พรรคเพื่อไทยส่องรัฐธรรมนูญ 60 ทะลุ สุดขั้ว–ไม่ชัดเจน-สอยรัฐบาลหลายชุด เป็นต้นเหตุการเมืองไม่มีความมั่นคง มือกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค พท. เป็นแกนนำอีกคนที่พยายามต่อสู้ เพื่อแง้มประตูไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ (รธน.) สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของ รธน.ที่ทำให้เกิดสมรภูมินิติสงครามมาเป็นระยะได้จังหวะเดินหน้าผ่าทางตันยกร่าง รธน.ฉบับใหม่ หลังศาล รธน.ชี้รัฐสภามีอำนาจริเริ่มหรือแสดงความต้องการจัดทำ รธน.ฉบับใหม่ได้ แต่ต้องให้ประชาชนออกเสียงประชามติให้ความเห็นชอบก่อนตรงกับจังหวะเปลี่ยนอำนาจเกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อย มีพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เป็นแกนนำพรรคประชาชน (ปชน.)โหวตสนับสนุน แต่ขอทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ภายใต้ MOA บันทึกข้อตกลงจัดทำ รธน.ฉบับใหม่ โดยทำประชามติพร้อมเลือกตั้ง หลังยุบสภาภายใน 4 เดือนนับตั้งแต่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาผลคำวินิจฉัยศาล รธน.ในจังหวะสถานการณ์แบบนี้เหมือนบีบบังคับทุกพรรคต้องทำแล้ว ไม่ทำไม่ได้พรรคการเมืองไหนไม่ทำ...ท้ายสุดอยู่ไม่ได้“คุณไปตกลงกันว่าอย่างนี้ ถ้าพรรคนั้นไม่ทำมันก็ไม่สำเร็จ จะถูกตำหนิไม่มีความจริงใจจัดทำรธน.ฉบับใหม่ ยิ่งสถานการณ์อย่างนี้เท่ากับบีบบังคับทุกพรรคโดยปริยายที่สำคัญที่สุดเหมือนกับ MOA บีบบังคับ ถามประชามติให้ทันการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย วันเลือกตั้งต้องมีร่าง รธน.แก้ไขเพิ่มเติมด้วยฉะนั้นรัฐบาล พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้านต้องหารือถึงไทม์ไลน์เดินอย่างไรไปสู่เป้าหมายตามที่ตกลงกันเอาไว้”แม้ผลหารือของคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ (กมธ.) สภาผู้แทนราษฎร ร่วมประชุมกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มี 3 ตัวแทนพรรค ปชน. พรรค พท. พรรค ภท. เห็นตรงกัน เดินหน้าจัดทำ รธน.ใหม่ โดยภายในสัปดาห์นี้เตรียมเสนอร่างไปดูในที่ประชุม กมธ.คาดว่าไม่ทัน เพราะคำวินิจฉัยของศาล รธน.ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่เมื่อดูลึกลงรายละเอียดจำเป็นต้องไตร่ตรองในหลายๆประเด็น ที่สำคัญที่สุดคือคำถามทำประชามติครั้งที่ 2 ที่ระบุให้ระบุรายละเอียดสำคัญของการแก้ไขเพิ่มเติม รธน.ให้ประชาชนทราบ เพื่อนำไปสู่การถามประชามติ“ผมค่อนข้างหนักใจตรงนี้ ต้องคิดหนัก คำว่าให้ประชาชนออกเสียงประชามติเกี่ยวกับการจัดทำ รธน.ฉบับใหม่ มีวิธีการและเนื้อหาที่สำคัญอย่างไรวิธีการเสนอญัตติทำอย่างนี้ถูกหรือไม่ เข้าชื่อกันกี่คน สาระสำคัญร่าง รธน.แก้ไขอะไรบ้าง อาจต้องถึงขั้นอย่างนี้หรือไม่ และต้องแก้ไขอะไรบ้างเช่น แก้ประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ สมดุลกันอย่างไร แก้ที่มาองค์กรอิสระอย่างไร ตรงนี้มันเป็นเรื่องใหญ่”ถึงขั้นออกแบบพิมพ์เขียวโครงสร้าง รธน.ใหม่ทั้งฉบับ นายชูศักดิ์ บอกว่า ถูก รัฐสภาต้องไปพิจารณาเรื่องอะไรบ้าง แต่ก่อนที่รัฐสภาพิจารณา ต้องเอาเนื้อหาให้ประชาชนเห็นชอบว่าจะแก้ตรงนี้ ทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ขอย้ำผมหนักใจตรงนี้ ขณะนี้ทีมของพรรค พท.พยายามตีความควรเขียนถึงขนาดไหน พรรค ปชน.ก็ตั้งใจของเขาอยู่ พรรค พท.มีความตั้งใจร่าง รธน.ใหม่ตั้งแต่แรก แต่รัฐบาลที่ไม่มีร่าง รธน.อยู่ในขณะนี้ก็ต้องกระตือรือร้นถึงเวลาทุกฝ่ายร่วมมือจัดทำ รธน.ฉบับใหม่เข้าใจว่าพรรคแกนนำรัฐบาล แกนนำฝ่ายค้านคงจำเป็นต้องร่วมมือกันทำตาม MOA แต่พรรค พท.ไม่ต้องห่วง เดินหน้าแน่ สว.ที่ไม่ได้ตกลงอะไรกับใครเห็นบ้านเมืองเดินไปแบบนี้ จะทำ รธน.ฉบับใหม่หรือไม่ มีความเป็นอิสระหรือไม่ เพราะการแก้ รธน.ต้องใช้เสียง สว. 1 ใน 3 ของจำนวน สว.ทั้งหมดที่มีอยู่ครั้งนี้มีโอกาสสำเร็จตามเงื่อนเวลา MOA ท่ามกลางมีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการทำ รธน.ใหม่เริ่มขยับคัดค้าน นายชูศักดิ์ บอกว่า จังหวะทางการเมืองแบบนี้อย่างน้อยที่สุดคิดว่าได้ทำประชามติ หากผลประชามติ เห็นด้วยเต็มที่มันย่อมอาจนำไปสู่ความสำเร็จฉะนั้นทำประชามติครั้งที่ 1 ถามประชาชนว่า “สมควรจัดทำ รธน.ฉบับใหม่หรือไม่” ตรงนี้เป็นตัวแปรสำคัญต่อธงการแก้ รธน.ในอนาคตแต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่พร้อมจัดการเลือกตั้งใหญ่ควบคู่จัดทำประชามติในคราวเดียวกัน นายชูศักดิ์ บอกว่า ในชั้นยกร่าง พ.ร.บ.การทำประชามติเดิม กกต.ยืนยันทำไม่ได้ท้ายสุดเรามองว่าไม่เหลือบ่ากว่าแรงสามารถทำได้ โดยบริหารจัดการ อาทิ คูหาเลือกตั้งคนละส่วน กรรมการคูหาเลือกตั้งคนละชุด จน กกต.ยอมว่าทำได้ เป็นเหตุให้แก้ไขกฎหมายดังกล่าวที่ขณะนี้รอโปรดเกล้าฯเพื่อลงพระปรมาภิไธยโดยมีการแก้ไขว่า ถ้าทำประชามติตรงกับการเลือกตั้งบางระดับ เช่น เลือกตั้ง สส. เลือกตั้งท้องถิ่น สามารถจะกำหนดวันทำประชามติให้ตรงกันได้เสียวสันหลังแค่ไหนเมื่อดูตามไทม์ไลน์ยุบสภา 4 เดือนหลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายชูศักดิ์ บอกว่า ไม่ต้องไปดูกรอบ MOA ถ้าทุกฝ่ายต้องการทำ รธน.ฉบับใหม่ต้องยึดถือตามคำวินิจฉัยศาล รธน.ล่าสุดสิ่งที่ต้องเร่งทำโดยเร็วรีบเสนอร่างแก้ไข หมวด 15 หรือมาตรา 256 ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เข้าไป ขอย้ำตรงนี้สาระสำคัญต้องระบุรายละเอียดเข้าไป ท้ายสุดรัฐสภาพิจารณา 4-5 เดือนสุดแล้วแต่สมมติพิจารณาไปใช้เวลา 4-5 เดือน อาจยุบสภา ในท้ายที่สุดตัวแทน สส.ไม่มี ฉะนั้นต้องให้สะเด็ดน้ำก่อน อาจบีบเวลารีบพิจารณาให้เสร็จภายใน 4 เดือนก่อนยุบสภา จังหวะนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของ สส.และ สว.โดยใช้ไทม์ไลน์บีบบังคับทำให้เสร็จก่อนยุบสภาผ่านรัฐสภาแล้ว แต่ยังไม่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ต้องนำร่างที่ผ่านวาระ 3 ไปทำประชามติถามประชาชนพร้อมกับการเลือกตั้ง โดยถาม 2 คำถามตามที่ศาล รธน.ระบุให้ถามพร้อมกันได้คำถามแรก เห็นชอบให้แก้ รธน.ฉบับใหม่หรือไม่ ถ้าเห็นชอบ คำถามที่ 2 โดยมีสาระสำคัญแบบนี้ ถ้าเห็นชอบก็จบ เลือกตั้งเสร็จมีรัฐบาลใหม่ นำขึ้นทูลเกล้าฯ เป็น รธน.แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อทำ รธน.ใหม่ผมขอย้ำอีกครั้งว่าการระบุรายละเอียดโครงสร้าง รธน.ฉบับใหม่มันจำเป็น เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ถึงสาระสำคัญว่ามีอะไรบ้าง ถึงบอกว่าตรงนี้เป็นเรื่องที่ยากที่สุดสำหรับการยกร่างหากเกินเงื่อนเวลา 4 เดือนยุบสภา เพราะต้องใช้ระยะเวลาอีก 1 เดือนถึงเสร็จ ฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทยยอมได้หรือไม่ นาย ชูศักดิ์ บอกว่า พรรค พท.ไม่ได้เซ็น MOA ด้วย โดยส่วนตัวไม่ได้คิดอะไรต้องไปถามพรรคหลักที่ไปเซ็นบันทึกข้อตกลงกัน หากเสร็จไปแล้ว 90% อาจจำเป็นต้องรอหน่อยก็คงไม่ว่าอะไรกัน โดยดูความจริงใจและอยู่ที่ผู้มีส่วนได้เสียในข้อตกลงดังกล่าวว่าคิดอย่างไรรายชื่อรัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ถูกจับตามองว่ามีตำหนิ ซึ่งฝ่ายค้านเสียงข้างมากต้องตรวจสอบ สะท้อนให้เห็นรัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ มีผลกระทบต่อการแก้ไข รธน.อย่างไรบ้าง นายชูศักดิ์ บอกว่า คงมีปัญหาฉะนั้นควรแยกแยะว่าจะเอาอย่างไร โดยพรรคการเมืองนั้นๆต้องมีความจริงใจที่ รธน.ฉบับใหม่ 100% ไม่เช่นนั้นเข้าข่ายผิดข้อตกลงคราวนี้ต้องจับตาดูว่าเขาจริงใจ 100% หรือไม่ แต่การตรวจสอบต้องมี และการทำรัฐธรรมนูญก็จำเป็นต้องทำ ฝ่ายค้านเต็มที่-ปัจจัยอยู่ที่รัฐบาล-สว.เห็นอย่างไรอุปสรรค 4 เดือน มีโอกาสสำเร็จแค่ไหน นายชูศักดิ์ บอกว่า จุดใหญ่ที่สุดในวาระที่ 1 ต้องมี สว.เห็นด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 สส.ฝ่ายค้านเห็นด้วยไม่น้อยกว่า 20% เพื่อเปิดประตูแก้ รธน.มาตรา 256อุปสรรคสำคัญอยู่ที่จำนวนเสียง สว. 1 ใน 3ถ้าเห็นพ้องต้องกันผ่าทางตันประเทศซะที.ทีมการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม