นอนคุกมา 2-3 คืน “กินอิ่ม–นอนหลับ–ปรับตัวได้” สถานะใหม่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องกลับมาติดคุกของจริง ตามคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หนำซ้ำเอฟเฟกต์คดีป่วยทิพย์ชั้น 14 ยังส่อลากเจ้าหน้าที่รัฐติดร่างแห เสี่ยงติดคุกกันระนาวตามสำนวนไต่สวน ป.ป.ช.ที่ตั้งแท่นสอบ 12 เจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งบิ๊กราชทัณฑ์ ผอ.เรือนจำ นายแพทย์ใหญ่ พัศดี พยาบาลเวร ส่อผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานสมรู้ร่วมคิดช่วยนายทักษิณได้พักรักษาตัว ชั้น 14หรือแม้กระทั่งตัวนายทักษิณเองก็หมิ่นเหม่ อาจโดนเพิ่มโทษอีกกระทง ป.ป.ช.เตรียมขยายผลเอาผิด ตั้งข้อหาเป็นตัวการ สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดกฎหมายอาจติดคุกเพิ่มขึ้นอีก จากฐานความผิดอีกกระทงชะตากรรมนายใหญ่ลุ้นหนัก ไม่รู้จะโดนดาบสองจาก ป.ป.ช.เล่นงานให้ติดคุกเพิ่มขึ้นหรือไม่ขวัญกำลังใจ สส.เพื่อไทย ระส่ำหนัก จากเดิมต้นทุนความศรัทธาประชาชนที่หดหาย จากคดีคลิปหลุดบทสนทนาลุง-หลาน “สมเด็จฮุน เซน” กับ “หลานอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หากไม่มีนายใหญ่ช่วยบัญชาเกมในสนามเลือกตั้งสมัยหน้า ความเชื่อมั่นก็ยิ่งกู่ไม่กลับไปกันใหญ่ค่ายแดงเสียขวัญ เสี่ยงแพแตก จากที่ผูกขาดได้ สส.เกินร้อย อาจเหลือ สส.ต่ำกว่าร้อยในรอบหน้าแต่ที่ไม่ถึงขั้นเสียขวัญ แต่เสียเหลี่ยมคือ พรรคประชาชนที่เพลี่ยงพล้ำเกมแก้รัฐธรรมนูญกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญชนตอ ศาลรัฐธรรมนูญฉายความชัดเจนให้ทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ 3 ครั้ง พร้อมขยายความรัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรงสื่อความหมายการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมมนูญ (ส.ส.ร.) โดยตรงจากประชาชน ไม่สามารถทำได้ปิดประตูการเลือกตั้ง ส.ส.ร.มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามเงื่อนไขเอ็มโอเอที่เป็นข้อตกลงระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทยเจตนารมณ์แก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบของค่ายส้ม แนวโน้มออกมาไม่ตรงปกตามเอ็มโอเอติดล็อกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่มีผลผูกพันทุกองค์กร ทำให้ไม่สามารถคุมเกมการเลือก ส.ส.ร.ให้มาจากการเลือกตั้งได้ 100% อาจต้องเบี่ยงไปใช้วิธีเลือก ส.ส.ร.ทางอ้อม อาทิ การสรรหาจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ การเลือกกันเองในกลุ่มอาชีพ การให้รัฐสภาตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เข้าทางพรรคภูมิใจไทยที่มีลูกเขี้ยว เชี่ยวชาญกลยุทธ์การล็อบบี้ และสรรหา เพราะมีเครือข่ายองคาพยพทุกสาขาอาชีพ ชิงความได้เปรียบมีคนของตัวเองไปร่วมคุมเกมแก้กติกาประเทศอย่างที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ออกอาการหนักใจเงื่อนไขที่บังคับให้การยกร่างรัฐธรรมนูญเดินตามกรอบที่กำหนด อาจทำให้กติกาประเทศฉบับใหม่ ไม่ได้เป็นรัฐธรรมนูญใหม่อย่างแท้จริงค่ายส้มหัวหมุน สาละวนอยู่กับการไล่แก้เกม นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน รีบกดดัน “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นโต้โผให้รัฐบาลยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หมวด 15 เสนอต่อรัฐสภาในสัปดาห์หน้าขู่หากบิดพลิ้วก็พร้อมใช้ 143 เสียง สส.พรรคประชาชน โค่นรัฐบาลเสียงข้างน้อยขณะที่พรรคเพื่อไทยก็รีบผสมโรง จ่อร่วมยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมเช่นกัน ชวนทุกพรรคร่วมปลดล็อกรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ล้างกลไกอำนาจองค์กรอิสระที่โค่นเก้าอี้นายกฯพรรคเพื่อไทยมาหมาดๆ 2 คน“ประชาชน–เพื่อไทย” มีเป้าหมายเรื่องเดียวกัน โละรัฐธรรมนูญปี 2560 ไฟต์บังคับบีบพรรคภูมิใจไทยต้องกระโดดเกาะขบวน ขับเคลื่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่มีอิดออดพร้อมร่วมล่มหัวจมท้าย ทั้งกระบวนการทำประชามติ การตั้ง ส.ส.ร.ให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุดทางหนึ่งต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ในฐานะรัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่ให้ขุ่นข้องหมองใจค่ายส้ม เสี่ยงถูกเช็กบิลก่อนครบ 4 เดือน อีกทางก็แอบเสียวสันหลังรัฐธรรมนูญปี 2560 อาจเป็นบูมเมอแรงย้อนมาเล่นงานพรรคภูมิใจไทยตามสถานะปัจจุบันพรรคภูมิใจไทยคือ แกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่พรรคร่วมรัฐบาลเหมือนเก่า ภาระความรับผิดชอบมีมากมายครอบจักรวาล ต้องแบกมาตรฐานทางจริยธรรมสูงกว่ามาตรฐานทั่วไป3 พรรคใหญ่ “ส้ม–แดง–น้ำเงิน” ต้องล่มหัวจมท้ายยื่นแก้รัฐธรรมนูญ กรุยทางปรับแก้ ลดอำนาจองค์กรอิสระให้อยู่ในระดับเหมาะสม“นายกฯหนู” มีเรื่องต้องระวังตัวแจ ทั้งการแต่งตั้ง ครม.สีเทาที่เห็นบทเรียนมาแล้วในยุครัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” หรือแม้กระทั่งเรื่องคดีเขากระโดง คดีฮั้ว สว. ที่เสี่ยงถูกร้องเอาผิดมาตรฐานทางจริยธรรมได้ตลอดขืนยังให้มีอำนาจเหาะเหินเกินลงกา ก็ไม่รู้ค่ายสีน้ำเงินจะไปติดกับเงี่ยงจริยธรรมวันใด!!!ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม