คำตอบสุดท้าย 19% "โดนัลด์ ทรัมป์" ได้ลงนามกำแพงภาษีสำหรับประเทศไทย จาก 36% เป็น 19% ถือว่าไม่สูงเกินไปนัก ทำให้บรรดาภาคธุรกิจ เอกชนต่างพึงพอใจชื่นชมทีมเจรจาของรัฐบาลไทยทำหน้าที่ได้อย่างดีพูดง่ายๆคือไม่เดือดร้อนและไม่สร้างปัญหาให้กับไทยเพราะถ้าสหรัฐฯให้ไทยต้องจ่าย 36% นั่นแหละยุ่งแน่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีของไทยที่ไม่ต้องเจอกับปัญหาหนักมากนัก เพราะลำพังเศรษฐกิจในปัจจุบันก็ยังโงหัวไม่ขึ้นหากเจอปัญหาที่หนักมาเพิ่มเติมก็ไม่ต้องพูดกันแล้ว!จากนี้ไปก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่จะต้องแถลงรายละเอียดต่างๆว่ามีอะไรบ้างให้ประชาชนได้รับทราบเพื่อจะได้รับรู้และเตรียมตัวเพราะภาคเอกชนก็ยังต้องรู้รายละเอียด เนื่องจากแม้ตัวเลขจะไม่มากนัก แต่ก็มีผลกระทบที่จะตามมา เพราะยังต้องเสียภาษีสูงขึ้นอยู่ดีผู้ประกอบการและผู้ใช้แรงงานจะได้รับผลโดยตรง ประชาชนทั่วไปก็ต้องเจอเช่นกันสำหรับตัวเลข 19% นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศในกลุ่มอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย กัมพูชาเว้นแต่สิงคโปร์ที่ต่ำสุด 10% ที่สูงสุดก็คือ ลาว เมียนมา 40% บรูไน 25%ที่มีการจับจ้องมองมากสุดก็คือไทยกับกัมพูชา เนื่องจากเกิดปัญหาขัดแย้งจนกระทั่ง “ทรัมป์” ได้ขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดยิง และสร้างสันติภาพเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสงบซึ่งทั้ง 2 ประเทศก็ปฏิบัติตาม และสหรัฐฯกำหนดกำแพงภาษีเท่ากัน โดยมาเลเซียที่เข้ามาเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยก็ 19% เท่ากันหมด!ในภูมิภาคเอเชียนั้นไม่นับจีนแล้ว “อินเดีย” ซึ่งมีประชากรมากสุดในโลกก็มีปัญหา เพราะสหรัฐฯตั้งกำแพงภาษีไว้สูงและ ตั้งเงื่อนไขมากไม่ต่างไปจากจีน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลัก แต่สหรัฐฯดูเหมือนจะไม่ค่อยกล้าต่อกรมากนัก คือ มีความผ่อนปรนมากกว่าประเทศอื่นๆในปัจจุบันต้องยอมรับว่า “อินเดีย” เริ่มมีบทบาทในเวทีโลกเกือบทุกด้าน อีกทั้งเศรษฐกิจก็เติบโตขึ้นอย่างผิดหูผิดตาโดยเฉพาะการเป็นแกนนำสำคัญในกลุ่ม “บริกส์” ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับสหรัฐฯดังนั้น สหรัฐฯจึงต้องกดดันมากกว่าประเทศอื่นๆที่น่าสังเกตก็คือประเทศที่เป็นมิตรกับสหรัฐฯดูเหมือนจะได้รับการผ่อนปรนมากว่าประเทศที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ อียู ญี่ปุ่น ที่ได้รับการพิจารณาอย่างมิตรพิเศษสรุปก็คือกำแพงภาษีที่สหรัฐฯทำให้ประเทศต่างๆทั่วโลก ต้องเดือดร้อนด้วยนโยบายจัดระเบียบโลกใหม่นั้นไม่ได้มีมาตรฐานในเรื่องการค้าการลงทุนเท่าใดนักแต่เป็นเรื่องการเมืองและความสัมพันธ์ที่สหรัฐฯต้องการมากกว่าเพราะโดยพื้นฐานแต่ละประเทศได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน เพราะสหรัฐฯต้องการรายได้มากขึ้น อย่างที่เขาบอกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นมานี้เขาจะจัดเป็นโบนัสแจกให้ชาวอเมริกันเพื่อให้คนอเมริกันพึงพอใจว่าทุกอย่างที่เขาทำไปนั้นก็เพื่อนโยบาย “อเมริกามาก่อน”ถือว่าเป็นความแยบยลที่ได้ทั้งเงินทั้งกล่องแต่ทำให้ชาวโลกต้องหวั่นไหวตามไปด้วย!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม