ก้าวต่อไปขององค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) กรุงเทพฯ ภายใต้การนำของ นายอาเบะ อิจิโระ ประธานคนใหม่ คือการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยมีแนวทางสำคัญได้แก่ “การสร้างความหลากหลาย” นอกจากภาคการผลิตที่แข็งแกร่งแล้ว เจโทรจะเน้นที่ภาคบริการ การส่งออก และส่งเสริม “นวัตกรรมแบบเปิด” ผ่านการเชื่อมโยงสตาร์ตอัพญี่ปุ่นกับสตาร์ตอัพและบริษัทไทย เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ตลาดอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของทั้ง 2 ประเทศขณะที่สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์เต็มไปด้วยความท้าทาย การกระจายความเสี่ยง ด้วยการขยายการส่งออกสินค้าและบริการไปหลายภูมิภาคจึงเป็นสิ่งจำเป็น เชื่อว่าการผนึกกำลังระหว่างธุรกิจไทยและญี่ปุ่นจะช่วยเปิดตลาดใหม่ได้ ทั้งในอาเซียน เอเชียใต้ หรือแม้แต่ตะวันออกกลางนอกจากนี้นายอาเบะยังมองว่าธุรกิจที่ดีควร แก้ปัญหาสังคม ได้ด้วย สำหรับประเทศไทยมีความท้าทายอย่างเช่น สังคมสูงอายุ ปัญหาสิ่งแวดล้อม และความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองกับชนบท สิ่งเหล่านี้เป็นโอกาสให้บริษัทไทยและญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพ เทคโนโลยี และบริการใหม่ๆ ที่เติบโตควบคู่กับการสร้างคุณค่าทางสังคมอย่างไรก็ตาม แม้ไทยจะเผชิญความไม่แน่นอนทางการเมือง ประธานเจโทรยังคงเชื่อมั่นต่อนโยบายดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติของรัฐบาลไทย พร้อมยกย่องจุดแข็งที่ไทยมีอยู่ ทั้งโครงสร้างพื้นฐานและห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งเชื่อมโยงกับประเทศอื่นๆในภูมิภาคในภาพรวม เจโทรยังคงมุ่งมั่นเป็น “พันธมิตร” ที่เติบโตเคียงข้างประเทศไทย ไม่ใช่เพียงแสวงหากำไรระยะสั้น แต่เป็นการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกันในระยะยาว.อมรดา พงศ์อุทัยคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม