ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาไม่จบง่าย หลังชาวบ้านปูดทหารกัมพูชารุกล้ำดินแดนเข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการใน จ.ตราด ด้านกองทัพเรือรีบแจง ยันไล่กัมพูชาพ้นบ้านชำรากแล้ว 3 จุด จากที่รุกล้ำถึง 17 จุด แต่ยังไม่ได้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง-กลบคูเลต ขณะที่ “บ้านหนองหญ้าแก้ว” จ.สระแก้ว วุ่นไม่เลิก ชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนามกั้นแดน อ้างเป็นพื้นที่ตัวเอง ขณะเดียวกัน จเรตำรวจหารือตัวแทนตำรวจกัมพูชาร่วมปราบอาชญากรรมไซเบอร์และการค้ามนุษย์ตามข้อตกลง GBC รวมถึงเร่งรัดการสอบสวนกรณีคนไทยถูกหลอกไปทำงานกับเครือข่ายสแกมเมอร์-ตั้งศูนย์ช่วยเหลือส่งกลับผู้เสียหายสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเริ่มกลับมา คุกรุ่น หลังไทยกับกัมพูชาเพิ่งบรรลุข้อตกลง 5 ข้อจาก การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee-GBC) มาครบสัปดาห์ แต่ล่าสุดคนในพื้นที่บ้านชำราก ต.ชำราก อ.เมืองตราด ที่อยู่ในการดูแลของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรี และตราด (กปช.จต.) ออกมาเปิดเผยว่าถูกทหารกัมพูชารุกล้ำเขตแดนมานาน หวั่นซ้ำรอยบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้วต่อมาเมื่อเช้าวันที่ 16 ก.ย. พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ตามที่มีกระแสข่าวว่า ฝ่ายกัมพูชาได้รุกล้ำดินแดนเข้าตั้งฐานปฏิบัติการรวมถึงมีชาวกัมพูชาเข้ามาตั้งบ้านเรือนและใช้ประโยชน์ทำการเกษตรบริเวณชายแดน ไทย-กัมพูชาในพื้นที่บ้านชำราก ต.ชำราก อ.เมืองตราด จ.ตราด จำนวน 3 จุด โดยระบุว่าแม้จะรู้ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นอธิปไตยของไทย แต่กลับถูกฝ่ายกัมพูชารุกล้ำเข้ามาครอบครองอยู่นานหลายปี แต่ไม่มีใครกล้าดำเนินการ รู้เพียงว่าฝ่ายไทยได้แจ้งไปยังฝ่ายกัมพูชาแล้ว แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือรื้อถอนแต่อย่างใดนั้นรองโฆษกกองทัพเรือกล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ที่ฝ่ายไทยอ้างสิทธิ์ ตาม MOU43 ซึ่งเมื่อได้ตรวจพบการสร้างสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ทางกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ได้ยื่นหนังสือประท้วงมาโดยตลอดหลายครั้ง เพื่อให้ทางฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่ยังไม่ได้มีการปักปันดังกล่าว ล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee) หรือ RBC กับทางภูมิภาคทหารที่ 5 ทาง กปช.จต. ได้หยิบยกประเด็นการรุกล้ำดังกล่าวอีกครั้ง ปัจจุบันพื้นที่ในส่วนที่รุกล้ำมานั้น ทาง กปช.จต. ได้ผลักดันให้กำลังของฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่รุกล้ำดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว แต่ทางกัมพูชายังไม่ได้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือกลบคูเลตแต่อย่างใด ขณะนี้ทางกองกำลังในพื้นที่ได้มีการเฝ้าติดตามสิ่งที่กัมพูชาได้ตกลงไว้ และเตรียมยกระดับมาตรการขั้นต่อไป หากไม่ได้รับความร่วมมืออย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวไปสำรวจในพื้นที่บ้านชำราก พบคูเลตและกระสอบทรายที่ทำเป็นแนวป้องกันที่ทหารกัมพูชาจัดทำขึ้นบริเวณฐานจอมมวย บ้านทมอดา อ.เวียงเวล จ.โพธิสัต ประเทศกัมพูชา ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีการรุกล้ำเขตแดนของไทย บริเวณบ้านชำราก ต.ชำราก อ.เมืองตราด เพิ่งทำขึ้นเมื่อราวหนึ่งสัปดาห์ก่อน ยังไม่ทราบจุดประสงค์ในการก่อสร้าง แต่ทหารฝั่งไทยจัดกำลังตรวจตราอยู่ตลอดเวลา และเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา กปช.จต. ออกมายืนยันว่าทั้ง 3 จุดที่มีการรุกล้ำอยู่ในพื้นที่ตำบลชำรากนั้น กองกำลังของไทยได้ผลักดันออกนอกพื้นที่ไปหมดแล้ว เหลือไว้แต่เพียงสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้รื้อถอนกลับไปทั้งนี้ มีรายงานว่า จ.ตราด มีพื้นที่ติดกับกัมพูชา ใน 2 อำเภอ คือ อ.เมืองตราด จำนวน 4 ตำบล คือ ต.ท่ากุ่ม ต.ตะกาง ต.ชำราก และ ต.แหลมกลัด ติดกับอำเภอเวียงเวล จ.โพธิสัต กับ อ.คลองใหญ่ มี 3 ตำบลที่ติดชายแดน คือ ต.ไม้รูด ต.คลองใหญ่ และ ต.หาดเล็ก มีพื้นที่ติดกับ จ.เกาะกง และตลอดระยะทางมีพื้นที่ที่กัมพูชารุกล้ำตาม MOU43 มากถึง 17 จุดขณะที่โรงแรมอินโดจีน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) นำคณะผู้แทน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมหารือกับผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชา เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์และการค้ามนุษย์ อันถือเป็นหนึ่งในข้อตกลงความร่วมมือไทย-กัมพูชา ภายใต้การประชุม GBC มีเป้าหมายหลักในการจัดตั้งศูนย์ประสานงานระดับพื้นที่ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและร่วมกันสืบสวนปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเครือข่ายสแกมเมอร์ที่ใช้เทคโนโลยีหลอกลวงแรงงานและแสวงหาผลประโยชน์ผิดกฎหมายพล.ต.อ.ธัชชัยเน้นย้ำว่า ความร่วมมือเชิงลึกระหว่างไทย-กัมพูชา จะช่วยสกัดกั้นภัยคุกคามเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับแนวทางปฏิบัติร่วม ไทยมอบหมายสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นแกนหลักในการตรวจสอบและติดตามเส้นทางการเงินของเครือข่ายสแกมเมอร์ ขณะที่กัมพูชามอบหมายสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชา ดำเนินการบุกทลายฐานปฏิบัติการ โดยใช้กลไกสืบสวนทางการเงิน ตรวจสอบบัญชีม้าและกระเป๋าเงินดิจิทัล พร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลเส้นทางโอนเงินแบบเรียลไทม์ เพื่อปิดเส้นทางการเงินเครือข่ายข้ามชาติ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเร่งรัดการสอบสวนกรณีแรงงานไทยที่ถูกหลอกไปทำงานในเครือข่าย สแกมเมอร์ พร้อมจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือและส่งกลับผู้เสียหายอย่างปลอดภัย การประชุมในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความร่วมมือไทย-กัมพูชา เพื่อปราบปรามอาชญากรรมสแกมเมอร์อย่างเป็นระบบ คาดว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นด้านความมั่นคงและการลงทุนในภูมิภาคได้อย่างยั่งยืนสำหรับบรรยากาศที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เมื่อเช้าวันที่ 16 ก.ย. ยังคงมีชาวบ้านทยอยเดินทางนำอาหารทั้งคาวหวานมาให้กับทหารแนวหน้า ขณะที่ในช่วงบ่าย มีรายงานว่าเกิดเหตุกัมพูชามาป่วนที่แนวชายแดน บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง ซึ่งเป็นอีกจุดที่มีปัญหากัมพูชารุกล้ำเขตไทย โดยขณะที่เจ้าหน้าที่ไทยกำลังติดตั้งเสาไฟฟ้าใกล้แนวรั้ว ห่างจากกองร้อยทหารพรานที่ 1301 ราว 600 เมตร ชาวบ้านฝั่งกัมพูชาราว 50-70 คน ถือไม้เข้ามาพยายามรื้อทำลายลวดหนามที่ทางไทยใช้กั้นเขตแดน พร้อมตะโกนด่าทอทหารไทย บางคนพูดภาษาไทยได้ และโต้เถียงอ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของกัมพูชา โดยมีทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์ จากนั้นเจ้าหน้าที่กองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศรีบเสริมกำลังเข้าพื้นที่ ควบคุมสถานการณ์ด้วยการเจรจาอย่างอดทน ไม่ใช้ความรุนแรง จนกลุ่มชาวบ้านทยอยสลายตัวกลับเข้าหมู่บ้านฝั่งกัมพูชา สถานการณ์จึงกลับสู่ความสงบ แต่เจ้าหน้าที่ยังต้องเฝ้าระวังใกล้ชิดเพื่อป้องกันการลุกฮือซ้ำต่อมาเวลา 17.00 น. กองกำลังควบคุมฝูงชน (คฝ.) ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว และ สภ.โคกสูง ได้เข้ามาเสริมกำลังในพื้นที่เพื่อเฝ้าระวังและดูแลความสงบเรียบร้อย กระทั่งสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ชาวกัมพูชายังคงพักคอยและสังเกตการณ์อยู่บริเวณแนวป่ายูคาลิปตัสใกล้จุดเกิดเหตุ ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวรุนแรงเพิ่มเติมอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่