“อนุทิน” รับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯคนที่ 32 ถวายสัตย์จะมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ด้วย ความซื่อสัตย์สุจริตและมีคุณธรรม ให้คำมั่นรัฐบาลจะทุ่มเท ทำงานไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ไม่มีวันหยุด ไม่มีพักร้อน ห้ามป่วย ห้ามลา ห้ามหยุด ลั่นมาเป็นนายกฯ ไม่ได้ติดหนี้บุญคุณใคร ยกเว้นประชาชนโดยผ่าน ผู้แทนฯ เร่งแก้ 4 ภัยคุกคาม ยึดสันติภาพจบข้อพิพาท ไทย-กัมพูชา แต่ต้องไม่เสียดินแดนแม้แต่ตารางเซนติเมตร รับควบ มท.1 สางจ่ายชดเชยภัยพิบัติ-ชายแดนอืด ดึง “วรภัค” อดีตกุนซือ“พิชัย” เสริมทีมนั่ง รมช.คลัง “ธรรมนัส” อกหักวืดคุมกลาโหม ถูกเตะโด่งไป ก.ท่องเที่ยวฯ “บิ๊กป้อม” สมใจส่งน้องรัก “ณัฐ” นั่ง รมว.กลาโหม แทน ภท.เขย่าใหม่ “ไชยชนก” ผงาดนั่งดีอี “ชาญชัย” สายตรงครูใหญ่ยึด รมว.ยุติธรรม พท.ยื่นศาล รธน.สอย “หนู-เท้ง” ดีลฮั้วผลประโยชน์ฝ่าฝืน รธน.-ผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง “ขัตติยา” ขู่งัดดาบยื่นซักฟอกทันทีไม่รอ 4 เดือน “เจี๊ยบ” ซัดออกทะเลไปไกลเป็นอันธพาลชนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ให้คำมั่นจะมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และมีคุณธรรม ลั่นขอให้มั่นใจว่ามาเป็นนายกฯครั้งนี้ ไม่ได้มาด้วยบุญคุณใคร ยกเว้นบุญคุณประชาชนชาวไทยโปรดเกล้าฯ “อนุทิน” นายกฯคนที่ 32เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 7 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหา วชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรม ราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่าด้วยความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 เห็นชอบด้วยในการแต่งตั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายก รัฐมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 7 กันยายน พุทธศักราช 2568 เป็นปีที่ 10 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรรับสนองมุ่งมั่นทำหน้าที่ซื่อสัตย์สุจริตเวลาเดียวกัน ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ว่าที่ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อัญเชิญพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งนายอนุทินดำรงตำแหน่งนายกฯ เดินทางมาถึงที่พรรค ภท. อัญเชิญไปยังสถานที่ในการรับสนองพระบรมราชโองการฯ จากนั้นเลขาธิการสภาฯอ่านพระบรมราชโองการฯ จากนั้นนายอนุทินเปิดกรวย ก้มกราบถวายบังคมต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วกล่าวหลังรับสนองพระบรมราชโองการฯว่า ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม เนื่องในโอกาสที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งข้าพระพุทธเจ้า นายอนุทิน ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับเป็นศุภสิริมงคล และเกียรติยศอันไพบูลย์แก่ข้าพระพุทธเจ้าและครอบครัวอย่างหาที่สุดมิได้ พระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมนี้ จักเป็นที่สำนึกและเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมของข้าพระพุทธเจ้าและครอบครัวตลอดไปข้าพระพุทธเจ้าขอถวายสัตย์ว่าจะมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและมีคุณธรรมให้สมกับที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัย เพื่อความผาสุกของประชาชนชาวไทย และความวัฒนาสถาพรของประเทศชาติ ตามพระราชปณิธาน และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ”คุกเข่ากราบพ่อแม่กอดหอมลูกชาย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายอนุทินเป็นนายกฯ มีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดา นางทัศนีย์ ชาญวีรกูล มารดา นายเศรณี ชาญวีรกูล บุตรชาย พร้อม น.ส.ธนนนท์ นิรามิษ คู่สมรส ครอบครัวชาญวีรกูล สส.พรรคภท.หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เลขาธิการพรรค และแกนนำกลุ่มการเมืองพรรคร่วมรัฐบาลเข้าร่วมแสดงความยินดีคับคั่ง อาทิ พรรคกล้าธรรม (กธ.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กลุ่ม 16 ของนายสุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และ สส.พรรคเพื่อไทย (พท.) กลุ่มนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ สส.กาญจนบุรี พรรค พท. นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค พปชร.ไม่ได้มา ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีนายอนุทินคุกเข่ากราบนายชวรัตน์และนางทัศนีย์ที่ตัก ก่อนเข้าสวมกอดและหอมแก้มบุตรชาย และเดินทักทายและขอบคุณหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เลขาธิการพรรค แกนนำกลุ่มการเมือง ก่อนจะถ่ายภาพหมู่ร่วมกับครอบครัวและพรรคร่วมรัฐบาล“อนุทิน” ลั่นลุยทำงานไม่เหน็ดเหนื่อยต่อมาเวลา 12.16 น. ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทินแถลงภายหลังรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นนายกฯว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตนยืนอยู่ตรงนี้ด้วยความตระหนักดีว่าการเข้าสู่ตำแหน่งนายกฯ ในวันนี้ อาจมีข้อจำกัดหลายด้านในการปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน แต่ขอให้ความมั่นใจต่อประชาชนว่า ตนและ ครม.จะมุ่งมั่นทำงาน ไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากสถานการณ์วิกฤติต่างๆ เร็วที่สุดจัดมาตรการด่วนแก้ 4 ภัยคุกคาม ปชช.นายอนุทินกล่าวว่า ขอบคุณประชาชนที่ให้ความมั่นใจผ่านการลงคะแนนเสียงของ สส. และสส.พรรคประชาชนที่สนับสนุนให้มาแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า หลังจากลงคะแนนเสียงก็กลับไปอยู่ฝ่ายตรวจสอบ ขอบคุณ สส.พรรคร่วมรัฐบาลที่สนับสนุนให้รัฐบาลมารับใช้ประชาชน เวลาที่มีอยู่จะเร่งแก้ปัญหา 4 ด้าน ที่เป็นภัยคุกคามและส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประชาชน ได้แก่ 1.ปัญหาเศรษฐกิจ จะเร่งลดรายจ่ายค่าครองชีพ ค่าพลังงาน ค่าเดินทางแก่ประชาชน ผู้ประกอบการ แก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย จะหามาตรการด้านกฎหมาย การอำนวยความสะดวก เพื่อเสริมสร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการ ประชาชน และทำให้รายได้ชุมชนท้องถิ่น มีความมั่นคงแข็งแรงมากยิ่งขึ้นใช้สันติภาพจบข้อพิพาทไทย–กัมพูชานายอนุทินกล่าวว่า 2.ปัญหาความมั่นคง จะเร่งแก้ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ด้วยแนวทางสันติภาพ ลดการสูญเสียของประชาชน 2 ประเทศ แต่ประเทศไทยต้องยึดหลักการที่ต้องไม่มีวันเสียดินแดน แผ่นดิน แม้แต่ ตร.ซม.เดียว คนไทยต้องไม่เสียประโยชน์ รัฐบาลจะเร่งชดเชยประชาชนผู้ประสบภัย ที่ผ่านมาแม้จะล่าช้าไปบ้าง แต่รัฐบาลนี้จะชดเชยค่าเสียหายแก่ประชาชนด้วยความรวดเร็วครอบคลุมทุกหลังคาเรือนควบ มท.1 ลุยจ่ายชดเชยภัยพิบัติ–ชายแดนนายอนุทินกล่าวว่า 3.ปัญหาภัยธรรมชาติ จะเร่งต่อยอดทำระบบเตือนภัยที่เคยทำมาแล้วในสมัยที่ตนเป็น รมว.มหาดไทย จะเร่งชดเชยค่าเสียหายแก่ประชาชนที่ประสบภัยธรรมชาติอย่างรวดเร็ว สมเหตุสมผล คุ้นเคยกับเรื่องนี้เป็นอย่างดีในสมัยที่เป็น รมว.มหาดไทย จะเข้ามาดำเนินการอย่างเต็มที่ เพราะจะควบตำแหน่ง รมว.มหาดไทยด้วย เพื่อปัญหาต่างๆไม่หยุดชะงัก ติดอุปสรรค เชื่อมั่นว่าจะได้รับความร่วมมือที่ดีจากข้าราชการทุกหน่วยงาน เรื่องปัญหาความร่วมมือไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน มั่นใจความสามารถของตนจะเชื่อมต่อความสัมพันธ์และประสานงาน เร่งทุกฝ่ายให้ความร่วมมือเพื่อให้เกิดผลประโยชน์แก่ประชาชนลั่นเป็นนายกฯไม่ติดหนี้บุญคุณใครนายอนุทินกล่าวว่า 4.ภัยสังคม เร่งปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ สแกมเมอร์ การพนัน การพนันออนไลน์อย่างจริงจัง สร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อกำจัดภัยสังคมทุกรูปแบบ ขอให้มั่นใจว่ามาเป็นนายกฯครั้งนี้ไม่ได้มาด้วยบุญคุณใคร ยกเว้นบุญคุณประชาชนชาวไทย โดยผ่านผู้แทนราษฎรผู้ที่จะต้องตอบแทนพระคุณคนเดียวคือประชาชน การแก้ปัญหาเหล่านี้ขอให้มั่นใจว่าจะได้รับความร่วมมือ การประสานงานเพื่อให้เจตนารมณ์ตนขับเคลื่อนไปด้วยประสิทธิภาพ ปราศจากอุปสรรค ด้วยประสบการณ์ของตนและครม.จะไม่มีเวลาทดลองงาน ต้องปฏิบัติงานได้ทันทีอย่างมีประสิทธิภาพยันไม่แทรกแซงกระบวนยุติธรรมนายอนุทินกล่าวว่า ส่วนความกังวลประชาชนที่กังขาเรื่องจริยธรรมและกฎหมาย ที่บางครั้งพวกตนก็ไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกกลั่นแกล้งใส่ร้าย แต่วันนั้นได้ผ่านไปแล้ว สิ่งที่เป็นความกังวลใจของประชาชน ขอยืนยันว่าตนและรัฐบาลจะทำงานยึดความถูกต้องกฎหมายเป็นหลักเท่านั้น จะไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ตามที่มีผู้ห่วงใย จะให้กระบวนการยุติธรรมทำงานด้วยกลไกที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ ความยุติธรรมต้องมีให้ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ยัดเยียดปรุงแต่งหรือกลั่นแกล้งใส่ร้ายอย่างที่เคยมีผู้ปฏิบัติมา นอกจากไม่แทรกแซงแล้วจะเร่งรัดเปิดเผยกระบวนการยุติธรรมทุกอย่าง สามารถอธิบายให้ประชาชนเข้าใจในสิ่งที่สงสัย อะไรผิดจะดำเนินการทันทีตามกฎหมาย ไม่ใช่กฎหมู่สั่ง ครม.ห้ามป่วย ห้ามลา ห้ามหยุดนายอนุทินกล่าวว่า ส่วนการแก้รัฐธรรมนูญจะเดินหน้าตามกระบวนการที่กำหนดไว้ ซึ่งจะมีกระบวนการที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยในเร็วๆนี้ หลังจากนั้นจะยุบสภา ใน 4 เดือน เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน แม้มีเวลาไม่มาก แต่มั่นใจว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย จะทุ่มเททำงานเต็มที่ เวลาที่มีอยู่ 4 เดือน ตนและ ครม. จะไม่มีวันหยุด ไม่มีพักร้อน ถ้าเป็นไปได้ต้องไม่มีการเจ็บป่วย ไม่มีวันที่จะบอกว่าพักผ่อนกับครอบครัว ยกเว้นพักผ่อนตามความต้องการของร่างกาย เชื่อว่าคนที่มาเป็น ครม.จะมีสุขภาพยืนหยัดทำงานให้ประชาชนได้อย่างเต็มที่ จะเร่งขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ให้หลุดพ้นสถานการณ์วิกฤติในระยะเวลาที่มีอยู่ จะสร้างรากฐานที่มั่นคงให้รัฐบาลชุดต่อไปมาสานต่อการทำงานให้ประชาชนมีความอยู่ดีมีสุข ด้วยความยั่งยืน จะสร้างความรักสามัคคีคนในชาติ เป็นพลังพัฒนาประเทศไทย จะไม่ทำให้เจตนารมณ์ประชาชนที่มอบความไว้วางใจให้ต้องสูญเปล่า จะทุ่มเทสุดความสามารถ ทำงานตอบแทนบุญคุณแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดีต่อสถาบัน ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจรับใช้ประชาชน ให้สมกับความไว้วางใจที่ท่านมีให้แก่ตนในการเป็นนายกฯเผยโผ ครม.เสร็จแล้ว 99.97%ต่อมาเวลา 13.20 น.นายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงโผ ครม.ว่า ขณะนี้ 99.9725% เริ่มลงตัว เหลือแค่ปรับเปลี่ยน เขย่าอีกเล็กน้อยให้ลงล็อกอย่างสมบูรณ์ แต่ไม่ขอลงรายละเอียด โดยเฉพาะรายกระทรวง เช่น กระทรวงยุติธรรม เพราะ ครม.ต้องนำรายชื่อทั้งหมดทูลเกล้าฯ ตราบใดที่ยังไม่มีการโปรดเกล้าฯลงมา ยังไม่สามารถพูดหรือวิพากษ์วิจารณ์ได้ เมื่อถามว่ามีรายชื่อ รมต.คนนอกเพิ่มเติมเซอร์ไพรส์อีกหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ไม่มี แต่มีเชิญผู้มีความรู้และประสบการณ์และความทุ่มเทเสียสละเข้ามาทำงาน บางคนต้องทิ้งอาชีพราชการเข้ามาทำงาน เช่น ว่าที่ รมว.คลัง ยังมีอายุราชการอีก 6 ปี ต้องตัดสินใจสละเข้ามาช่วยทำงาน โผ ครม.จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เร็วที่สุด แต่การตรวจสอบประวัติ มีขั้นตอนมาก เพื่อให้มั่นใจว่าเราได้เสนอบุคคลที่มีคุณสมบัติถูกต้องตามรัฐธรรมนูญและบุคคลนั้นต้องรับรองตนเองด้วย ข้อมูลบุคคลบางคนที่ถูกนำเสนอผ่านข่าวสารต้องนำมาตรวจสอบด้วย ส่งให้ 5-6 หน่วยงาน แต่มั่นใจว่าจะเร่งตรวจสอบและส่งรายชื่อกลับมาโดยเร็ว เรื่องคุณสมบัติ ต้องยึดกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นที่ตั้งสแกนคุณสมบัติละเอียดยิบเมื่อถามถึงว่าที่ รมว.ยุติธรรม นายอนุทินตอบว่า ต้องเป็นคนที่มีความยุติธรรมเป็นที่ตั้ง เมื่อถามย้ำว่าต้องจับตาเป็นพิเศษหรือไม่ เพราะต้องกำกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ทำคดีฮั้ว สว. นายอนุทินตอบว่า ไม่ต้องจับตา ทุกคนทำงานตามหน้าที่ โดยนึกถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักจะไม่มีปัญหา จะเป็นใครถ้าเรียบร้อยแล้วจะเชิญลงมากินข้าวแนะนำต่อสื่อมวลชน ไม่มีการปิดบังคนไหนชัดเจนแนะนำให้ประชาชนรับทราบด้วย เมื่อถามว่า รมต.เศรษฐกิจเรียบร้อย รมต.ฝ่ายความมั่นคงเป็นอย่างไรบ้าง นายอนุทินตอบว่า ตั้งแต่มีการตอบรับมาร่วม ครม.ได้รับกระแสความมั่นใจจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะงานเกี่ยวข้องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ งานแก้ไขปัญหาแนวชายแดน เพราะเป็นบุคคลที่มีความสามารถมาก ด้านความมั่นคงขอให้รออีกนิด นายกฯ เป็นคนตั้งหากจะแต่งตั้งใครเพราะเกรงใจ ก็ต้องเกรงใจประชาชน เพราะรู้ว่าทำเพื่อใคร ต้องเป็นคนที่ดีที่สุดแน่นอนยึดหลักคิดดีทำดีบริหารบ้านเมืองเมื่อถามว่ามีหลักคิดในการทำหน้าที่อย่างไร นายอนุทินตอบว่า ทำตามกรอบกฎหมาย อย่างที่สื่อเคยเห็นว่าตนเป็นคนคิดดีทำดี ไม่เคยโกรธแค้นใคร ไม่ต้องให้อภัยใคร เพราะไม่เคยโกรธใคร อาจมีโมโหบ้าง แต่ในช่วงข้ามคืนก็หายไป ยกมือไหว้ ยิ้มให้กันก็หาย เมื่อคิดมาตลอดว่าปีหน้า 60 ปีแล้วคิดเช่นนี้ ทำให้เห็นได้ว่าตนได้รับความร่วมมือจากบุคคลหลากหลายคนที่ไปเชื้อเชิญมาไม่หวั่นพรรค พท.ตั้งแท่นสอยเมื่อถามถึงกรณี สส. พรรคพท.เข้าชื่อ ถึงประธาน สภาฯ ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณีที่พรรคภท.และพรรค ปชน.ร่วมกันทำ MOA เข้าข่ายครอบงำพรรคการเมือง ก้าวก่ายแทรกแซงเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ นายอนุทินตอบว่า ทุกอย่างเป็นไปตามสิทธิตามกฎหมาย ข้อเสนอและข้อตกลงที่พรรคภท.มีต่อพรรค ปชน. ไม่ต่างกับพรรค พท.ได้นำเสนอ ก่อนมีการลงมติให้ตนได้เป็นนายกฯ ครั้งนั้นพรรค พท.เสนอว่า หากพรรค ปชน.โหวตเลือกนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯพรรค พท.จะยุบสภาในทันที ถ้าหากพรรค ปชน.ยอมรับ ก็ถือว่าเป็นข้อตกลง แต่พรรค ปชน.กับพรรค พท.คงต้องมีมากกว่า MOA เพราะพรรค พท.เคยผิดสัญญามาแล้ว และเรื่องนี้ควรต้องไปถามพรรค พท.มากกว่า จึงไม่กังวลเนื่องจากสิ่งที่พรรค พท.เคยทำเราก็ทำตาม ยกเว้นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเปิด “วรภัค” ทาบนั่ง รมช.คลังจากนั้นเวลา 13.30 น. นายอนุทิน เดินลงมาที่ร้านกาแฟจาริสต้า ที่ชั้น 1 ของภริยา ได้สั่งชาดำเย็นหวาน 25% และเบอร์เกอร์เดนิช จากนั้นได้ไปนั่งพูดคุยกับนายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย พร้อมกล่าวกับ สื่อมวลชนว่า นายวรภัคจะมาเป็น รมช.คลัง เคยเป็นประธานที่ปรึกษานายพิชัย ชุณหวชิร อดีต รมว.คลังรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ มีหลายเรื่องต้องสานต่อ จึงเรียนเชิญมาช่วยงานไม่ได้เกี่ยงว่าเป็นคนของรัฐบาลที่แล้ว แต่ดีใจมากที่ได้มาร่วมงาน ตั้งใจเชิญมาอยู่แล้ว พอทราบว่าเคยร่วมงานกับนายพิชัยเป็นเรื่องที่ดี จะได้ไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ ทุกอย่างจะได้ต่อเนื่อง รู้จักกลไกกระทรวงการคลัง เป็นหนึ่งในทีมเจรจาภาษีสหรัฐฯ เคยพูดคุยกับอธิบดีมาหลายกรม ที่สำคัญตนกับนายวรภัครู้จักกันมา 30 ปีแล้ว รวมถึงภรรยาท่านด้วยไม่หวั่นความท้าทายแก้หนี้ครัวเรือนด้านนายวรภัคกล่าวว่า รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติที่นายกฯชวนมาร่วมงาน ในชีวิตนี้เป็นครั้งแรกที่เดินเข้าพรรคการเมือง ช่วง 1 ปีที่ผ่านมาได้มาช่วยนายพิชัย รู้จักนายพิชัยเป็นการส่วนตัวมาเกือบ 30 ปี ท่านเป็นคนดี คนเก่ง ตั้งใจทำงานและตนมีประสบการณ์ทำงานอยู่ในตลาดทุนมา 30 ปี มาช่วยงานนายพิชัย 1 ปี เป็นเหมือนครูใหญ่ พี่เลี้ยงและโชคดีที่กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานที่มีบุคลากรเก่งๆเยอะ ความท้าทายอาจจะมีหลากหลายในแง่การเงินการคลัง ทั้งหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน รายรับของประเทศและรายจ่าย เป็นปัญหาท้าทายหลายอย่าง แต่หากสังเกตที่นายกฯเลือกคนที่มาช่วยงานครั้งนี้ จะเห็นได้ว่าเลือกแต่บุคลากรที่มีเป้าหมายตรงกันคือเข้ามาช่วยจริงๆ แก้ปัญหาจริงๆ ตนไม่ได้เป็นนักการเมือง จริงๆมาทางสายตลาดเงินตลาดทุน แต่เห็นนายกฯมีความตั้งใจและส่วนตัวรู้จักกันมานานแล้ว ศรัทธาท่านมานานอยู่แล้ว เลยเต็มใจมาช่วยงาน หวังว่าจะทำให้งานสานต่อได้โดยไม่สะดุดยิ่ง รมว.คลังเป็นลูกหม้อกระทรวงการคลังงานต่อเนื่องได้เลยนายกฯรับบทนักข่าวถือไมค์สัมภาษณ์ขณะที่บรรยากาศระหว่างการพูดคุย นายอนุทินได้เป็นกันเอง เพราะช่วงที่สัมภาษณ์นายวรภัค นายอนุทินหยิบไมค์ของสื่อมวลชนไปให้ เนื่องจากกลัวเสียงไม่ชัด แต่เมื่อถือไปสักพัก ได้บอกสื่อมวลชนว่า พอแล้วและกล่าวติดตลกว่า หนัก จากนั้นนายอนุทินเข็นรถวีลแชร์บิดามาส่งที่รถ และนางทัศนีย์ มารดาขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับ โดยนายเศรณีหอมแก้มคุณปู่ด้วย ก่อนที่นายอนุทินขอตัวไปประชุมต่อ“สีหศักดิ์” ลั่นรักษาอธิปไตยเต็มที่วันเดียวกัน นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ว่าที่ รมว.ต่างประเทศ เดินทางเข้าพรรค ภท.เพื่อพบกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ที่ร้านกาแฟจาริสต้าร์ ชั้น 1 ของพรรค ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการเตรียมงานนโยบายด้านการต่างประเทศ นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ได้คุยกับนายกฯบ้างแล้ว และนายกฯได้แถลงจุดยืนไปบ้างแล้ว แต่หลังจากนี้คงต้องมีการคุยเป็นเรื่องเป็นราว เพื่อแลกเปลี่ยนไอเดียกัน เมื่อถามว่ากรณีที่วันที่ 7 ก.ย. มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ใช่ๆ นายกฯปรึกษาว่าเราจะแก้ปัญหาอย่างสันติ และต้องรักษาอธิปไตยของเราอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นแนวทางของเรา แต่ขอยังไม่ลงรายละเอียด“คุณหญิงอ้อ” ส่งดอกไม้ร่วมยินดีขณะที่เวลา 15.10 น. ที่พรรค ภท. คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และมารดาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯให้ตัวแทนเดินทางมาที่พรรค ภท. เพื่อนำช่อแจกันดอกไม้มาแสดงความยินดีกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. ภายหลังมีพระบรม ราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกฯ ช่อแจกันดอกไม้มีนามบัตรตัว P เขียนว่า พจมาน ดามาพงศ์ และเวลา 16.45 น. มีกระเช้าดอกไม้ของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ และ พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน ภริยา ส่งมาแสดงความยินดีกับนายอนุทินเช่นกันปลัด–3 อดีตอธิบดี มท.ตบเท้ายินดีเวลา 14.10 น. อดีตอธิบดี 3 คน กระทรวงมหาดไทย คือนายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวง มท. และอดีตอธิบดีกรมที่ดิน นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง มท. และอดีตอธิบดีกรมการปกครอง และนายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผู้ตรวจ ราชการกระทรวง มท.และอดีตอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มาแสดงความยินดีกับนายอนุทิน ทั้ง 3 คนถูกโยกย้ายออกจากอธิบดียุคที่นายภูมิธรรม เวชยชัย เป็น รมว.มหาดไทย จากนั้นเวลา 14.40 น. นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทยนำแจกันดอกไม้เข้าร่วมยินดีด้วย นายอรรษิษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้พูดคุยเรื่องการทำงาน แค่มาแสดงความยินดี การแก้ไขปัญหาให้ประชาชนโดยมีเวลาเพียง 4 เดือน ขึ้นอยู่กับ ครม.ชุดใหม่และนายกฯ ส่วนนายไชยวัฒน์กล่าวว่า อยู่ที่นี่อยู่แล้ว เมื่อถามว่าใจชื้นขึ้นหรือไม่ นายไชยวัฒน์กล่าวว่า ใจนิ่งอยู่แล้ว ก่อนที่นายพรพจน์จะเสริมว่าไม่มีอะไร เป็นธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างผู้น้อยกับผู้ใหญ่ เมื่อถามว่ามีข่าวนายกฯจะไปนั่ง รมว.มหาดไทยด้วย นายไชยวัฒน์กล่าวว่า ท่านไม่ได้บอกอะไรทำเอกสาร ครม.ให้เรียบร้อย 8 ก.ย.กระทั่งเวลา 16.40 น. นายอนุทินเปิดเผยสั้นๆว่า วันที่ 8 ก.ย.จะทำเอกสารเรื่องคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เรียบร้อย และอาจจะไม่ได้เดินทางเข้ามายังที่พรรค ภท. ก่อนที่นายอนุทินจะเดินไปยังร้านกาแฟจานิสต้า และบอกว่า “ยังไม่ได้กินข้าว ขอไปกินข้าวก่อน ระหว่างนั้นนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ แคนดิเดต รมว.คลัง และนายวรภัค ธันยาวงษ์ แคนดิเดต รมช.คลัง เดินเข้าไปหารือกับนายอนุทิน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งบรรดาสื่อมวลชนที่มารอนายกฯ ที่พรรคว่านายกฯขอเป็นส่วนตัวโผ ครม. “อนุทิน 1” เขย่าอีกรอบผู้สื่อข่าวรายงานว่า โผ ครม.อนุทิน 1 เสร็จไปแล้ว 99.9% ในส่วนของพรรค ภท.แกนนำจัดตั้งรัฐบาลมีการเขย่าปรับใหม่อีกรอบ โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯควบ รมว.มหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย ส่วน รมว.วัฒนธรรม กำลังหาคนที่เหมาะสมเชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล เดิมนั่ง รมว.การท่องเที่ยวฯ แต่ต้องปรับใหม่หลังพรรคกล้าธรรม (กธ.) ไม่ได้ รมว.กลาโหม ทำให้นายสุรศักดิ์ถูกขยับไปนั่ง รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม นางศุภมาส อิศรภักดี เดิมนั่ง รมว.ดีอี ต้องขยับมานั่ง รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ“ชาญชัย” สายตรงนั่ง รมว.ยธ.นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.คมนาคม นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.คมนาคม นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รมว.คลัง นายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รมว.พลังงาน ส่วนตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม มีชื่อคนนอก คือ พล.ต.ท.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล อดีตรอง ผบช.ภ.3“ธรรมนัส” ไป ก.ท่องเที่ยว “ณัฐ” คุม กห.ส่วนพรรคกล้าธรรมได้ 7 เก้าอี้ เดิม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จะนั่ง รมว.กลาโหม แต่พรรค ภท.ขอสลับให้ไปเป็น รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เนื่องจากต้อง หลีกทางให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่จะส่ง พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม น้องรักสายตรงมานั่งเป็น รมว.กลาโหม ทำให้ ร.อ.ธรรมนัสต้องทำใจยอมรับไปโดยปริยาย นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ได้เป็น รมว.เกษตรฯ นายไผ่ ลิกค์ นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ รมช.เกษตรฯ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ นายองอาจ วงษ์ประยูร สส.สระบุรี รมช.ศึกษาธิการ นายอัครา พรหมเผ่า รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์“ตรีนุช” ได้เก้าอี้ รมว.แรงงานสำหรับพรรคพลังประชารัฐ ได้ 4 เก้าอี้ โดยนายสันติ พร้อมพัฒน์ ได้รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน ส่วนอีก 2 รมช. ยังไม่เคาะทั้งชื่อและกระทรวง เพราะยังตกลงกันไม่ได้ เนื่องจากภายในพรรคมี 6 กลุ่ม พยายามต่อรองกันอยู่ โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 8 ก.ย. เพื่อเคาะและส่งรายชื่อให้พรรค ภท.ต่อไป“นิพนธ์” จ่อส่งลูกสาวนั่ง รมช.พณ.ขณะที่กลุ่มนายสุชาติ ชมกลิ่น แกนนำกลุ่ม 16 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ 3 เก้าอี้ โดยนายสุชาติ เป็นรองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ คนสนิทนายสุชาติ ได้เป็น รมว.อุตสาหกรรม นายธนกร วังบุญคงชนะ รมช.มหาดไทย ส่วนกลุ่มของนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย ได้ 1 ตำแหน่ง โดยนายศักดิ์ดานั่ง รมว.ที่เหมาะสม พรรค ภท.ยังไม่เคาะ นายนริศ ขำนุรักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ตัวแทนกลุ่มนายศักดิ์ดา นั่ง รมช.แต่ยังไม่ได้เคาะเป็นกระทรวงใด ขณะที่กลุ่มนายนิพนธ์ บุญญามณี ได้รับเก้าอี้ รมช.พาณิชย์ โดยเตรียมส่ง น.ส.นิธิยา บุญญามณี ลูกสาวของนายนิพนธ์มาเป็นพท.ยื่นศาล รธน.สอย “อนุทิน–เท้ง”ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า สส.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสภาฯร่วมกันเข้าชื่อยื่นต่อประธานสภาฯส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยสมาชิกภาพการเป็น สส.ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (2) มีเนื้อหาสรุปว่า พรรค ภท.รวมเสียง สส.ได้ไม่เกิน 146 เสียง จาก สส.ที่มีอยู่ในปัจจุบัน 492 เสียง ไม่สามารถหาเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งได้ จึงทำข้อตกลงกับพรรค ปชน.ว่า สส.พรรค ปชน.จะให้ความเห็นชอบนายอนุทินเป็นนายกฯคนใหม่ โดยพรรค ปชน.ไม่เข้าร่วมรัฐบาล ภายใต้เงื่อนไขที่พรรค ปชน.และพรรค ภท.ให้นายกฯคนใหม่ยุบสภาใน 4 เดือน นับตั้งแต่วันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เห็นว่าการกระทำนายอนุทินและนายณัฐพงษ์ขัดต่อรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมืองดังนี้ 1.ใช้สิทธิและเสรีภาพล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รัฐธรรมนูญ มาตรา 14 ระบุว่า สส.และ สว.ไม่อยู่ในความผูกมัดหรือความครอบงำใดๆ การที่นายอนุทินและนายณัฐพงษ์ทำข้อตกลงร่วมกันดังกล่าว เป็นการที่ สส.ปฏิบัติหน้าที่โดยอยู่ในความครอบงำของพรรคประชาชน เพื่อประโยชน์พรรคประชาชน ข้อตกลงดังกล่าวขัดหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่ต้องให้รัฐบาลมีเสียงข้างมากจาก สส. เพื่อสร้างความมีเสถียรภาพการบริหารแผ่นดินซัด 2 พรรคเข้าข่ายฮั้วผลประโยชน์2.การกระทำพรรค ภท.และพรรค ปชน.มีลักษณะแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน ให้นายอนุทินได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ ถือว่าพรรค ภท.ยินยอมให้พรรค ปชน.ครอบงำ ชี้นำ กิจกรรมพรรค ภท.ให้ขาดความเป็นอิสระ ส่วนพรรค ปชน.กระทำการครอบงำ ชี้นำกิจกรรมของพรรค ภท. เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 28 และมาตรา 29 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ถือเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีไม่ได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การกระทำของนายอนุทินและนายณัฐพงษ์ ถือว่าฝ่าฝืนมาตรา 185 (1) และ (2) ของรัฐธรรมนูญ ทำให้สมาชิกภาพของการเป็น สส.สิ้นสุดลงตามมาตรา 101 (7) ขอให้ ประธานสภาฯส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยให้สมาชิกภาพการเป็น สส.ของนายอนุทินและนายณัฐพงษ์สิ้นสุดลงเฉพาะตัวต่อไป“วันนอร์” ส่งเรื่องไปศาล รธน. 8 ก.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือที่พรรค พท.ยื่นต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพการเป็น สส.ของนายอนุทินและนายณัฐพงษ์ นายวันมูหะมัดนอร์ยังไม่ได้ลงนามเพื่อส่งคำร้องดังกล่าวไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากคำร้องที่ส่งมาเมื่อวันที่ 5 ก.ย. ต้องใช้เวลาตรวจสอบความถูกต้องของการลงลายมือชื่อจนถึงเวลา 16.30 น. จึงเห็นว่าควรส่งให้ตามขั้นตอนในวันที่ 8 ก.ย. โดยมี สส.ที่ร่วมเข้าชื่อกว่า 60 คน เป็น สส.พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชาติงัดดาบยื่นซักฟอกไม่รอ 4 เดือนเมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรค พท. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.แถลงว่า พรรคพท.ยืนยันจะทำงานเต็มที่ในฐานะฝ่ายค้าน ตรวจสอบรัฐบาลตั้งแต่วินาทีแรก พร้อมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจทันทีที่พบการใช้อำนาจโดยมิชอบ จะตรวจสอบทั้งคดีที่ดินเขากระโดง คดีฮั้ว สว. จับตาทุกฝีก้าว หากพบการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ทั้งกรณีเขากระโดง คดีฮั้ว สว. พรรคพร้อมเข้าชื่อเปิดอภิปรายทั่วไป ไม่ไว้วางใจนายกฯทันที แม้จะยังไม่ครบกำหนด 4 เดือน การตั้งรัฐบาลครั้งนี้แตกต่างจากการตั้งรัฐบาลพรรค พท.ปี 66 เพราะพรรค พท.ยกมือสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ 2 ครั้ง แต่ทุกพรรคปฏิเสธพรรคก้าวไกล จึงต้องตั้งรัฐบาลไม่มีพรรค ก.ก. แต่สิ่งที่พรรค ปชน. ทำวันนี้คือยกมือสนับสนุนพรรค ภท.ตั้งรัฐบาลอนุรักษนิยม แต่บทบาทพรรค ปชน.ยังไม่จบ ต้องทำหน้าที่เป็นองค์ประชุมสภาให้พรรค ภท.เป็นสิ่งผิดปกติการทำหน้าที่ฝ่ายค้านซัดเลิกจินตนาการดัน “บิ๊กตู่” คัมแบ็กน.ส.ขัตติยากล่าวว่า ส่วนที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนระบุว่า พรรคประชาชนโหวตนายอนุทินเพื่อฝ่าทางตันไม่ให้เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้งนั้น พรรค ปชน.ต้องเลิกจินตนาการสร้างทางตันเทียมเป็นข้ออ้าง การเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยอยู่ในสมการเรา เพราะยังมีนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นแคนดิเดตนายกฯพรรค พท. พรรค พท.ยังแข็งแรง พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มกำลัง ไม่ยอมให้กระบวนการประชาธิปไตยถูกบิดเบือน รัฐบาลอาจเปลี่ยนขั้ว แต่พรรค พท.ไม่เปลี่ยนหัวใจยันขวัญกำลังใจ สส.ยังดีน.ส.ขัตติยากล่าวถึงกรณีการตั้งข้อสังเกตนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ บินออกนอกประเทศ 1 วัน ก่อนการโหวตเลือกนายกฯ อาจทำให้กำลังใจของพรรค พท.หายไปว่า ทุกคนกำลังใจดี นายทักษิณโพสต์แล้วว่าจะกลับมา จึงไม่กระทบขวัญกำลังใจสส. เมื่อเปลี่ยนบทบาทเป็นฝ่ายค้านแล้วต้องมาวางยุทธศาสตร์ที่จะทำ เมื่อถามว่าหากมีการยุบสภาจริง พรรค พท.วางคนที่จะส่งลงสนามเลือกตั้งไว้แล้วหรือไม่ น.ส.ขัตติยาตอบว่า ต้องพูดคุยกันในคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อวางยุทธศาสตร์ สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับพรรค ส่วน สส. 8 คนไปโหวตสนับสนุนนายอนุทิน ไม่ได้แปลกใจคาดเดาได้อยู่แล้ว“ทวี” รอดูโฉมหน้า ครม.ชุดใหม่พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชาติ (ปช.) กล่าวถึงการร่วมเข้าชื่อเพื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยสมาชิกภาพของนายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคภท. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ปชน. เพราะมีพฤติกรรมล้มล้างการปกครองว่า พรรค พท.เป็นหลักดำเนินการเพราะต้องมีรัฐบาลที่ธำรงหลักนิติธรรม ไม่ถูกแทรกแซง ขณะนี้ต้องรอดูหน้าตา ครม.ชุดใหม่ จากนั้นจะเป็นประเด็นการตรวจสอบคุณสมบัติ เมื่อถามว่ามีประเด็นยื่นศาลรัฐธรรมนูญกรณีคุณสมบัตินายกฯคนใหม่และกรณีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ใช่หรือไม่ เพราะมีประเด็นถูกตรวจสอบทั้งคดีฮั้ว สว.และที่ดินเขากระโดง พ.ต.อ.ทวีตอบว่า เรื่องนี้ทำเมื่อใดก็ได้ เราต้องเป็นฝ่ายค้านอย่างมีเหตุผลเชื่อ พท.–ปชน.ยังทำงานร่วมกันได้พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ส่วนการทำงานร่วมกับพรรค ปชน.ในฐานะฝ่ายค้าน สส.ต้องคำนึงถึงประโยชน์ประชาชนเป็นสำคัญ ไม่ต้องห่วงเพราะไม่ได้มาค้านกันเรื่องผลประโยชน์นักการเมือง แต่ค้านบนผลประโยชน์ประชาชน แม้มีมุมมองแตกต่างกัน แต่ที่ผ่านมาเคยทำงานร่วมกันมาด้วยดีกับพรรค พท. เราเป็นฝ่ายค้านมีประสิทธิภาพ วันนี้พลวัตแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้น มีรัฐบาลเสียงข้างน้อย พรรค ปชน.ต้องรู้ตัวว่าต้องทำงานยึดกฎหมาย เดิมต้องใช้อำนาจองค์กรอิสระตรวจสอบ แต่ขณะนี้อำนาจเสียงส่วนใหญ่อยู่ที่สภาฯมีฝ่ายค้านเกือบ 300 เสียง แค่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีหมดอำนาจแล้ว เมื่อถามถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พ.ต.อ.ทวีตอบว่า ยื่นได้หลังจากที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภาฯ แต่พรรคร่วมฝ่ายค้านยังไม่ได้คุยกัน“อมรัตน์” อัด พท.อันธพาลชนวันเดียวกัน นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตสส.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์เฟซบุ๊กกรณีมีหนังสือพรรค พท.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะนายณัฐพงษ์ และนายอนุทินให้ปมทำ MOA ว่า ออกทะเลไปไกล แบบนี้เรียกอันธพาลชน ยิ่งทำให้พรรคตกต่ำลงอีกหรือไม่ เพราะพรรค พท.ก็ตอบรับข้อเสนอทุกข้อของพรรค ปชน.ไม่ต่างกับพรรค ภท.ระหว่าง 4 เดือนนี้ตั้งหลักใหม่ ทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้คนเห็นผลงาน วางแผนหาเสียง ทำนโยบายดีๆแล้วกลับมาขอโอกาสจากประชาชนอีกครั้งจะดีกว่าเยอะ สุดท้ายผลจะออกมาว่า MOA เป็นแค่ข้อตกลงร่วมมือไม่มีผลทางกฎหมายใดๆ เพื่อไทยจะยิ่งเสียทั้งเข้าเนื้อและประจานตัวเอง“วิโรจน์” เชื่อ รบ.ลากยาวไม่ได้ที่ จ.ชลบุรี คณะ กมธ.พลังงาน สภาฯ ที่มี น.ส.วรรณิดา นพสิทธิ์ สส.ชลบุรี พรรค ปชน.รองประธาน กมธ.จัดโครงการสัมมนาการส่งเสริมความรู้ด้านพลังงาน หัวข้อ “พลังงานในยุคเปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” มีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรค ปชน.เป็นแขกรับเชิญพิเศษ กล่าวตอนหนึ่งถึงการตัดสินใจของพรรค ปชน.ทำ MOA กับพรรค ภท.ว่า รัฐบาลจะทำตามเงื่อนไขหรือไม่ ต้องขอให้ติดตามดู 2 ประการสำคัญคือ 1.หน้าตา ครม.เป็นอย่างไร รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงเป็นไปตามที่ได้ทำข้อตกลงไว้หรือไม่ หากไม่เป็นไปตามข้อตกลง ไม่จำเป็นต้องรอถึง 4 เดือน 2.หากตั้ง ครม.ได้แล้ว ส่อไปในทิศทางหรือก่อให้เกิดความเสียหาย พรรค ปชน.พรรคฝ่ายค้านหลักจะทำหน้าที่อภิปราย ชี้แจงให้ประชาชนทราบทันที ยืนยันเราจะทำหน้าที่ตรวจสอบเต็มที่ เชื่อว่ารัฐบาลไม่สามารถลากยาวอยู่ในตำแหน่งได้ สุดท้ายรัฐบาลจะถูกตัดสินว่าทำตามที่พูดหรือไม่ เมื่อเข้าสู่คูหาเลือกตั้งทสท.ชงแก้ปัญหาปากท้อง–มั่นคงด้านพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ออกแถลงการณ์ข้อเสนอถึงนายกฯเร่งแก้ปัญหาความมั่นคงชายแดน ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชน ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับโดย ส.ส.ร.ควรดำเนินการหลังจากมีการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นตามที่ได้ตกลงกันในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ต้องไม่แตะต้องหมวด 1 และหมวด 2 เพื่อธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักและความมั่นคงของชาติ การทำประชามติควรแก้ไขหลักๆ 1.ที่มานายกฯควรมาจาก สส. 2.การแก้ปัญหา สส.งูเห่าที่ขัดต่อจริยธรรม ทำลายการสร้างพรรคการเมืองให้เป็นสถาบันการเมือง 3.การวางหลักนโยบายแห่งรัฐ สิทธิ เสรีภาพประชาชนและการขจัดกฎหมายที่เป็นอุปสรรคการทำมาหากินของประชาชนให้เป็นรูปธรรมและมีผลบังคับได้ 4.บทบาทภาคประชาชนตรวจสอบองค์กรอิสระ ร่วมมือจริงจังผลักดันสร้างการเมืองและระบบราชการสุจริต“ฮุน มาเนต” ส่งสารยินดี “นายกฯหนู”วันเดียวกัน นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารแสดงความยินดีกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หลังจากได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของไทยอย่างเป็นทางการ โดยนายฮุน มาเนต ระบุว่าชัยชนะของนายอนุทินเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อมั่นอย่างยิ่งที่คนไทยมีต่อนายอนุทิน และหวังว่า ประเทศไทยจะพัฒนาไปข้างหน้าภายใต้การนำของนายอนุทิน นอกจากนี้นายฮุน มาเนต แสดงความหวังว่ารัฐบาลกัมพูชาและรัฐบาลไทยจะทำงานร่วมกันเพื่อรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศให้ดีขึ้นหลังจากที่ความสัมพันธ์ถดถอยลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเสริมสร้างความเชื่อมั่น รวมทั้งเปลี่ยนพรมแดนสองประเทศ ให้เป็นพื้นที่แห่งสันติภาพ ความร่วมมือ การพัฒนา และความรุ่งเรืองร่วมกันอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่