นแหล่งระดมทุนให้กับประเทศ เป็นกลไกสร้างการเจริญเติบโตกับทางเศรษฐกิจว่าประเทศไทยมีความมั่นคงมั่งคั่งในระดับไหน เป็นตัวสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในต่างประเทศอวยทีม ศก.ช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นต่อมาเวลา 12.00 น. นายอนุทินแถลงภายหลังหารือร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทยถึงการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่า รัฐบาลชุดนี้ตั้งทีมทำงานด้านเศรษฐกิจ ตั้งแต่รองนายกฯจนถึงรัฐมนตรีที่ไม่มีการครอบงำใดๆทางการเมือง ทุกคนสามารถใช้ความรู้ความสามารถได้อย่างเต็มที่ จะใช้ทุกอย่างที่มีอยู่ฟื้นฟูสร้างความเชื่อมั่นมั่งคั่งให้เศรษฐกิจของประเทศและมีอำนาจเต็ม ทีมงานชุดนี้ไม่มีทีมงานการเมือง คัดสรรบุคลากรด้วยตัวเอง รัฐบาลมีระยะเวลาเพียงสั้นๆ เราจะจับในสิ่งที่มีอยู่ สิ่งใดแก้กฎระเบียบ แก้กฎกระทรวงได้จะดำเนินการตามกลไกที่มีอยู่ เหมือนการทะลวงท่อให้ลื่นไหลไปได้ลุยเต็มที่ไม่มีเวลานั่งเท่รอยุบสภาผู้สื่อข่าวถามว่ามีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อย มั่นใจได้อย่างไรว่าในระยะ 4 เดือนจะช่วยวางรากฐานด้านเศรษฐกิจได้ นายอนุทินตอบว่า รัฐบาลที่เปลี่ยนแปลงบ่อยไม่ได้แปลว่าเป็นสิ่งไม่ดีเสมอไป ขอให้ใจกว้างนึกถึงประโยชน์ประเทศ และประชาชนเป็นหลัก อย่างรัฐบาลชุดนี้นโยบายอะไรดีที่ค้างท่อจากรัฐบาลชุดที่แล้วหรือนโยบายอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจ พัฒนาคุณภาพชีวิต และสร้างความสงบให้สังคมได้ก็นำมาสานต่อ เช่น นโยบายคนละครึ่ง เป็นโจทย์ใหญ่โจทย์แรกที่รัฐบาลชุดนี้ต้องทำให้ได้ เราเตรียมงบที่เล็งไว้พร้อมหมดแล้ว เมื่อถามว่าที่ต้องแถลงนโยบายวันที่ 29-30 ก.ย. เกี่ยวกับต้องผลักดันงบปี 68 ไม่ให้ค้างคาใช่หรือไม่ นายกฯตอบว่า อะไรที่เป็นประโยชน์กับบ้านเมืองทำหมด จะทิ้งงบฯไปทำไม ถ้าเราไม่เร่งงบฯอันนี้ก็ตกไป ต้องไปเอางบประจำมา โครงการคนละครึ่งต้องทำอยู่ดี ถ้าใครจะมาคิดเล่นการเมือง ให้ข้ามเดือน ก.ย.ไปแล้วโครงการนี้จะตกไป ไม่ตกหรอกตกไม่ได้ เพียงแต่ต้องไปใช้งบอีกก้อนหนึ่ง นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯและ รมว.คลัง และนายลวรณ แสงสนิท ปลัดคลัง เตรียมการเรื่องนี้มาดี บอกกับนายเอกนิติไปว่าวันนี้เรามานั่งกินกาแฟแล้ว ต้องทำสิ่งที่ตลาดทุนร้องขอมาให้สำเร็จ 3-4 เรื่อง ไม่ใช่มานั่งกินกาแฟของเขาฟรีๆ และไม่ใช่มาถึงรอวันยุบสภามาเป็นรัฐมนตรี มาเป็นนายกฯเท่ๆ 4 เดือน บอกเลยไม่มีหรอกไม่มีเท่ ต้องทำงานเต็มที่ เมื่อถามว่าปัญหาทุนที่ตรวจสอบที่มาไม่ได้ นายอนุทินตอบว่า อะไรที่เกี่ยวกับทุนสีเทาให้ รมว.คลังไปดำเนินการ ประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยืนยันว่าจะดำเนินการเด็ดขาดแบ่งเวลาอภิปรายนโยบายลงตัวที่รัฐสภา เมื่อเวลา 15.00 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวภายหลังประชุมจัดสรรเวลาแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีของวิป 3 ฝ่ายว่า กำหนดการประชุมไว้วันที่ 29-30 ก.ย. คณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอให้จบภายใน 18.00 น. ของวันที่ 30 ก.ย. เพราะจะมีการประชุม ครม.นัดพิเศษ ที่ประชุมยังหารือถึงวันประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย ขณะนี้มีพรรคการเมืองอย่างน้อย 3 พรรค เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาแล้ว คือพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย เสนอมาตามแนวทางของศาลรัฐธรรมนูญ จะมีการประชุมในวันที่ 14-15 ต.ค.วิปฝ่ายค้านให้เพื่อไทยเต็มๆ 6 ชม.น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า มีการแบ่งเวลาให้ ครม.และพรรคร่วมรัฐบาล รวมกัน 6 ชั่วโมง ไม่นับรวมนายกรัฐมนตรีแถลงนโยบาย สว.ได้ 3 ชั่วโมง และพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เวลาทั้งหมด 15 ชั่วโมง ประธานสภาฯ 1 ชั่วโมง ขณะที่นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานฝ่ายค้าน กล่าวว่า ในส่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้าน 15 ชั่วโมง แม้พรรคเพื่อไทยจะไม่เข้าร่วมเป็นวิปฝ่ายค้าน แต่เราได้แบ่งเวลาในสัดส่วนที่เหมาะสม คือ พรรคร่วมวิปฝ่ายค้าน 9 ชั่วโมง และให้เวลาพรรคเพื่อไทยอภิปรายรวม 6 ชั่วโมงรัฐบาลลุยแก้ 5 นโยบายเร่งด่วนผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า สำหรับคำแถลงนโยบายที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ จะแถลงต่อรัฐสภา มีสาระสำคัญ ดังนี้ ครม.จะยึดหลักสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1.พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2.ยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 3.ยึดมั่นหลักนิติธรรม บังคับใช้กฎหมายเป็นธรรม บริหารราชการแผ่นดินบนพื้นฐานธรรมาภิบาล ด้วยระยะเวลาที่มีอยู่จำกัด และงบประมาณที่รัฐบาลนี้ไม่ได้เป็นผู้จัดทำ ทั้งยังเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย จำเป็นต้องเร่งแก้ปัญหาประเทศ ได้แก่ ภัยเศรษฐกิจ ภัยความมั่นคง ภัยสังคม และภัยสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการวางรากฐานประเทศ การพัฒนาความสามารถการแข่งขันของประเทศ การสร้างระบบเศรษฐกิจโปร่งใส การสร้างความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยและสันติสุข รัฐบาลจะสนับสนุนการจัดทำประชามติ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ รับฟังเสียงประชาชน สร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนให้สอดคล้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญชูโครงการคนละครึ่งลดรายจ่ายนโยบายสำคัญแก้ปัญหาเร่งด่วนประเทศ ดังนี้ ด้านเศรษฐกิจ 1.สร้างรายได้ลดรายจ่ายให้ประชาชน อาทิ ค่าพลังงาน ค่าน้ำดื่มสะอาด ค่าโดยสาร ให้มีกำลังจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น จัดทำโครงการคนละครึ่ง การบริหารจัดการราคาสินค้าเกษตรในระดับที่เหมาะสม 2.แก้ปัญหาหนี้สิน เพิ่มสภาพคล่องบนพื้นฐานความเสี่ยงที่เป็นธรรม อาทิ แก้ปัญหาหนี้ภาคประชาชนในระบบ รายละไม่เกิน 1 แสนบาท เพิ่มสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการรัฐวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท ควบคู่กับการเข้าถึงแหล่งเงินทุน 3.เพิ่มโอกาสการออมของประชาชนรายย่อย 4.ฟื้นความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว มุ่งเน้นสร้างความปลอดภัย ปราบปรามการฉ้อโกง หลอกลวงนักท่องเที่ยว 5.เร่งแก้ปัญหาผลกระทบสงครามการค้า จัดตั้งทีมไทยแลนด์ยกระดับการค้าเสรีกับคู่ค้าเดิม และดำเนินการเชิงรุกเปิดตลาดใหม่ ดูแลผู้ประกอบการ เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากมาตรการภาษีสหรัฐฯใช้สันติภาพแก้ขัดแย้งไทย–เขมรด้านความมั่นคง เร่งแก้ปัญหาพิพาทไทย-กัมพูชา ด้วยแนวทางสันติภาพแก่ประชาชนตามชายแดนโดยเร็ว ยุติความขัดแย้งผ่านกลไกการเจรจาทางการทูตที่เหมาะสม ควบคู่กับการป้องกันประเทศที่เข้มแข็ง ตลอดจนทำประชามติให้ประชาชนมีส่วนร่วมตัดสินใจในการยกเลิกบันทึกเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา และจะเร่งแก้ปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินประชาชนควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างยั่งยืนปิดประตูไม่เอากาสิโนถูกกฎหมายด้านสังคม ปราบการพนันผิดกฎหมายทุกรูปแบบอย่างจริงจัง ไม่สนับสนุนการประกอบธุรกิจพนันทุกชนิดให้เป็นธุรกิจถูกกฎหมาย ไม่สนับสนุนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีธุรกิจพนัน การพนันที่แฝงมาในรูปกีฬา อาทิ โป๊กเกอร์ แก้ไข พ.ร.บ.การพนัน ควบคุมและลดการอนุญาตการเล่นการพนัน ขจัดทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างเด็ดขาดจริงจัง พิทักษ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ด้านภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งติดตั้งเครื่องมือเตือนภัย พัฒนาเครือข่ายการเตือนภัยพิบัติในพื้นที่มีความเสี่ยงสูง เยียวยาฟื้นฟูประชาชนโดยเร่งด่วน การอนุรักษ์ฟื้นฟูรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน บริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบ การส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและระบบขนส่งสาธารณะทำรัฐบาลดิจิทัล–ปฏิรูปกฎหมายด้านการบริหารภาครัฐ การปฏิรูปกฎหมาย เร่งรัดการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลเชื่อมโยงกันทั้งระบบ เสนอร่างกฎหมายยกระดับการบริหารภาครัฐ และอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจและประชาชน บูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม เร่งรัดปฏิรูปกฎหมาย ยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรค สร้างภาระแก่ประชาชนและภาคธุรกิจ ส่วนแนวนโยบายแห่งรัฐและยุทธศาสตร์ชาติตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ จะผลักดันการพัฒนาแนวนโยบายรัฐและยุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้าน อาทิ ให้คนไทยทุกช่วงวัยทุกกลุ่มเข้าถึงสิทธิการศึกษา ระบบสาธารณสุขอย่างทั่วถึง ผลักดันกฎหมายปฏิรูปการศึกษา พัฒนาบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพ วางรากฐานปรับโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศไปสู่ยุคใหม่ จากเดิมเน้นปริมาณไปสู่การสร้างมูลค่า ยกระดับภาคเกษตรกรรมไทยไปสู่เกษตรอัจฉริยะ วางรากฐาน SMEs ก้าวทันโลกควบคู่กับยกระดับโครงสร้างสู่อุตสาหกรรมเป้าหมาย พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้รองรับการพัฒนาประเทศควบคู่กับการส่งเสริมให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในโครงการขนาดใหญ่ การสืบสานต่อยอดโครงการพระราชดำริยึดหลักซื่อสัตย์–ผลประโยชน์ ปท.รัฐบาลมุ่งมั่นบริหารราชการแผ่นดิน ขับเคลื่อนนโยบายเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าควบคู่กับการวางรากฐานประเทศนำพาประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้า อย่างเต็มกำลังความสามารถด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และมีคุณธรรม ยึดประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง สร้างความเชื่อมั่นการดำเนินนโยบายการคลังให้น่าเชื่อถือ โปร่งใส มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุด ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง เน้นการบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 เป็นหลัก จะใช้จ่ายงบประมาณด้วยความรอบคอบ ในฐานะนายก รัฐมนตรีจะบริหารราชการแผ่นดินให้สามารถแก้ปัญหาประเทศ พร้อมวางรากฐานพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในทุกมิติ เพื่อความอยู่ดีมีสุขของประชาชน“บิ๊กเล็ก”เผยนโยบาย กห.ห้วง 4 เดือนที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม กล่าวว่า รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ และได้รับพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ในกระแสรับสั่งบางข้อความเป็นพระบรมราโชวาทด้วยจะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถ มุ่งเน้นในมิติความมั่นคงเป็นหลัก ส่วน ศบ.ทก.ไม่จำเป็นต้องมีแล้ว ต่อไป สมช.จะทำหน้าที่สื่อสารไปยังประชาชน กระทรวงกลาโหมเตรียมนโยบายเน้นเรื่องแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ชายแดนไทย-เมียนมา แก้ปัญหาพื้นที่ชายแดนภาคใต้ และความเดือดร้อนประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ โดยเฉพาะที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย รับปากเอาไว้ว่าปีนี้ต้องไม่เหมือนปีที่แล้ว มอบหมายกรมการทหารช่างเตรียมทำพนังกั้นน้ำ และจะลงพื้นที่ด้วยตัวเอง ส่วนนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภามีไม่มาก มีเวลาเพียง 4 เดือนต้องทำให้ได้ หากออกนโยบายไปมากแล้วทำไม่ได้ จะถูกตำหนิประตูภูมิใจไทยอ้าซ่ารอรับก๊วน 16 สส.วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แกนนำกลุ่ม 16 สส. จะย้ายมาอยู่พรรค ภท.ว่า ฟังนายสุชาติแถลงก่อน แต่เราคุยกันมานานแล้ว ถ้ามาทำงานด้วยกันนโยบายทางการเมืองเราไปด้วยกันได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะมาทำงานรับใช้บ้านเมืองด้วยกัน รู้หรือไม่ว่าบ้านอยู่ติดกัน นั่งคุยกันทุกคืนเวลาเหงาๆ“เฮ้ง” ลั่นยกก๊วนซบเซราะกราวที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แกนนำกลุ่ม 16 สส. กล่าวว่า ขอพูดให้ชัดเจนว่าเร็วๆนี้จะนำทีมงานแต่ละจังหวัดไปสมัครเข้าพรรค ภท. เช่น จ.เพชรบุรี ครอบครัวอังกินันทน์ ได้คุยนายก อบจ.เพชรบุรีแล้ว มีภรรยาเป็น สส.อยู่ด้วย และยังมีทีม สส.อีกหลายจังหวัดเตรียมไปสมัครเป็นสมาชิกพรรค ภท. โทร.หาแกนนำแต่ละจังหวัดแล้วทุกคนอนุมัติ กำลังประสานกับนายอนุทิน และแกนนำพรรคภท.อยู่ รอแค่วันเวลาเท่านั้น และไม่มีปัญหาเรื่องพื้นที่ทับซ้อน อย่าง จ.นครศรีธรรมราช น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล สส.นครศรีธรรมราช อยู่กับเราก็ไม่ได้ทับซ้อน เตรียมเปิดตัวเร็วๆนี้ แต่ขอคุยกับผู้ใหญ่เรื่องการจัดสรรลงสมัคร สส.เขตให้ลงตัวก่อน และคนที่เป็น สส.อยู่ต้องได้รับสิทธิก่อน และตนต้องลง สส.เขตด้วย เรามีพื้นที่ลงอยู่แล้วจะไม่ทำอะไรให้พรรค ภท.หนักใจ และไม่ทำอะไรให้เพื่อนที่มาด้วยกันเสียสิทธิทุกคนต้องได้สิทธิ ส่วนที่ยากคือการไปพูดคุยกับผู้บริหารพรรค ภท. เรื่องสิทธิของคนเดิมที่เป็น สส.อยู่ ควรต้องได้สิทธิตามนั้นเราทิ้งกันไม่ได้ประกาศตัวขอดูแลภาคตะวันออกผู้สื่อข่าวถามว่าหากนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะเข้าร่วมกับพรรค ภท.ด้วย นายสุชาติตอบว่าพรรค การเมืองเหมือนชายคาบ้านที่อบอุ่น วันนี้พรรค ภท.เป็นที่อบอุ่น ทุกคนในกลุ่มเห็นตรงกันต้องไปอยู่พรรค ภท. แต่อาศัยว่าขอดูแลพื้นที่ของเพื่อนเราที่สนิทสนม อาทิ ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี เมื่อถามว่าจะเข้ามาดูแลในภาคตะวันออกใช่หรือไม่ นายสุชาติตอบว่าแน่นอน ดูเต็มที่ เพราะพรรค ภท.มีแกนหลักที่ดูแลภาคตะวันตกก็มาผสมกันทำให้ดีขึ้น เมื่อถามว่าภาคใต้อาจต้องชนกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) นายสุชาติตอบว่า รู้กันอยู่แล้วว่าศักยภาพของใครเป็นอย่างไร อย่างเราเป็นแชมป์อยู่แล้วจะมาแข่งก็ต้องคิดเยอะ หรือถ้าเราไปแข่งกับแชมป์ก็ต้องคิดเยอะ หลีกให้กันไม่ได้ ต้องสู้กัน“เดชอิศม์” ยันไม่ขัดแย้ง “เฉลิมชัย”ด้านนายเดชอิศม์ ขาวทอง รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงอนาคตทางการเมืองในพรรคประชาธิปัตย์ว่า หากกลายเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคหรือหัวหน้าพรรคก็ไม่ควรอยู่ แต่ถ้าเห็นว่าทำให้พรรคเดินไปข้างหน้าต่อได้ก็จะอยู่ต่อไป ค่อยตัดสินใจหลังวันที่ 18 ต.ค. หากอยู่ต่อจะไม่รับตำแหน่งอะไรในพรรค เมื่อถามย้ำว่าหากอยู่กับพรรคไม่ได้ จะตัดสินใจไปร่วมงานกับพรรคไหน เพราะนายหิมาลัย ผิวพรรณ “เสธ.หิ” ยอมรับว่าทาบทามไปร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม นายเดชอิศม์ตอบว่า แค่แวะมาทานข้าวธรรมดา เสธ.หิต้องการไปทานที่ร้านอาหาร แต่บอกว่ามาทานที่บ้านดีกว่าเพราะกลัวเป็นข่าว แต่ก็เป็นข่าวจนได้ เป็นธรรมดาอยู่วงการการเมืองเป็นเพื่อนช่วยกันไปมา มีหลายพรรคชวนเยอะ เมื่อถามว่าตอบรับไปหรือไม่ นายเดชอิศม์ตอบว่า วันนี้ยังเดินร่วมทางกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อย่างน้อยภาพที่เห็นว่าเราขัดแย้งกันซึ่งไม่จริง กับนายเฉลิมชัยคุยกันได้ทุกเรื่อง บอกไปว่าอย่ามากังวล ให้สบายใจได้ไม่เอาตัวเองเป็นตัวตั้ง หลังวันที่ 18 ต.ค.ค่อยตัดสินใจ เพราะต้องแบกเกียรติยศและศักดิ์ศรีความเป็นคนใต้คนสงขลาด้วย113 สส.เพื่อไทยยื่นร่างแก้ไข รธน.ช่วงบ่ายที่รัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหมวด 15 ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา นายชูศักดิ์กล่าวว่า สส.พรรคเพื่อไทย 113 คน ร่วมเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหมวด 15 ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อจัดทํา รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีสาระสำคัญคือ 1.ให้รัฐสภาแต่งตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) คัดเลือกมาจาก 2 ส่วนคือ 1.ส.ส.ร. 100 คน โดยรัฐสภาเป็นผู้เลือก หลังจากประชาชนเลือกมา 300 คน มีหลักประกันว่า 1 จังหวัดต้องมี ส.ส.ร.อย่างน้อย 1 คน ป้องกันการบล็อกโหวตฮั้วกัน 2.ให้องค์กรวิชาชีพ มหาวิทยาลัย เสนอชื่อบุคคลเข้ามา คาดว่าจะได้บุคคลที่มาเป็น ส.ส.ร.ประมาณ 51 คน รวม 2 ส่วนเป็น 151 คน ร่างพรรคเพื่อไทยคงถูกนําไปรวมพิจารณากับร่างพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน เป็นเรื่องยากมากที่จะพิจารณาให้เสร็จภายใน 4 เดือน แค่กฎหมายธรรมดายังใช้เวลา 8-9 เดือนส.ส.ร.ต้องยึดโยงประชาชนมากสุดเมื่อถามว่าเป็นเรื่องยากแค่ไหนที่จะตกลงกันเรื่องที่มา ส.ส.ร. จะใช้รูปแบบของพรรคใด นายชูศักดิ์ตอบว่า ถูกต้อง ท้ายที่สุดต้องคุยกันด้วยเหตุผลว่าอันไหนดีที่สุด ไม่มีวิจารณ์ของพรรคใดดีหรือไม่ดี แต่ในส่วนพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชนพยายามยึดโยงประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด เมื่อถามว่าทั้ง 3 พรรคต้องหาข้อตกลงให้ได้ว่าจะเอาร่างใดเป็นร่างหลัก เพื่อไม่ให้ต้องนําไปสู่การลงมติวัดคะแนนเสียงกันใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบว่า ไม่รู้ แต่ถ้าไปดูในเอ็มโอเอ มี 2 ข้อ ที่เขาคงคุยกันได้ ก็ให้ไปว่ากัน พรรคเพื่อไทยไม่ได้ไปทําเอ็มโอเอด้วย เมื่อถามว่า จะจัดตั้งกลุ่มไปพูดคุยโน้มน้าวกับ สว.หรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบว่า กระแสสังคมมาถึงขนาดนี้ พรรครัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน ใครต่อใครเอาด้วยหมด ต้องไปดูว่า สว.คิดอย่างไร คงไม่ไปจัดตั้งอะไร เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ทุกคนคิดได้ แต่ความต้องการของฝ่ายการเมืองคืออยากมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่สว.คิดอย่างไร สุดแท้แต่จะพิจารณาสภาล่มโชว์ก่อนวันแถลงนโยบายอีกเรื่องที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯพิจารณาแล้วเสร็จ ในวาระ 2-3 มีเนื้อหาเกือบ 300 มาตรา แต่บรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างทุลักทุเล การลงมติแต่ละมาตราเป็นไปด้วยความขลุกขลัก ต้องเสียเวลารอองค์ประชุมค่อนข้างนาน เพราะมีแต่ สส.พรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย ไม่มี สส.พรรคเพื่อไทยร่วมเป็นองค์ประชุม จนประธานในที่ประชุมต้องสั่งพักประชุม 40 นาที แต่กลับมาประชุมใหม่ก็ยังคงมีปัญหาเหมือนเดิม เมื่อพิจารณามาถึงมาตรา 22 มีผู้แสดงตน 246 เสียง พอดีองค์ประชุม แต่ปรากฏว่าตอนเสียบบัตรลงคะแนนจะเห็นชอบมาตรานี้ มีคะแนนเพียง 245 เสียงเท่านั้น ไม่ครบองค์ชประชุม ทำให้นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม สั่งปิดประชุมทันที ถือว่าองค์ประชุมล่มเป็นนัดแรกของรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่