อีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น สายตาของทั้งโลกจะจับจ้องไปที่แอปเปิลกับการเปิดตัว iPhone 17 Series วันที่ 9 กันยายนนี้ ในงาน Awe Dropping Event คาดกันว่าพร้อมเปิดจองล่วงหน้า 12 กันยายน และเริ่มวางขายจริง 19 กันยายน 2568จากข่าวที่รั่วไหลออกมากจนถึงขณะนี้หลายสัญญาณบ่งชี้ชัดว่าครั้งนี้แอปเปิลไม่ได้มาเพียงอัปเกรดเล็กน้อย แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่อาจทำให้เราต้องคิดใหม่เรื่องสมาร์ทโฟนทั้งหมดในปีนี้คาดหมายจะแนะนำ 4 รุ่น คือ iPhone 17, iPhone 17 Pro, iPhone 17 Pro Max และ iPhone 17 Air โดยจะไม่มี iPhone 17 Plusไฮไลต์ที่ทำให้หลายคนอึ้งคือการมาของ iPhone 17 Air ที่บางเพียง 5.5 มิลลิเมตร ขนาดจอ 6.6 นิ้ว เปรียบเทียบกับรุ่นก่อน เช่น iPhone 16 Pro ที่มีความบาง 8.25 มม. ชี้ให้เห็นว่า iPhone 17 Air อาจบางลงถึงเกือบ 35–40% สะท้อนถึงการก้าวกระโดดด้านเทคโนโลยีการผลิตที่แอปเปิลลงทุนอย่างจริงจังแต่ความบางย่อมต้องแลกกับบางสิ่ง กล้องหลังถูกลดเป็นกล้องเดี่ยวขนาด 48MP รองรับเฉพาะ eSIM แบตเตอรี่เล็กลงเหลือ 3,000 mAh และ RAM เหลือ 8GB ทว่าด้วยรูปลักษณ์ที่บางเฉียบ เบา และหรูหรา รุ่นนี้น่าจะเป็นคำตอบของคนที่รอคอยมือถือสไตล์พรีเมียมในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน iPhone 17 รุ่นธรรมดาที่ไม่ธรรมดาสำหรับรุ่นมาตรฐาน ปีนี้แอปเปิลจัดเต็มอย่างไม่เคยมีมาก่อน iPhone 17 หน้าจอ 6.3 นิ้ว รองรับ ProMotion 120Hz ที่เคยมีเฉพาะรุ่น Pro ถูกส่งต่อมาให้รุ่นธรรมดาแล้วกล้องหน้าอัปเกรดครั้งใหญ่จาก 12MP เป็น 24MP เพื่อตอบโจทย์ยุคผู้คนที่ชื่นชอบถ่ายเซลฟี่และวิดีโอคอลเป็นกิจวัตร RAM ขยับขึ้นเป็น 12GB ช่วยให้ทำงานหลายแอปได้ลื่นไหล ขณะที่ระบบชาร์จเร็ว MagSafe รุ่นใหม่รองรับกำลังสูงถึง 45W ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหาที่ผู้ใช้บ่นกันมานานiPhone 17 Pro และ Pro Max (ที่อาจเปลี่ยนชื่อเป็น Ultra) เป็นคำตอบของคนทำงานคอนเทนต์ กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 48MP ทุกเลนส์ พร้อมการถ่ายวิดีโอระดับ 8K หน้าจอที่สว่างกว่าเดิม และแบตเตอรี่ที่แอปเปิลยืนยันว่าดีที่สุดในตลาด ชิป A19 หัวใจแห่งการเปลี่ยนแปลงทุกรุ่นมาพร้อมชิป A19 ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะเสริมศักยภาพด้าน AI อย่างก้าวกระโดด ทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการ iOS 26 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ Apple Intelligenceสิ่งที่หลายฝ่ายจับตาไม่แพ้การออกแบบตัวเครื่อง คือความก้าวหน้าด้านปัญญาประดิษฐ์ของ Apple เพราะ iPhone 17 ทุกรุ่นจะมาพร้อมชิป A19 ที่คาดว่าจะเสริมศักยภาพ AI อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อทำงานร่วมกับ iOS 26 จะเป็นการเริ่มต้นบทใหม่ของ Apple Intelligenceที่น่าสนใจคือแอปเปิล กำลังพัฒนาระบบค้นหาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ภายใต้โครงการ “World Know ledge Answer” ซึ่งมีแผนเปิดตัวในปี 2026 ระบบนี้จะผสานเข้ากับ Siri เพื่อเปลี่ยนจากผู้ช่วยสั่งงานธรรมดาให้กลายเป็น เครื่องมือตอบคำถามที่ครอบคลุม และฉลาดขึ้น รองรับการแสดงผลทั้งข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และข้อมูลพื้นที่ใกล้เคียงผู้ใช้จะสามารถค้นหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ รวมทั้งเว็บไซต์ผ่านระบบใหม่นี้ Apple ยังได้ร่วมมือกับ Google นำโมเดล Gemini มาใช้ในการพัฒนา ทำให้ Siri รวมถึงระบบค้นหาใน Safari และ Spotlight มีความสามารถในการประมวลผลและตอบคำถามได้ดียิ่งขึ้นWorld Knowledge Answers จะช่วยให้ Siri ตอบคำถามได้แม่นยำ มีบริบท และเป็นประโยชน์มากขึ้น โดยสามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากอุปกรณ์ผู้ใช้กับข้อมูลออนไลน์ พร้อมฟีเจอร์สรุปผล AI ที่ช่วยให้คำตอบกระชับและเข้าใจง่ายนี่คือการยกระดับ Siri และระบบค้นหาของแอปเปิลครั้งใหญ่ เพื่อแข่งขันกับ OpenAI, Perplexity AI และ Google ที่ต่างเร่งพัฒนาแชตบอตและเครื่องมือค้นหาอัจฉริยะ ขณะเดียวกันเป็นการวางรากฐานให้ผู้ใช้ได้สัมผัสประสบการณ์ AI ใหม่ในระบบนิเวศของ Apple อย่างครบถ้วน คาดการณ์ราคาจำหน่ายทางด้านราคาจำหน่ายคาดการณ์ล่าสุดสำหรับ iPhone 17 ซีรีส์ ในสหรัฐฯ iPhone 17 128GB คาด 799 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยราคานี้คงที่ไม่เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า iPhone 17 Air 256GB 1,099 ดอลลาร์ สูงกว่ารุ่น Plus เดิมถึง 200 ดอลลาร์ ส่วน iPhone 17 Pro ราคา 1,199 ดอลลาร์เพิ่มขึ้นจากรุ่น 16 Pro ประมาณ 200 ดอลลาร์ และ iPhone 17 Pro Max 1,299 ดอลลาร์ สูงกว่ารุ่นก่อนหน้า 100 ดอลลาร์สาเหตุราคาสูงขึ้นมาจากผลกระทบด้านภาษีและต้นทุนวัสดุที่สูงขึ้น รวมถึงนวัตกรรมต่าง ๆ เช่น ชิป A19, ระบบระบายความร้อน Vapor chamber, กล้อง 48MP เทเลโฟโต้, แบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้นกว่า 5,000 mAh ในรุ่น Pro Max และดีไซน์บางเฉียบของรุ่น Air ที่ใช้ไทเทเนียมนอกจากนี้ในงานนี้คาดหมายจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์อื่นๆด้วย อาทิ Apple Watch Series 11, Apple Watch Ultra 3 และ AirPods Pro 3 ทั้งหมดนี้เป็นการคาดการณ์จากข่าวลือต่างๆที่ออกมาล่วงหน้าก่อนที่แอปเปิลจะเปิดเผยอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 กันยายนที่จะถึงนี้.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทความไซเบอร์เน็ต” เพิ่มเติม