กล้า “ยุบสภา” หรือ? กลายเป็นประเด็นที่หยิบยกกันขึ้นมาเป็นเกมเพื่อต่อรองกันอีกมุมหนึ่ง เพราะสาระจริงๆนั้นอยู่ที่พรรคประชาชนจะเลือกหนุนใครเป็นนายกรัฐมนตรีระหว่าง...“อนุทิน ชาญวีรกูล” จาก “ภูมิใจไทย” กับ “ชัยเกษม นิติสิริ” จาก “เพื่อไทย”แต่ทั้ง 2 ค่ายต่างก็พอจะอ่านหมากออกว่า “ประชาชน” ได้เลือกแล้วว่าจะสนับสนุนใคร เพราะมีข่าวออกมาว่ามีการร่างเอ็มโอยูเรียบร้อยแล้วเพียงแต่ยังไม่ได้ลงนามเท่านั้นเรื่องนี้ต้องไปถาม “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ผู้นำจิตวิญญาณของ “ประชาชน” ดูได้ที่พรรคประชาชนประชุมกันยาวเหยียด 2 วันก็ว่ากันไปตามรูปแบบของพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นประชาธิปไตยที่รับฟังความเห็นของทุกคนแต่ความจริงตกลงกันเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว!“ภูมิใจไทย” รู้ “เพื่อไทย” ย่อมรู้ได้...ฉันใดก็ฉันนั้นจึงไม่แปลกที่ “เพื่อไทย” พยายามออกข่าวว่าจะ “ยุบสภา” เพื่อทำให้พรรคประชาชนสนับสนุนแคนดิเดตของพรรคคือกันท่าเอาเชิงไว้!แต่เจอพรรคประชาชนสวนกลับทันทีว่าจะยุบก็ยุบได้เลยไม่ต้องมารอเป็นที่รู้กันดีว่าการยุบสภานั้นเป็นอำนาจเฉพาะของนายก รัฐมนตรี รักษาการนายกรัฐมนตรีนั้นไม่สามารถกระทำได้แม้จะยังไม่เคยเกิดเหตุมาก่อนก็ตามดังนั้นอย่าได้แปลกใจว่าเรื่องยุบสภานั้นไม่มีใครพรรคไหนกลัวทั้งสิ้น เพราะรู้ดีว่าสถานการณ์เวลานี้ไม่สามารถทำได้เพียงแต่ “เพื่อไทย” ต้องการให้ประชาชนยกมือสนับสนุนคนของพรรคให้เป็นนายกรัฐมนตรีเพื่ออำนาจการเมืองเบอร์ 1 ต่อไปเป็นที่รับรู้กันดีว่าแม้เงื่อนไขที่พรรคประชาชนเสนอว่าจะต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน แต่ในความเป็นจริงแล้วสามารถอยู่ในอำนาจยาว 8-9 เดือนด้วยเหตุและปัจจัยในขั้นตอนต่างๆเพราะแม้จะยุบสภาใน 4 เดือน แต่ก็ต้องทำหน้าที่รักษาการยาวกว่าจะเลือกตั้งกว่าจะได้นายกรัฐมนตรีใหม่ต้องใช้เวลา“เพื่อไทย” ก็หวังว่าเวลา 8-9 เดือนนี้จะสามารถมีอำนาจเพื่อทำอะไรที่เป็นประโยชน์แก่พรรคได้มากพอสมควรอย่างเช่นการสร้างผลงานที่ยังค้างและเปิดผลงานใหม่ๆได้“เพื่อไทย” นั้นไม่ต้องการยุบสภาอยู่แล้ว เพราะไม่มีความพร้อม ผลงานก็ไม่มี ภาพลักษณ์ก็เกิดความเสียหาย อย่างเช่นเรื่องไทยกับกัมพูชาแต่ที่จำใจต้องยอมรับเงื่อนไขพรรคประชาชนก็เพราะไม่มีทางเลือกอย่างอื่นเพราะ “ภูมิใจไทย” จะเข้ามากุมอำนาจรัฐเอาไว้ทั้งหมดอันจะส่งผลดีต่อการเลือกตั้ง และสามารถที่จะสางแค้นที่ถูก“เพื่อไทย” ย่ำยีมาหลังจากออกมาเป็นฝ่ายค้านก็เท่ากับทำให้ “เพื่อไทย” ย่ำแย่ลงไปอีก!ในสนามเลือกตั้งที่ต้องต่อกรกับพรรคประชาชนน้ำหนักหมัดก็จะเบาลงไป เพราะความนิยมลดฮวบ“ทักษิณ ชินวัตร” จุดขายสำคัญก็อยู่ในอาการที่ไม่ค่อยดีนักพรรคประชาชนในฐานะผู้เลือกไม่ใช่ผู้ถูกเลือกจึงสามารถใช้โอกาสนี้จัดการให้เข้าที่เข้าทาง คือการจัดระเบียบใหม่ใครควรอยู่ตรงไหนก็ต้องไปอยู่ตรงนั้น!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม