นานาชาติมุ่งเป้าโฟกัสที่ไปจุดความร้อน “หลังคาโลก” ตามฉากมิคสัญญีในประเทศเนปาล ม็อบเด็กรุ่นใหม่ลุกฮืออาละวาดเผาบ้านเผาเมือง ขับไล่รัฐบาล รุมกระทืบรัฐมนตรี จับครอบครัวนักการเมืองเผาทั้งเป็น เจ็บตายอื้อซ่า กลายเป็น “รัฐล้มเหลว” โดยสิ้นเชิงหัวเชื้อชนวนไฟเกิดจากประชาชนไม่พอใจฝ่ายบริหารที่ทำเศรษฐกิจฝืดเคือง ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก คนตกงาน อดอยากลำบากปากท้องแต่ลูกหลานนักการเมืองกลับโชว์อวดรวยในโซเชียลฯกันเอิกเกริกภาพความเหลื่อมล้ำเป็นน้ำมันราดกองไฟ และแทนที่จะแก้ปัญหาให้ตรงจุดที่ต้นเหตุ รัฐบาลกลับใช้อำนาจปิดหูปิดตาประชาชน สั่งปิดกั้นสื่อออนไลน์ทุกช่องทาง นัยว่าสกัดกระแสวิจารณ์ยั่ว “พลังเจน Z” อัดอั้นจนระเบิดอานุภาพมหาศาล เกินการควบคุมธรรมชาติ “พลังคนรุ่นใหม่” ไม่มีอำนาจใดทัดทานอยู่จากเนปาลตัดฉากกลับมาที่ไทยแลนด์ ดินแดนที่เกมอำนาจการเมืองยังไม่เข้าโซนประเทศพัฒนาแล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่สื่อทั่วโลกเพิ่งนำเสนอข่าวใหญ่ “อดีตนายกฯมหาเศรษฐี” ต้องกลับเข้าไปรับโทษในเรือนจำผลพวงจากคดีการบริหารไม่โปร่งใสที่ค้างคามากว่า 20 ปีถึงจุดที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสั่งคดี “วีไอพี ชั้น 14” มีกระบวนการบังคับโทษเป็นไปโดยมิชอบ “ป่วยทิพย์” ทำให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องกลับไปติดคุกจริง ตามเงื่อนเวลาที่ถูกตัดสิน 1 ปีภาพนาทีสำคัญที่ต้องบันทึกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย“นายใหญ่” ต้องเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ กลายเป็น “พยัคฆ์ในกรงขัง” โดยพลังที่ลดน้อยถอยลงตามอัตภาพ หนีไม่พ้นส่งแรงตกกระทบถึงพรรคเพื่อไทย ฐานอำนาจทางการเมืองระส่ำหนักดักสัญญาณความเคลื่อนไหว สส.อีสานจ่อชิ่งไหลหนีกระแสดำดิ่งทำให้ “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ หัวหน้าค่ายเพื่อไทย ต้องรีบส่งสัญญาณในบ่ายวันเดียวกับที่ “นายใหญ่” เข้าเรือนจำ ย้ำพรรคเพื่อไทยยังเดินหน้าทางการเมือง สืบสานเจตนารมณ์ “ทักษิณ”รีบอุดประตู เบรกลูกข่ายหนีตายกันจ้าละหวั่นโอกาสสูงที่ป้อมค่ายการเมืองของ “เถ้าแก่ใหญ่” ต้องสูญเสียความยิ่งใหญ่ ลดไปเป็นพรรคต่ำร้อย ลุ้นสส.เกินหลัก 50 ที่นั่งในการเลือกตั้งรอบหน้าก๊วนสีแดงหลุดวงโคจรระดับ “หัวขั้วอำนาจ” หลบให้ขบวนสีน้ำเงินที่ชิงธงนำขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยม ไปเบียดสู้กับกองทัพส้มที่ยืนเด่นในฟากเสรีนิยม ในสมรภูมิเลือกตั้งใหญ่ในจังหวะพรหมลิขิตขีดเขี่ยให้ “คู่ประจัญบาน” ต้องจูบปากกันชั่วขณะประชาธิปไตยภาคพิสดารแบบไทยๆ แกนนำฝ่ายค้าน พรรคประชาชนต้องกลั้นใจเทเสียงโหวตหมดหน้าตัก 143 เสียง หาม “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย ขึ้นแท่นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32ภายใต้โจทย์บังคับต้องเป็น “ผู้นำรัฐบาลเสียงข้างน้อย”เซ็น “เอ็มโอเอ” ยอมรับพันธสัญญา “ลูกผู้ชาย” ต่อหน้าประชาชนทั่วประเทศ จะเป็นนายกฯชั่วคราวแค่ 4 เดือน เพื่อเปิดประตู “ทำลายค่ายกล” ของฝ่ายอนุรักษ์นิยม รื้อรัฐธรรมนูญฉบับ “ซือแป๋มีชัย” แล้วยุบสภาเลือกตั้งใหม่ทันที“เด็กส้ม” ยอมเสี่ยง “ออกลูกเป็นลิง” เชื่อลมปากนักเลือกตั้งพันธุ์โบราณและไม่ทันไร สถานการณ์ก็ส่อเข้าเหลี่ยม “เบี้ยว” เมื่อศาลรัฐธรรมนูญล็อกค่ายกล “ประกาศิต” ห้ามสมาชิกรัฐสภาเปิดทางให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่เลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนทำลายฝันค่ายส้ม ที่ล็อกเป็นข้อเรียกร้องใน “เอ็มโอเอ”ท่ามกลางเสียงสมน้ำหน้า อาการสะใจของกองเชียร์ “นายใหญ่” ที่ยังไม่หายอารมณ์ค้าง ได้ทีเย้ยหยันพรรคประชาชนเสียท่า โดนหลอกให้หาม “เสี่ยหนู” ฟรีแต่อาจจะลืมไปว่า จากประตูรื้อรัฐธรรมนูญที่แทบปิดตาย กลับมาแง้มเปิดช่องมันคือจังหวะที่ “นักเลือกตั้งอาชีพ” ต้องรีบฉวยนาทีทอง แบบที่พรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย 3 ป้อมค่ายหลักที่มีเสียง สส.ในสภาเป็นกอบเป็นกำ แท็กทีมกันโดยอัตโนมัติจับมือกันหาทางลัดตั้ง ส.ส.ร. เพื่อทำลายค่ายกล “ซือแป๋มีชัย”เพราะขืนปล่อยไปแบบนี้ สส.จะไร้ความหมาย “อำนาจ 3 ขา” บริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ ต้องเปลี่ยนไป สภาพฝ่ายนิติบัญญัติแทบไม่มีความหมายในการแก้ไขกฎหมาย ไม่มีสิทธิแตะต้องรัฐธรรมนูญมันคือการสูญสิ้นความสำคัญของสภาผู้แทนราษฎรเกมรื้อรัฐธรรมนูญจึงเป็น “วาระร่วม” ของ “นักเลือกตั้งอาชีพ” แยกเป็นคนละเงื่อนกับเป้าใหญ่ ข้อแรกๆของ “สัญญาลูกผู้ชาย” มันอยู่ที่การยุบสภา เลือกตั้งใหม่ภายใน 4 เดือน หลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาภายใต้เงื่อนไขข้อจำกัด ไม่ใช่คิดจะเบี้ยวก็ลากกันง่ายๆเพราะสุดท้ายแล้ว ก็เชื่อโดยโจทย์มัดคอ “นายกฯอนุทิน” คงไม่เอาเกียรติประวัติวงศ์ตระกูลมาเสี่ยงกับการโดนประทับตรา “กะล่อนกลับกลอก”อีกทั้งเดิมพันมันโยงถึงการเลือกตั้งรอบต่อไป ภายใต้โปรโมชัน “4 บวก 4” โอกาสที่หัวหน้าก๊วนเซราะกราวภูมิใจไทย “ถือแต้มต่อ” ในการรีเทิร์นแบบเต็มเทอมในการเลือกตั้งรอบต่อไป ถ้าทำแต้มได้ตามเป้าก่อนอื่นเลย สังคมเฝ้าดูการจัด ครม.ให้สมกับโจทย์ “รัฐบาลเฉพาะกิจ”ตามฟอร์มที่ “นายกฯอนุทิน” เริ่มออกตัวได้ดี กับการเปิดหน้า “ดรีมทีม” ร่วมวง “เค้กส้ม” ในร้านคาเฟ่ของ “น้องจ๋า” ภรรยานายกฯป้ายแดง“เทคโนแครต” สวมสูทน้ำเงินถูกเชิญมาเปิดตัวรายวัน“ดร.เอก” นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส อธิบดีกรมธนารักษ์ ที่ถูกดึงมานั่งเป็นเบอร์หนึ่งทีมเศรษฐกิจ ในเก้าอี้รองนายกฯควบ รมว.คลัง “มาดามแต๋ม”นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ บอสใหญ่เครือดุสิตธานีมือบริหารอาชีพที่ผ่านงานบริษัทใหญ่ รับเทียบมานั่งเป็น รมว.พาณิชย์นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ถูกเชิญมานั่งเจ้ากระทรวงบัวแก้ว นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ อดีตซีอีโอ ปตท. ที่ถูกดึงมานั่ง รมว.พลังงาน รวมไปถึง “โคตรเซียนรัฐธรรมนูญ” อย่างนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่รับเป็นรองนายกฯ ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลการตอบรับ “ดรีมทีมเศรษฐกิจ” กลุ่มทุน ตลาดหุ้นขานรับเชิงบวกโดยเฉพาะการนำโครงการ “คนละครึ่ง” กลับมาใช้ใหม่ พร้อมเปลี่ยนโปรฯยั่วใจคนเสียภาษีจากรัฐบาลจ่าย 50/50 เป็น 60/40 รับเสียงชื่นชมการอัดฉีดเศรษฐกิจฐานรากได้ตรงจุดกว่าการแจกเงินหมื่น“ดรีมทีม” ดึงแต้มให้ “นายกฯเซราะกราว” ได้ตามเป้าถ้าไม่บังเอิญว่า โปะหน้าเค้กยังไงก็ไม่มิด เพราะ “ไส้ในเน่า” มันล้นออกมาเหมือนโฆษณา “ครีมโลชันบำรุงผิวหน้า” ที่เปรียบภาพความแตกต่าง “ก่อนใช้” กับ “หลังใช้”“ดรีมทีม” หล่อสวย แต่พ่วงมากับขบวนการกระตุก “ฝันร้าย”ตามคิวโผรัฐมนตรีใหม่ที่ “นายกฯหนู” คุยฟุ้งตั้งแต่วันแรกๆเสร็จไปแล้วกว่า 99.75 เปอร์เซ็นต์ แต่อย่างที่เห็นเหลืออีกร้อยละ 0.25 ทำให้ต้องโละโพยกันใหม่ เพราะปัญหาของ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ขาใหญ่ค่ายกล้าธรรม ไม่ได้นั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหม ตามที่ปักหมุดไว้เรียกของเพิ่ม ต้องจัดให้ 4 กระทรวงจุกๆ “เกษตรฯ ศึกษาธิการ ท่องเที่ยวฯ พัฒนาสังคมฯ”พร้อมกับปมเสี่ยง “จริยธรรม” ที่ “นายกฯอนุทิน” ต้องเสียววาบเดินตามรอยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ที่ตกเก้าอี้ พร้อมโทษแบนยาวการเมือง จากการตั้งรัฐมนตรีที่มีคดีเคยติดคุกตะรางอีกทางก็เป็นหน้าช้ำๆของนายสันติ พร้อมพัฒน์ ทีมพลังประชารัฐ ที่ส่อ “ไม่พร้อมเป็น” เพราะติดปมคุณสมบัติ คดีค้างเก่า ต้องส่งมอบโควตาเป็นมรดกตกถึงนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ ลูกชาย ก็ไม่วายโดนหน่วยสแกนตามจับผิด เป็นอดีตเจ้าของตึก skyy9 ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนของสำนักงานประกันสังคมและนั่นโยงเป็นปมกับ “เสี่ยเฮ้ง” นายสุชาติ ชมกลิ่น ขาใหญ่กลุ่มกบฏรวมไทยสร้างชาติ ที่หลบเสียงโห่ของค่ายส้ม ไม่ให้ยุ่มย่ามกับกระทรวงแรงงาน แต่ก็ได้เก้าอี้รองก้นใหญ่ๆเป็นรองนายกฯควบ รมว.ทรัพยากรฯออกตัวยังไงคนก็ไม่เคลิ้มตามว่า แย่งเก้าอี้ แข่งกันอาสาทำงานรัฐบาลเฉพาะกิจกระตุกสายตาผู้คนในสังคมเกาะติด ระแวง “ไอ้เสือถอย” ทิ้งทวนก่อนเลือกตั้ง ขบวนการ “ฝันร้าย” หักแต้ม “ดรีมทีม” ตามกระแส “นิด้าโพล” ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่อยากให้ยุบสภาเสียง “ยี้” คือตัวเร่ง “นายกฯหนู” คืนอำนาจเร็วกว่า 4 เดือน.“ทีมการเมือง”คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม