กองทัพภาค 2 แฉกัมพูชาบินโดรนก่อกวนไม่เลิก ล่าสุดพบใน 3 พื้นที่สำคัญ 3 จังหวัด รวมกว่า 30 ลำ ด้านสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เข้าเก็บหลักฐานที่ปราสาทตาเมือนธม-วัดไทยฯ พบความเสียหายหลายจุด เป็นหลักฐานสำคัญชี้ชัดกัมพูชาโจมตีโบราณ สถานและศาสนสถาน ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศร้ายแรง เตรียมยื่นฟ้องนานาชาติทุกช่องทาง รวมถึงยูเนสโก ขณะที่ “บิ๊กเล็ก” ยืนยันพบระเบิดแสวงเครื่องปราสาทตาควายเป็นของกัมพูชา มอบอำนาจแม่ทัพภาคจัดการ หากพบวางต่อหน้าให้กลับไปแต่วิญญาณ ส่วน “มทภ.2” ชี้ปัญหาชายแดนแก้ยากเหตุติดอยู่สองอย่าง “แผ่นดินติดกัน-คนกัมพูชาคุยไม่รู้เรื่อง”แม้ไทยกับกัมพูชามีข้อตกลงหยุดยิง แต่สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กลับยังไม่นิ่ง เมื่อฝ่ายไทยพบทหารกัมพูชายังรุกล้ำเขตแดนไทย เข้ามาวางทุ่นระเบิดสังหาร และใช้พลเมืองตัวเองสร้างสถานการณ์ยั่วยุอยู่ตลอดพบโดรนกัมพูชาบินสอดแนมเมื่อวันที่ 2 ก.ย.ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 เผยแพร่เอกสารแถลงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ณ เวลา 14.00 น. สถานการณ์โดยรวม ตรวจพบความเคลื่อนไหวทหารฝ่ายกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบโดรนบริเวณพื้นที่ช่องอานม้า (อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี) 4 ครั้ง 8 ลำ พื้นที่สัตตะโสม-ภูผี-โดนตวน (อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ) 7 ครั้ง 23 ลำ และพื้นที่ช่องสายตะกู (อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์) 1 ลำ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามอย่างใกล้ชิด ขณะที่กองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นตนเอง ฝ่ายไทยจัดกำลังพลประจำจุดเฝ้าตรวจตามเหตุการณ์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้าม และเตรียมความพร้อมปฏิบัติตอบโต้ตามสถานการณ์ผู้อพยพยังอยู่เฉียดครึ่งพันส่วนการดูแลผู้อพยพ อำนวยความสะดวกประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงภัยไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือน 5 ศูนย์ ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี 1 ศูนย์ 58 คน ในพื้นที่ จ.สุรินทร์ 4 ศูนย์ 424 คน ปัจจุบันมียอด 482 คน เนื่องจากมีความวิตกกังวล ทั้งนี้ ทางฝ่ายปกครองได้จัดชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน เข้าดูแลพื้นที่บ้านเรือนของประชาชนอย่างต่อเนื่องได้หลักฐานกัมพูชาถล่มปราสาท–วัดด้าน พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่ากองทัพบกยังปฏิบัติภารกิจลงพื้นที่ตรวจสอบ เก็บหลักฐานเหตุการณ์สู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม หลังจากสถานการณ์ปะทะชายแดนคลี่คลายลง และหน่วยอีโอดีของทหารและตำรวจได้เข้าเคลียร์พื้นที่จนปลอดภัยแล้ว โดยเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ได้เก็บหลักฐานพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม และวัดไทยนิยมพัฒนาราม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ตรวจสอบความเสียหาย ดังนี้ 1.พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม 4 จุด ได้แก่ ด้านนอกปราสาทด้านทิศตะวันออก ซุ้มประตูด้านทิศตะวันออก ลานหน้าปราสาทบริวารด้านทิศตะวันตก และปราสาทบริวารด้านทิศตะวันตก 2.วัดไทยนิยมพัฒนาราม 3 จุด ได้แก่ กุฏิวัด 2 จุด และต้นไม้ใกล้ศาลาฟ้องยูเนสโกโจมตีโบราณสถานพ.อ.ริชฌา ระบุอีกว่า การโจมตีโบราณสถานและสถานที่ทางศาสนาเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์เหล่านี้ จะถูกส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ดำเนินการในเวทีระหว่างประเทศ เช่น การยื่นเรื่องต่อองค์กรเฉพาะทางอย่างยูเนสโก เพื่อปกป้องมรดกทางวัฒนธรรม การแสวงหาความยุติธรรมผ่านกระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศ ไปจนถึงการใช้ช่องทางการทูตต่อไปสอยเลยหากเจอกัมพูชาวางระเบิดขณะที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ระบุถึงการตรวจพบระเบิดแสวงเครื่องแถวปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ ว่าจากการตรวจสอบและได้รับรายงานพบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่อง จากลูกระเบิดปืน ค. และพิสูจน์ทราบแล้วว่าเป็นของฝ่ายกัมพูชา หลักฐานยืนยันชัดเจนว่าทหารกัมพูชานำมาวาง อย่างที่ตนเคยพูดมาตลอดว่าแม้รัฐบาลกัมพูชาจะออกมาระบุว่าตั้งใจจะมีการพูดคุยก็ตาม แต่ทหารกัมพูชากลับไม่มีวินัยและยังยั่วยุอยู่ตลอด ได้สั่งการไว้ 2 อย่างในขั้นนี้ ให้นำหลักฐานมาประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศ และให้พยายามลาดตระเวนเฝ้าตรวจ หากพบในช่วงที่เขามาวางระเบิดให้จัดการได้เลย อย่างที่เคยพูดเอาไว้ ถ้ามาวางไว้ กลับไปก็กลับไปแต่วิญญาณก็แล้วกัน ยืนยันแม้สถานการณ์ทางการเมืองยังไม่นิ่ง แต่ไม่ส่งผลกระทบกับชายแดน เนื่องจากมี พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ได้มอบอำนาจให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและ ผบ.เหล่าทัพ แม่ทัพภาค มีอำนาจในการป้องกันอธิปไตย ป้องกันประเทศได้ และมีกฎการใช้กำลังของกระทรวงกลาโหมระบุไว้อย่างชัดเจน จึงขอประชาชนอย่ากังวลมทภ.2 ชี้กัมพูชาล้ำแดนมานานวันเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ร่วมบรรยายหัวข้อ “วิสัยทัศน์ หลักธรรมะและการวางยุทธศาสตร์ป้องกันชายแดน” ระบุถึงสถานการณ์ ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า เหตุผลที่เข้าตีกัมพูชา เนื่องจากกัมพูชารุกล้ำเข้ามานานแล้ว งานในหน้าที่เมื่อถึงเวลาก็ต้องทำ การสู้รบต้องเกิดการสูญเสีย มีทหารบาดเจ็บ 660 คน เสียชีวิต 18 คน แม่ทัพต้องเยี่ยมทุกคนยอมรับว่าอึดอัด แต่ไม่ใช่เหนื่อยเพราะทหารแนวหน้าเหนื่อยกว่า ทุกคนอยากได้แผ่นดินคืน ส่วนตัวชอบอยู่กับลูกน้อง โชคดีที่ได้อยู่ในยุทธบริเวณแล้วเกิดเหตุการณ์ไทย-กัมพูชา รวมถึงประเด็นคลิปเสียงสมเด็จฮุน เซน ที่อาจเป็นเรื่องบังเอิญ หรือบุญบารมีพระสยามเทวาธิราช ที่เปิดความจริงหลายอย่างให้คนไทยได้เห็น และด้วยสัจจะลูกผู้ชายหลังเกษียณไม่เล่นการเมืองแน่นอน หาที่ปฏิบัติธรรมรอไว้แล้ว จะอยู่เป็นกลาง ดูความถูกต้องของประเทศไทยต้องยึดแผนที่ 1 ต่อ 5 หมื่นแม่ทัพภาคที่ 2 ระบุด้วยว่า ปัญหาชายแดนมี 2 อย่างที่ต้องแก้คือ เรื่องภูมิประเทศและเรื่องคน ความยากของชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะพื้นดินติดกัน คนกัมพูชาคุยกันไม่รู้เรื่องรวมทั้งใช้ทหารนำสร้างความขัดแย้งแล้วไปฟ้องพี่ใหญ่ เป็นมุกตื้นๆที่ไทยต้องเท่าทัน ตอนนี้อยู่ในช่วงหยุดยิงชั่วคราว แต่กัมพูชาพูดอย่างทำอย่าง ไทยต้องยืนยันแผนที่ 1 ต่อ 5 หมื่น ทุกวันนี้ทหารกัมพูชารอฟังคำสั่งผู้นำคนเดียว ขณะที่กัมพูชายังเต็มไปด้วยบ่อนกาสิโน ผีพนันคนไทยข้ามไปเล่นทำให้กัมพูชาเร่งเปิดด่าน ดังนั้น จะเปิดด่านเมื่อคุยกันรู้เรื่อง กัมพูชาถ้าคุยกับผู้นำคนเดียวได้ปัญหาก็จบ ทหารไม่ได้มีผลประโยชน์ มองว่าหน้าที่คนไทยคือการสนับสนุนตัวแทนที่ดีไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง คนที่จะเป็น รมว.กลาโหม ต้องรู้เรื่องสถานการณ์โลก ทั้งนี้ไม่ได้ตำหนิรัฐบาลปัจจุบันชี้จุดเปลี่ยนอยู่ที่ปิดตาเมือนธมจากนั้นในช่วงตอบคำถามของ นศ.ในหลายประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ไทย-กัมพูชา พล.ท.บุญสิน ย้ำถึงช่วงสำคัญของสถานการณ์อยู่ที่การตัดสินใจปิดปราสาทตาเมือนธม ยอมรับว่ามีข้อกังวล แต่ทหารเตรียมพร้อมทุกอย่าง สุดท้ายเป็นไปตามที่คิด เพื่อยึดแผ่นดินคืนมาเท่าที่ทำได้ อาจมีบางคนบอกแม่ทัพภาคที่ 2 ตรวจพร้อมรบ แค่เอาหล่อ เท่ ก็แล้วแต่ แต่เราต้องเตรียมพร้อมไม่ไปหวังน้ำบ่อหน้า ย้ำว่าทหารไม่ยุ่งการเมือง มีหน้าที่ปกป้องประเทศ ทำตามคำสั่งที่ถูกต้อง คำพูดนี้ต้องอยู่ในปากทหาร รู้จักนักการเมืองเกือบทั้งสภา รวมทั้งนายกรัฐมนตรี แต่คนที่อยู่ในตำแหน่งต้องชี้แจงเอง จะเป็นไม้หลักปักขี้เลนไม่ได้ และแม้เกษียณจากแม่ทัพแต่ไม่เกษียณจากความเป็นคนไทย หากสถานการณ์ดีขึ้นจะจัดกิจกรรมวิ่งเทรลที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ รับลมหนาวย้ำภูมะเขืออยู่ในเขตแดนไทยพล.ท.บุญสินยังกล่าวถึงที่มีกระแสข่าวว่ามีการนำหน่วยกองบัญชาการองครักษ์ ที่เป็นหน่วยขึ้นตรงกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เข้าพื้นที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ ส่อนัยว่าจะยึดพื้นที่ภูมะเขือคืนหรือไม่ว่า เป็นเรื่องปกติ เราติดตามความเคลื่อนไหวอยู่ เขาก็ติดตามความเคลื่อนไหวของเราเช่นกัน เราปฏิบัติตามเงื่อนไขการประชุม GBC ที่ผ่านมา ส่วนกัมพูชาอาจเป็นการมาเยี่ยมเยียนกำลังพลในพื้นที่ตามปกติ หรือเป็นการเพิ่มเติมกำลังพลในส่วนที่ยังไม่เรียบร้อย มองว่าเป็นการบริหารจัดการของทหารกัมพูชาถือเป็นเรื่องปกติ แต่เราไม่ได้ประมาท ยืนยันภูมะเขือเป็นพื้นที่ที่ไทยครอบครองอยู่ อยู่ในพื้นที่อธิปไตยของประเทศไทยกัมพูชารู้ดี “สรัย ดึ๊ก” อยู่หรือตายส่วนกรณีกระแสข่าว พล.ท.สรัย ดึ๊ก ผู้บัญชาการกองกำลังสนับสนุนที่ 3 กัมพูชา เสียชีวิตแล้ว เป็นเรื่องจริงหรือไม่นั้น แม่ทัพภาคที่ 2 ตอบว่า คนที่รู้ดีที่สุดคือกัมพูชาให้เป็นการยืนยันจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงของทางกัมพูชาจะดีกว่าคณะ IOT มาจังหวัดตราดนอกจากนี้ เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 2 ก.ย.กองบัญชาการกองทัพไทย นำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team : IOT) ประกอบไปด้วย ผู้ช่วยทูตทหาร จาก 8 ประเทศสมาชิก อาเซียน ได้แก่ บรูไน มาเลเซีย ลาว อินโดนีเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม รวม 14 นาย มีหัวหน้าคณะคือ พล.ต.ซัมซุล ริซัล บิน มูซา ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย และ พล.ต.กรรณ บุญชัย รอง จก.ขว.ทหาร (หน.คณะฝ่ายไทย) พล.อ.ต.ศราวุธ เมาลานนท์ ผอ.สวส.ขว.ทหาร พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ น.อ.ชิตพล ก่อกิจสัมมากุล รอง ผอ.สวส.ขว. ทหาร พ.อ.นิโรธ ทองม่วง ผอ.กทท.สวส. ขว.ทหาร พ.อ.ยุทธพล สุจริต แม่กองสนามสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา เดินทางมาสำรวจสถานการณ์จริงในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและ ตราด ท่ามกลางการเฝ้าสังเกตการณ์ของเจ้าหน้าที่กัมพูชา ในบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านจามเยี่ยม อ.มณฑลเสมา จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา พร้อมบันทึกภาพการมาครั้งนี้ของฝ่ายไทยและคณะทูตด้วยความสนใจมั่นใจท่าทีและความจริงใจต่อมา พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า การนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวประจำประเทศไทย ที่มีผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซีย และคณะผู้ช่วยทูตทหารจากอีกหลายประเทศมาในครั้งนี้ เพื่อให้คณะได้เห็นภาพรวมและรับทราบข้อมูลพื้นฐานของสถานการณ์ชายแดนในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและตราดอย่างแท้จริง จะช่วยสร้างความเข้าใจต่อท่าทีของฝ่ายไทยที่ต้องการให้เกิดสันติภาพและความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดนเป็นสำคัญ สำหรับการเจรจาผ่านที่ประชุมคณะกรรมการ ชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ครั้งล่าสุด ถือว่ามีความคืบหน้าไปตามลำดับ โดยฝ่ายไทยยินดีที่ได้รับการตอบสนองที่ดีจากฝ่ายกัมพูชาในหลายประเด็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่จะนำเสนอเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ในอนาคตอันใกล้นี้ เราเชื่อมั่นว่าสิ่งที่พยายามสื่อสารให้คณะผู้สังเกตการณ์ฯ เข้าใจมากที่สุดคือความตั้งใจจริงของฝ่ายไทย และหวังว่าคณะทูตทหารจะสามารถสื่อสารเรื่องนี้กลับไปยังหน่วยเหนือ จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความร่วมมือและนำไปสู่สันติภาพของทั้งสองฝ่ายต่อไปย้ำหลักเขตที่ 73 อยู่ในไทยพล.ร.ต.ปารัชกล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นปัญหาเขตแดนไทยและหลักเขตที่ 73 ว่าอยู่ถูกต้องหรือไม่นั้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องใช้เวลาในการเจรจา จะถูกหารือผ่านกลไกของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ ฝ่ายไทยย้ำถึงจุดยืนบริเวณหลักเขตที่ 73 โดยชี้แจงว่าหลักเขตดังกล่าวมีมานานแล้ว และฝ่ายไทยขอยืนยันในเขตอธิปไตยของไทยที่ได้แสดงให้เห็นถึงแนวเส้นปฏิบัติการทางทะเลที่ลากจากหลักเขตที่ 73 ซึ่งปรากฏอยู่ในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน พ.ศ.2544 (MOU 2544) ซึ่งกองทัพเรือยังคงยึดถือเป็นแนวปฏิบัติการในพื้นที่มาโดยตลอด ส่วนเขื่อนกันคลื่นที่กัมพูชาสร้างไว้ หลังฝ่ายไทยประท้วงไป ฝ่ายกัมพูชาก็ยุติการก่อสร้าง แต่ตัวเขื่อนยังไม่ถูกรื้อถอน และส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำในพื้นที่ เป้าหมายสูงสุดคือต้องการให้รื้อถอนและฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับสู่สภาพเดิม ซึ่งจะเป็นประเด็นในการเจรจาต่อไปจับ 16 กัมพูชาลอบข้ามแดนขณะที่ จ.สระแก้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 2 ก.ย. กองร้อยทหารพรานที่ 1204 ร่วมกับชุดลาดตระเวนกองพันทหารม้าที่ 30 กองกำลังบูรพา ปิดล้อมจับกุมชาวกัมพูชา จำนวน 16 คน เป็นชาย 11 คน หญิง 5 คน ขณะหลบซ่อนตัวอยู่ในไร่อ้อยริมชายแดนท้ายหมู่บ้านผ่านศึก เขต 3 หมู่ 5 ต.ผ่านศึก อ.อรัญประเทศ ทั้งหมดยอมรับว่าลักลอบเข้าไทยเพื่อมาหางานรับจ้างก่อสร้าง โดยเสียเงินค่านำมาคนละ 6 พันบาท จ่ายล่วงหน้าคนละ 1,500 บาท ส่วนที่เหลือจะจ่ายให้เมื่อไปถึงจุดหมายปลายทาง แต่ถูกเจ้าหน้าที่ไทยจับกุมได้ก่อน จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมด ส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ ดำเนินคดีต่อไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่