สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA เปิดเผยรายงานสะท้อนบทบาทของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในโลกธุรกิจ เมื่อ AI ไม่ได้แค่ทำงาน แต่ก้าวล้ำไปถึงขั้นร่างสัญญาทั้งฉบับ แถมยังตั้งเงื่อนไขได้เอง จบดีลอัตโนมัติไปจนถึงสั่งจ่ายเงินโดยไม่ต้องรอมนุษย์กดอนุมัติ แต่เบื้องหลังความสะดวกนี้ อาจซ่อนความเสี่ยง หาก AI ร่างสัญญาผิดพลาด ใครต้องรับผิดชอบเมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกสิ่ง รวมทั้งการทำธุรกิจ ซึ่งเรื่อยไปถึงการทำสัญญาแบบดิจิทัล ที่ใช้เทคโนโลยีช่วยจัดทำ ดำเนินการ และสิ้นสุดผลผูกพันได้โดยระบบอัตโนมัติแบบครบวงจร หรือที่เรียกกันว่าสัญญาอัตโนมัติหรือ “Automated Contract” ซึ่งกำลังเป็นรูปแบบของการทำสัญญาที่ธุรกิจเริ่มนิยมใช้กันมากขึ้นแทนการทำนิติกรรมสัญญาในรูปแบบกระดาษ ที่ทุกขั้นตอนต้องดำเนินการโดยมนุษย์ในทุกขั้นตอน Automated Contract คือ สัญญาที่ทำขึ้นและดำเนินการโดยอัตโนมัติผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นระบบซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์มออนไลน์ หรือระบบอัตโนมัติ อย่างปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ทำหน้าที่ตั้งแต่การร่างเนื้อหา จัดเก็บ ตรวจสอบเงื่อนไข และกระทำตามข้อกำหนดในสัญญา โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยการดำเนินการจากมนุษย์ในบางขั้นตอนหรือตลอดวงจรชีวิตของสัญญาในบางกรณีระบบสามารถดำเนินกระบวน การที่เกี่ยวข้องได้อย่างครบถ้วน เช่น การชำระเงิน การออกใบแจ้งหนี้ การส่งมอบสินค้า การแจ้งเตือนวันครบกำหนด หรือแม้แต่การยุติสัญญาตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เป็นต้น 1 ในรูปแบบของ Automated Contract ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ Smart Contract บนเทคโนโลยี Blockchain ที่เขียนคำสั่งล่วงหน้าให้ระบบสามารถดำเนินการต่างๆได้ทันทีที่เงื่อนไขในสัญญาถูกเติมเต็ม โดยไม่ต้องมีบุคคลที่ 3 เข้ามายืนยัน ปัจจุบันมีการประยุกต์ใช้ Automated Contract กันในหลายประเทศ เช่น การนำ AI มาผูกกับอุตสาหกรรม IoT สร้างสัญญาให้เกิดการซื้อขาย เมื่อทำตามเงื่อนไขได้ครบ เช่น บริษัทพรินเตอร์แห่งหนึ่งตั้งค่า AI ให้ตรวจสอบระดับน้ำหมึก หากพบว่าใกล้หมด ระบบจะสั่งซื้อน้ำหมึกโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องมีมนุษย์สั่งการ หรือในธุรกิจประกันภัยการเกษตร ที่ใช้ระบบ AI ประเมินจากข้อมูลสภาพอากาศว่า พื้นที่ใดมีแนวโน้มเกิดภัยแล้ง หากตรงตามเกณฑ์ ระบบจะดำเนินการจ่ายค่าสินไหมให้เกษตรกรทันที โดยไม่ต้องมีการโต้เถียงกันระหว่างผู้เอา ประกันและผู้รับประกัน หรือบริการดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์ ในกรณีที่มีการปรับเปลี่ยนราคาสินค้าหรือบริการ หรือในกรณีที่ลูกค้าจ่ายค่าสมัครสมาชิกครบถ้วน ระบบจะอนุมัติสิทธิ์การเข้าถึงบริการและออกใบเสร็จโดยอัตโนมัติ ตามข้อตกลงในสัญญา เป็นต้นอย่างไรก็ตาม การใช้งานสัญญาอัตโนมัติหรือ Automated Contract นำไปสู่การตั้งคำถามต่อความความรับผิดชอบ ว่าควรปล่อยให้ AI พิจารณาและมีเจตนาแทนมนุษย์หรือไม่ เพราะการทำสัญญาต้องมี 2 ส่วนสำคัญคือคู่สัญญา และเจตนาในการทำสัญญา หาก AI เข้ามามีเจตนาและตัดสินใจแทนมนุษย์ ซึ่งอาจจะไม่ได้ยินยอมตามนั้นทั้งหมด อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ ยกตัวอย่าง กรณีของโปรแกรมสนทนาหรือ Chatbot ในสนามบินแห่งหนึ่ง ซึ่งให้ข้อมูลผิดพลาดแก่ผู้ใช้บริการ โดยตอบคำถามเกี่ยวกับส่วนลดที่ไม่มีอยู่จริง ส่งผลให้ผู้ใช้บริการได้รับความเสียหายเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในการทำธุรกรรมทางการค้า คณะกรรมาธิการกฎหมายการค้าระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ หรือ UNCITRAL (The United Nations Commission on International Trade Law) ได้จัดทำกฎหมายแม่แบบ (Model Law) โดยเฉพาะในกรณีของ Automated Contract โดยมีแกนหลักสำคัญ ได้แก่ รับรองผลทางกฎหมายของสัญญาอัตโนมัติ มีผลทางกฎหมาย โดยเจ้าของระบบไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้, ระบุความรับผิดชอบของมนุษย์ต่อการกระทำของ AI เมื่อมีการใช้ AI เช่น แชตบอทตอบลูกค้า แต่อาจเกิดความผิดพลาด ผู้ที่นำ AI มาใช้จะต้องรับผิดชอบ, การยกเว้นความผูกพันทางกฎหมายในกรณีเหตุสุดวิสัย ได้แก่ ผู้ใช้งานระบบอัตโนมัติไม่สามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผลว่าจะเกิดการกระทำนั้นขึ้น.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทความไซเบอร์เน็ต” เพิ่มเติม