เรือโจรกำลังได้ฤกษ์แล่นออกจากท่า คนในเรือไม่ว่าจะเป็นคนพายเรือโจรนั่ง หรือคนที่นั่งเรือที่โจรพาย ผมดูข่าวพวกเขาก็ สนุกสนานบันเทิงกันไปตามประสา...จะสนุกกันได้สี่เดือนหรือแปดเดือนก็ช่างเขาวันนี้ผมมีอารมณ์อยากเขียนถึงมุมหนึ่ง ในสถานที่ดูจะลี้ลับที่ถูกเรียกว่า “เรือนจำ”ในหนังสือ ชวนม่วนชื่น เล่มแรก พระอาจารย์พรหม ศิษย์หลวงปู่ชา พระฝรั่งสมภารวัดพุทธในเมืองเพิร์ธ ออสเตรเลีย เล่าเรื่องโลกเสรี เอาไว้ ผมเอาของท่านมาเล่าต่อไปหลายครั้งครั้งนี้ ครั้งที่ คุณทักษิณ เพิ่งเข้าไปชิมลางบรรยากาศเรือนจำใหม่ๆ...ผมก็อยากเล่าอีกพระเพื่อนพระอาจารย์พรหมองค์หนึ่ง ถูกนิมนต์ไปสอนสมาธิในเรือนจำใหม่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีการควบคุมเข้มงวดรัดกุมที่สุด ใกล้เมืองเพิร์ธ เป็นเวลาหลายอาทิตย์นักโทษกลุ่มเล็กๆที่ท่านสอนฝึกสมาธิจึงรู้จักท่านดีขึ้น ถึงขั้นเคารพท่านมาก ในการสอนวันนั้นนักโทษคนหนึ่งถามถึงกิจวัตรประจำวันของท่าน เมื่ออยู่ในวัด“พวกพระต้องตื่นตีสี่ทุกเช้า” ท่านเริ่มต้นเล่า “บางเช้ามันก็หนาวมากๆเลย ห้องเล็กๆของเรา ไม่มีเครื่องทำความร้อน เราฉันอาหารวันละมื้อ...”ศิษย์นักโทษหลายคนทำท่าอึ้ง...ท่านก็เล่าต่อ “เมื่อได้อาหารมา เรารวมทุกอย่างลงในบาตร กินรวมๆไป แล้วจะไม่ฉันอะไรอีกเลย ตอนบ่ายไปจนถึงตอนกลางคืน ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์...”เมื่อรู้ว่าพระไม่ฉันเบียร์เหล้า นักโทษก็อยากรู้ต่อถึงชีวิตพระตอนกลางคืน “เราไม่ดูโทรทัศน์ ไม่ฟังวิทยุ หรือฟังเพลง ไม่ดูหนัง ไม่เล่นกีฬา และเราไม่มีเพศสัมพันธ์”“เราทำงานหนัก พูดกันน้อยมาก เมื่อมีเวลาว่าง เราก็ใช้เวลานั้นนั่งขัดสมาธิ ดูลมหายใจ และเวลาที่เหลือน้อยที่สุดนั้น เราใช้กับการนอน...นอนบนพื้น”วิถีชีวิตพระแต่ละวันเป็นเช่นนั้น บรรดาศิษย์นักโทษฟังแล้วก็นิ่งกันไปพักใหญ่ หลายคนเปรียบเทียบชีวิตนักโทษในเรือนจำที่เคร่งครัดเข้มงวดที่สุดแล้ว ชีวิตในเรือนจำดูราวกับโรงแรมระดับห้าดาวนักโทษแถวหน้าคนหนึ่ง “อิน” กับเรื่องราวชีวิตพระ แล้วก็เกิดอารมณ์สงสาร เขาคงลืมไปแล้วว่า สภาพนักโทษของเขาเองนั้นอยู่ในที่ใด หลุดปาก“ทำไม?ชีวิตในวัดถึงแย่อย่างนั้นล่ะครับ...ถ้าแย่ขนาดนั้นนิมนต์ท่านย้ายมาอยู่กับเราในนี้ยังจะดีซะกว่า”ทันใดนั้น เสียงฮาครืนของนักโทษทั้งห้องก็ระเบิดออกมาพระอาจารย์พรหมเล่าว่าอาตมาเองฟังเรื่องที่เพื่อนพระเล่าก็ได้พิจารณาเข้าสู่ประเด็นที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นจริงอยู่ ชีวิตประจำวันของพระมีข้อปฏิบัติละเอียดเข้มงวดยิ่งกว่าเรือนจำมหันตโทษ แต่หลายคนก็สมัครใจอยู่ และอยู่อย่างเป็นสุข ในขณะที่นักโทษหนีออกจากเรือนจำ เขาไม่มีความสุขที่จะอยู่ในนั้น เพราะอะไร?ในวัดของท่าน พระพอใจที่จะอยู่ ส่วนในเรือนจำ นักโทษไม่พอใจที่จะอยู่ นั่นแหละ! ข้อแตกต่างสถานที่ใดสะดวกสบายแค่ไหน แต่เราไม่อยากอยู่ มันก็คือ “เรือนจำ” นี่คือความหมายแท้ๆของคำ “เรือนจำ”ถ้าเรามีตำแหน่งหน้าที่การงานที่เราไม่ชอบ เรามีความสัมพันธ์ใดๆ ที่เราไม่ชอบใจ นั่นคือเรือนจำ เรามีร่างกายที่เจ็บไข้ได้ป่วยทนทุกข์ทรมาน ร่างกายนั้นก็เหมือนเรือนจำเราจะหนีเรือนจำมากมายทั้งหลายในชีวิตเราได้อย่างไร ก็เพียงแค่เปลี่ยนความรู้สึกนึกคิดนั้นๆให้เป็นความพอใจ เมื่อใดเราพอใจ เมื่อนั้นเราจะรู้สึกเป็นอิสระ โลกเสรีคือโลกที่สัมผัสได้เฉพาะคนผู้ที่มีความพอใจสิ่งที่เป็นเทศนากัณฑ์พระอาจารย์พรหม สอนให้ผมคิดไปไกล ครั้งหนึ่งคุณอภิสิทธิ์ ลี้ภัยม็อบไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหารได้ ทำไม? ครั้งนี้ คุณทักษิณจะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ เรียนรู้อิสรภาพและความนอบน้อม ถ่อมตน ตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทย...ในคุกเอ๊ย! เรือนจำไม่ได้ ใครไม่เชื่อ ก็ค่อยๆคอยดูกันไปก็แล้วกัน.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม