นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. แถลงข่าว “โครงการบ้านนี้ไม่เทรวม : แยกขยะลดค่าธรรมเนียม” นับถอยหลัง 80 วัน จัดเก็บค่าธรรมเนียมขยะใหม่ในเดือน ต.ค.นี้ ว่า เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ กทม. ที่มีการแยกขยะตามกฎหมาย หลักง่ายๆ คือ การแยกขยะเปียกกับขยะแห้ง ในส่วนครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการมีขยะไม่เกิน 20 กิโลกรัมต่อวัน จะเสียค่าจัดเก็บขยะ 20 บาทต่อเดือนเท่าเดิม แต่ถ้าไม่เข้าร่วมโครงการจะเสีย 60 บาท จึงอยากให้มีการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน BKK WASTE PAY เยอะๆ ขอให้ทุกคนช่วยกันแยกตั้งแต่ต้นทาง เพราะจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะของ กทม.ประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท และสามารถนำขยะรีไซเคิลไปใช้ประโยชน์ นำไปขายหรือบริจาคได้ เปลี่ยนเป็นเงินได้ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวต่อว่า ในส่วนภาคเอกชนหรือผู้ประกอบการ ร้านอาหารที่มีขยะเกิน 20 กิโลกรัมต่อวัน จะมีการปรับค่าธรรมเนียมแพงขึ้น ในช่วงแรกจะมีการแจกถุงขยะ และแจกสติกเกอร์ให้สำหรับติดแยกขยะไว้ ทั้งนี้ ในการจัดเก็บขยะของแต่ละเขตจะมีรูปแบบที่ต่างกัน โดยบางแห่งจะมีรถย่อยๆ มาเก็บขยะเปียกก่อน เขตที่อยู่ในเมืองชั้นใน มีตรอก ซอกซอยเล็กๆ เยอะๆ ก็จะมีรถมอเตอร์ไซค์ไปรับขยะเปียกต่างหาก หรือเขตที่อยู่ไกล อย่างเขตลาดกระบัง และหนองจอก มีพื้นที่กว้าง ก็จะมีรถคันเดียวกันแต่จะมีถังแยกขยะเปียกไว้ต่างหาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้อำนวยการเขตต้องไปวางแผน และให้ความรู้กับประชาชนตระหนักถึงเรื่องนี้ด้วย“การปรับอัตราค่าจัดเก็บขยะในช่วงแรก จะมีการประเมินผลการดำเนินการทุกสัปดาห์ เป็นเรื่องที่ท้าทาย ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะที่ผ่านมา กทม.ยังไม่เคยทำเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม ถ้าทุกคนร่วมมือร่วมใจกันก็จะเปลี่ยนเมืองให้ดีขึ้น โดยขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนแล้วกว่าหลักแสนราย เชื่อว่านับถอยหลังอีก 80 วัน ฝั่งรับขยะของ กทม. เตรียมการค่อนข้างพร้อมแล้ว” นายชัชชาติกล่าว.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม