บ้านหนองหญ้าแก้วเดือด หลังทหารกัมพูชาเหิมเกริมหนัก ใช้ชาวบ้านเป็นโล่มนุษย์บุกข้ามแดนไทยเข้ามาทำลายรั้วลวดหนามและคลั่งทำร้ายเจ้าหน้าที่ไทย ตำรวจควบคุมฝูงชนต้องยิงกระสุนยาง แก๊สน้ำตาป้องกันตัวเอง กองทัพบกไล่ไทม์ไลน์ แจงเหตุสลายม็อบกัมพูชาหลังรื้อรั้วลวดหนาม ขว้างปาท่อนไม้ ก้อนหิน ยิงหนังสติ๊กใส่เจ้าหน้าที่ไทยเจ็บ ด้าน ผวจ.สระแก้ว หอบหลักฐานประท้วงกัมพูชาบุกรุกรื้อลวดหนามที่บ้านหนองหญ้าแก้ว เตรียมจับดำเนินคดี ขีดเส้น 30 วันหลังถก GBC รอบหน้า อพยพคนกัมพูชาบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว พ้นเขตไทยพร้อมยื่น 8 ข้อเสนอ ด้านผู้ว่าฯบันเตียเมียนเจยส่งต่อหน่วยเหนือพิจารณาสถานการณ์ชายแดนที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เกิดความระทึกตึงเครียดตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.ต่อเนื่องมาถึงช่วงเย็นวันที่ 17 ก.ย.และทวีความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับจากการที่ทหารกัมพูชามีความเหิมเกริมหนักข้อ เกณฑ์ชาวบ้านจำนวนหนึ่งรวมถึงผู้พิการเข้ามาบุกรื้อแนวรั้วลวดหนามที่ฝ่ายไทยติดตั้งไว้บริเวณหลักเขตที่ 42-43 ป้องกันการลักลอบเข้าออกพื้นที่ชายแดน นอกจากชาวกัมพูชาบางส่วนจะร่วมกันรื้อรั้วลวดหนามแล้ว ยังพากันขโมยลวดหนามลากกลับไปฝั่งกัมพูชาจำนวนมาก เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างแรงกดดันต่อทหารและตำรวจไทยที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ เนื่องจากฝั่งกัมพูชาใช้ชาวบ้านเป็นโล่มนุษย์กดดันแนวชายแดนบรรยากาศแห่งความตึงเครียด ดำเนินต่อเนื่องยาวนานจนถึงเวลาประมาณ 22.40 น. วันที่ 16 ก.ย. พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับการกองกำลังเฉพาะกิจที่ 12 (ผบ.ฉก.12) กองกำลังบูรพาเดินทางเข้าพื้นที่ควบคุมสถานการณ์ พร้อมทั้งเข้าร่วมเจรจากับฝ่ายกัมพูชาและยืนยันชัดเจนกับฝ่ายกัมพูชาว่า รั้วลวดหนามที่ถูกทำการรื้อออกไปนั้น เป็นรั้วแนวเดิมที่ฝ่ายไทยติดตั้งไว้ก่อนหน้านี้ ไม่ได้มีการเพิ่มเติมหรือรุกล้ำเข้าไปในฝั่งกัมพูชาแต่อย่างใด ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาไม่สามารถนำหลักฐานมายืนยันข้อกล่าวหาที่ระบุว่าไทยบุกรุกได้และเมื่อฝ่ายกัมพูชาไม่มีข้อพิสูจน์ที่เป็นรูปธรรม อีกทั้งการเจรจาเป็นไปด้วยเหตุผล ทำให้ทหารกัมพูชาและกลุ่มชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์เข้ามายอมถอนกำลังและสลายตัวกลับไปในที่สุด สถานการณ์จึงคลี่คลายลงโดยไม่เกิดเหตุรุนแรงหรือการปะทะต่อมา ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เวลา 10.00 น. วันที่ 17 ก.ย. นายปริญญา โพธิสัตย์ ผวจ.สระแก้ว พล.ต.ต.ถาวร ดุลยวิทย์ ผบก.ภ.จ.สระแก้ว พร้อมคณะ จนท.ฝ่ายไทย ได้หอบเอกสารหลักฐานเดินเท้าข้ามด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ไปยื่นหนังสือประท้วงกรณีชาวกัมพูชาบุกรุกรื้อลวดหนามที่บ้านหนองหญ้าแก้ว กับนายอูม เรีย เตร็ย ผวจ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา โดยนายอูม เรีย เตร็ย พล.ท.เป็จ วันนา หน.สน.ปกท.(หัวหน้าสำนักงานประสานงานชายแดนกัมพูชา-ไทย) ของกัมพูชา พร้อมคณะ มาต้อนรับ ผวจ.สระแก้ว ที่กลางสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้วผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผวจ.สระแก้ว และ ผวจ.บันเตียเมียนเจยกล่าวทักทายและจับมือกันฉันมิตรที่ดีต่อกัน จากนั้น ผวจ.สระแก้วหันไปจับมือทักทายกับ พล.ท.เป็จ วันนา หน.สน.ปกท. พร้อมพูดหยอก พล.ท.เป็จ วันนา ว่าเคยป่วยและเข้ามารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลฝั่งไทยเพื่อบ่งบอกถึงความมีน้ำใจของประเทศไทยที่ให้ความอนุเคราะห์ รักษาชาวกัมพูชาที่เจ็บป่วยมาโดยตลอด จากนั้น ผวจ.บันเตียเมียนเจยฯ นำคณะ ผวจ.สระแก้ว ไปประชุมหารือการบริหารจัดการสถานการณ์ให้มีความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดนกับฝ่ายกัมพูชากันที่อาคาร ด่าน ตม.ปอยเปต ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชาตรงข้าม จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้วทั้งนี้ ก่อนการไปหารือและยื่นหนังสือประท้วงต่อ ผวจ.บันเตียเมียนเจย ผวจ.สระแก้ว ได้เรียกประชุมวงเล็กของฝั่งไทยที่ห้องประชุมกองร้อยทหารพรานที่ 1201 ด่านพรมแดนคลองลึก มี ผบ.กองกำลังบูรพา รอง ผวจ.สระแก้ว นอภ.โคกสูง ผบก.ภ.จ.สระแก้ว ผกก.ตม.จ.สระแก้ว ป่าไม้จังหวัดสระแก้ว ผบ.ชค.ทพ.12 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวบรวมหลักฐานและเอกสารที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามารื้อลวดหนามที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเป็นดินแดนไทยผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ผวจ.สระแก้วได้แจ้งต่อ ผวจ.บันเตียเมียนเจย ว่าไทยจะใช้มาตรการแก้ไขปัญหาผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้วอย่างจริงจัง โดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักและจะใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินการกับผู้บุกรุก ผู้ฝ่าฝืน หากรุกล้ำเข้ามาในแผ่นดินไทยจะถูกจับกุมดำเนินคดีข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดย ผิดกฎหมาย กรณีใช้ชาวกัมพูชาเป็นโล่มนุษย์ อาจจำเป็นต้องใช้มาตรการปราบจลาจลหากมีมวลชนกัมพูชาบุกรุกเข้ามาในอธิปไตยไทยทั้งนี้ หลังจาก ผวจ.สระแก้ว เดินทางกลับจากฝั่งปอยเปตในช่วงเที่ยงวันเดียวกัน ได้สั่งระดมกำลัง ตร.ชุดควบคุมฝูงชน (คฝ) เข้าพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้วทันที เน้นย้ำไม่ใช้ความรุนแรงหากไม่จำเป็น ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก เป็นพื้นที่ของไทยตำรวจมีศักดิ์และสิทธิในการปฏิบัติตามหน้าที่ มี พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผบก.จ.สระแก้ว ตรวจความพร้อมชุดควบคุมฝูงชนกระทั่งเวลา 15.53 น. วันที่ 17 ก.ย.สถานการณ์ที่บ้านหนองหญ้าแก้วตึงเครียดและเกิดความรุนแรงอีกครั้ง เมื่อกองกำลังบูรพาได้รับแจ้งจากตำรวจควบคุมฝูงชน จ.สระแก้ว ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณรั้วลวดหนามบ้านหนองหญ้าแก้ว ว่ามีชาวกัมพูชาประมาณ 200 คน พร้อมท่อนไม้ยาว 3 เมตร เป็นอาวุธ บุกเข้ามารื้อทำลายลวดหนามที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยวางเอาไว้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือน ห้ามชาวกัมพูชาทำลายรั้วลวดหนาม ใช้เวลาเจรจาประมาณ 30 นาที แต่ไม่เป็นผล ทำให้ในเวลา 16.20 น. เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนจำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมฝูงชนจากเบาไปหาหนัก ด้วยการใช้แก๊สน้ำตายิงเตือนชาวกัมพูชาที่กำลังทำลายรั้วลวดหนาม แต่ฝ่ายกัมพูชาไม่ละความพยายาม ยังคงรื้อทำลายรั้วลวดหนาม เจ้าที่ควบคุมฝูงชนจึงจำเป็นต้องใช้กระสุน ยางยิงใส่กลุ่มชาวกัมพูชาที่ลุกฮือเข้าใส่เจ้าหน้าที่ไทย ทำให้ชาวกัมพูชาบางส่วนล่าถอยไปเพราะถูกแก๊สน้ำตาขณะที่เพจเฟซบุ๊ก “กองทัพบก ทันกระแส” โพสต์ข้อความระบุว่า “บ้านหนองหญ้าแก้ว เริ่มใช้กระสุนยาง แก๊สน้ำตา ชาวกัมพูชาทำร้ายเจ้าหน้าที่ และระดมมวลชน กัมพูชาละเมิดข้อตกลงและแสดงการเป็นปรปักษ์”ด้านเพจเฟซบุ๊ก “Army Military Force” โพสต์ข้อความว่า “ด่วน!! 17 ก.ย. (16.20 น.)- ตำรวจควบคุมฝูงชนที่บ้านหนองหญ้าแก้วใช้แก๊สน้ำตา ขณะทหารกัมพูชาใช้ชาวบ้านเป็นโล่มนุษย์เข้าทำลายรั้วลวดหนาม และโห่ร้องตะโกนกดดันเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย”เวลา 17.15 น. พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ในเวลา 15.40 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังบูรพา กรณีฝ่ายกัมพูชานำประชาชนและมวลชนมาชุมนุมประท้วงการปฏิบัติของฝ่ายไทย ระหว่างการวางเครื่องกีดขวางและลวดหนามหีบเพลงเสริมความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ฝ่ายไทยชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุม แต่กลุ่มมวลชนกัมพูชายังแสดงการประท้วงต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่ไทยจำเป็นต้องใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางควบคุมสถานการณ์ ส่งผลให้กลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนถอยห่างออกจากแนวปะทะ เนื่องจากผลของแก๊สน้ำตาพล.ต.วินธัยกล่าวอีกว่า จนถึงเวลาประมาณ 17.00 น. ไทยยังคงดำเนินการเสริมความมั่นคงตามแนวชายแดน วางแนวลวดหนามเพิ่มเติมและใช้ยางรถยนต์ประกอบ รวมถึงควบคุมการประท้วงโดยใช้แก๊สน้ำตา กระสุนยางและเครื่อง LRAD ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาเริ่มถอยออกจากพื้นที่ มีการตะโกนต่อว่าเจ้าหน้าที่ไทยเป็นระยะ รวมทั้งมีการใช้ความรุนแรงโดยการขว้างปาท่อนไม้ ก้อนหิน ยิงหนังสติ๊กมายังเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย จนมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บส่วนการประชุมบริหารจัดการสถานการณ์ให้มีความสงบเรียบร้อยในพื้นชายแดนกับฝ่ายกัมพูชา ระหว่างนายปริญญา โพธิสัตย์ ผวจ.สระแก้ว กับนายอูม เรีย เตร็ย ผวจ.บันเตียเมียนเจย ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจุดผ่านแดนถาวรปอยเปต-คลองลึก จ.บันเตียเมียนเจย ตรงข้ามจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สรุปว่าไทยยื่นข้อเรียกร้อง 8 ข้อ อาทิ การบริหารจัดการชายแดนให้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยโดยให้มวลชนของ 2 ประเทศถอยห่างจากพื้นที่อ้างสิทธิ์ของประเทศตรงข้ามไม่น้อยกว่า 500 เมตรและจะไม่มีการปลุกระดมมวลชน ให้ควบคุมมวลชนอยู่ห่างพื้นที่อ้างสิทธิ์ของประเทศตรงข้ามไม่น้อยกว่า 500 เมตร รวมถึงจะไม่มีการเพิ่มกำลังทหารและอาวุธหนักในพื้นที่ชายแดนของทั้ง 2 จังหวัด หากไทย และกัมพูชาไม่สามารถหาข้อตกลงได้ ภายใต้กลไกการหารือของ GBC สมัยพิเศษครั้งต่อไป จังหวัดสระแก้วจะมีหนังสือแจ้งจังหวัดบันเตียเมียนเจย ให้ราษฎรที่อยู่นอกเส้นอ้างสิทธิ์ที่รุกล้ำเข้ามาในอธิปไตยไทยให้ย้ายออกจากพื้นที่พร้อมทรัพย์สินและ อสังหาริมทรัพย์บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่จังหวัดสระแก้วมีหนังสือแจ้ง หากไม่ออกจากพื้นที่ดังกล่าว จังหวัดสระ แก้วจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายของราชอาณาจักรไทยต่อไปขณะที่ฝ่ายกัมพูชายื่นข้อเสนอฝ่ายไทย 4 ข้อ อาทิ ให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามผลการประชุม RBC และผลการประชุม GBC ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สำหรับข้อเสนอของฝ่ายไทยทั้ง 8 ข้อ ฝ่ายกัมพูชายังไม่สามารถให้ความเห็นชอบได้ จะนำข้อเสนอของฝ่ายไทยให้หน่วยเหนือของกัมพูชาพิจารณาและจะแจ้งให้จังหวัดสระแก้วรับทราบต่อไป ทั้งนี้ในส่วนฝ่ายไทย หากจังหวัดบันเตียเมียนเจยไม่รับข้อเสนอข้อใดข้อหนึ่ง จังหวัดสระแก้วยังคงสงวนและจะดำเนินการต่อไปในเขตอธิปไตยและราชอาณาจักรไทยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่