ขณะที่ผมเขียนต้นฉบับวันนี้สถานการณ์การเมืองเรื่อง “เลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 32” ยังคงร้อนฉ่า และยังคาดเดาไม่ถูก ว่า จะลงเอยอย่างไร? สำหรับ “3 ทางแพร่ง” ที่รออยู่ข้างหน้า1.“ยุบสภา” หรือ 2.“พรรคเพื่อไทยได้เสนอชื่อนายชัยเกษม” หรือ 3.“พรรคภูมิใจไทยได้เสนอชื่อนายอนุทิน”เหตุผลสำคัญจากข่าวคราวรอบด้านที่ประมวลได้ก็คือ พรรคประชาชน ซึ่งเนื้อหอมที่สุดและมีคะแนนเสียงอยู่ในมือถึง 143 เสียง ยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะสนับสนุนพรรคใดล่าสุดสถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างไร? หันมาตกล่องปล่องชิ้นกันได้หรือไม่? พรรคประชาชนสนับสนุนพรรคใด? ท่านผู้อ่านคงทราบข่าวก่อนผม ซึ่งต้องเขียนต้นฉบับล่วงหน้ากันไปเรียบร้อยผมเองเคยเรียนท่านผู้อ่านไว้แล้วว่า สำหรับผม หากการเมืองของเราจะดำเนินไปในทางใดทางหนึ่งของทาง “3 แพร่ง” ข้างต้นนี้ เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ทั้งสิ้น เพราะถือว่าอยู่ในกฎกติกาของรัฐธรรมนูญฉบับที่เรากำลังใช้อยู่นี้ทุกประการขณะเดียวกัน ผมก็เคยเขียนไว้บ้างแล้วว่า แม้ทั้ง “3 แพร่ง” จะไม่มีแพร่งใด หรือหนทางใดเลยที่จะเป็นหนทาง “บวก” แก่การแก้ปัญหาทั้งทางเศรษฐกิจที่หนักหนาสาหัส และปัญหาชายแดนที่ยังคงตึงเครียด มีแต่ “ลบมาก” หรือ “ลบน้อย” เท่านั้นทางเลือกที่ดีที่สุดและจะทำให้ประเทศชาติเสียหายน้อยที่สุดก็คือ ทางเลือกที่ “ลบน้อย” ที่สุดนั่นเองเท่าที่ผมประมาณการและหาเหตุผลมาวิเคราะห์ทั้ง 3 หนทาง ณ นาทีนี้คะแนนในตารางวิเคราะห์ของผมออกมาดังนี้ครับลบมากที่สุด ถ้าพรรค เพื่อไทย ได้รับเลือกจากสภาให้บริหารต่อ โดยมี นายชัยเกษม เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะความสามารถเฉพาะตัวและสุขภาพของท่านยังเป็นปัญหาใหญ่ ทำให้ถ่วงคะแนนไปพอสมควรในการให้คะแนนของผมแต่ตัวถ่วงที่สำคัญที่สุดก็คือ การบริหารจัดการปัญหาชายแดนกัมพูชาครั้งนี้ ที่ความจริงแล้วไม่ควรจะมีอะไรรุนแรงเกิดขึ้นเลย เพราะ นายฮุน เซน ซึ่งยังมีอิทธิพลคับฟ้าของกัมพูชานั้นได้แสดงความสนิทสนมกับผู้นำตัวจริงของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด...เมื่อเกิดการแตกหักจนทำให้บานปลายมาสู่ความขัดแย้งอย่างรุนแรงเช่นนี้ ความเคลือบแคลงสงสัยว่ามีอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลัง และน่าจะมาจากเรื่องส่วนตัวของทั้ง 2 ฝ่าย จึงเป็นเรื่องที่ยากจะลบล้างได้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีใหม่มาเป็นนายชัยเกษม ปัญหานี้ก็จะยังไม่หมดไป การประท้วงการแสดงความไม่พอใจต่างๆ นานา อาจจะยังแรงต่อไป เป็นปัญหาอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่หนักที่สุดดังกล่าวเพราะหากยึดเงื่อนเวลาที่เป็นเงื่อนไขว่ายุบสภาใน 3 เดือน รัฐบาลชุดนี้จะอยู่ได้อีกประมาณ 8-9 เดือน คือ ช่วงปฏิบัติหน้าที่ตามข้อตกลง+ด้วยช่วงรักษาการระหว่างยุบสภา เพื่อการเลือกตั้งใหม่อีกไม่เกิน 60 วัน ตามที่อาจารย์ ธงทอง จันทรางศุ ประมาณไว้ ซึ่งยาวนานพอสมควร จะเป็นผลให้สถานการณ์ต่างๆทรุดลงไปอีกลบอันดับ 2 ถ้านายอนุทินได้รับเลือกโดยคะแนนลบหลายๆเรื่องที่เป็นจุดอ่อนของพรรค ภูมิใจไทย ตามที่เป็นข่าวในขณะนี้ เช่น เรื่อง “ที่ดินเขากระโดง” เรื่อง “ฮั้ว สว.” แต่ก็ยังน้อยกว่าคะแนนลบของ เพื่อไทย ในกรณีปัญหากับกัมพูชารวมความแล้ว หาก นายอนุทิน ได้รับเลือก ยังไงๆ “การติดลบ” ก็ยังน่าจะเกิดขึ้นอยู่ แต่จะน้อยกว่า นายชัยเกษมได้รับเลือกลบน้อยที่สุด คะแนนของผมอยู่ที่ ยุบสภา ทันทีเลยครับ...ถ้ายุบได้...เพราะเราจะทนอยู่กับสถานการณ์อึมครึม ช่วงรัฐบาลนี้รักษาการระหว่างเลือกตั้งเพียงไม่เกิน 60 วัน ที่มีการเลือกตั้งเท่านั้น จากนั้นก็จะได้รัฐบาลใหม่? นายกรัฐมนตรีคนใหม่? จากการเลือกตั้งครั้งใหม่ ซึ่งน่าจะมีอะไรดีขึ้นกว่าเดิม เพราะแต่ละพรรคมีโอกาสที่จะเปลี่ยนหรือถ่ายเลือดใหม่เพิ่มเติมให้ประชาชนเลือกระหว่างหาเสียงทั้งหมดนี้เป็นความเห็นของผมครับ และขอย้ำอีกครั้ง ผลจะลงเอยในทางใด ผมยอมรับได้ทุกทางเพราะอยู่ในเส้นทางประชาธิปไตยที่เราต้องการเป็นอย่างยิ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ!“ซูม”คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม