ในภาวะที่ประเทศไทยกำลังเจอกับพิษเศรษฐกิจตกต่ำ สงครามการค้าโลก เครื่องยนต์เศรษฐกิจที่ยังเป็นที่หวังพึ่งพาได้อย่างภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการ ก็กำลังอยู่ในภาวะทรงตัว ทั้งจากปัจจัยภายใน กำลังการใช้จ่ายของประชาชน และปัจจัยภายนอกเกี่ยวกับความเชื่อมั่นความปลอดภัยในการมาท่องเที่ยวในประเทศไทยโดยรัฐบาลก็เร่งเดินหน้าหามาตรการแก้ปัญหาภาคการท่องเที่ยวในทั้งสองปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการจัดงบฯรวมกว่า 3 พันล้านบาท โดยส่วนแรกออกมาตรการฟื้นฟูการท่องเที่ยวภายในประเทศ งบฯกว่า 1.75 พันล้านบาทในโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง เริ่มเดือน ก.ค.–ต.ค.นี้ เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว ทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยอีกส่วนหนึ่งก็นำไปใช้กระตุ้นตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน มีแคมเปญ “สวัสดี หนีห่าว” ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เชิญผู้นำทางสังคมประเทศจีนมาสัมผัสการท่องเที่ยวในประเทศไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่น การจัดกิจกรรมอีเวนต์กระตุ้นนักท่องเที่ยวในเมืองใหม่ๆของจีน ขยายตลาดท่องเที่ยวเพิ่มเติมล่าสุดทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้จัดแผนควิกวิน โครงการ “ไทยแลนด์ เซฟ ทราเวล แสตมป์” (Thailand Safe Travel Stamp) โดยมอบ “ตราสัญลักษณ์ด้านความปลอดภัย” ให้สถานประกอบการท่องเที่ยวไทย เพื่อปรับภาพลักษณ์และสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวประเทศจีนนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ออกมาระบุถึงสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.–22 มิ.ย.2568 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาสะสมแล้วกว่า 16 ล้านคน ฟื้นตัวในทุกกลุ่มตลาด โดยเฉพาะกลุ่มตลาดระยะไกล ขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะใกล้ก็ฟื้นตัว จากปัจจัยการเริ่มปิดภาคเรียนสถานศึกษาในจีนทั้งนี้แม้ รมว.การท่องเที่ยวฯจะมั่นใจภาคการท่องเที่ยวของไทยดีขึ้น แต่ข้อเท็จจริงหลายฝ่ายก็ยังเป็นกังวล ไม่ว่าจะเป็นความไม่พร้อมมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งมีปัญหาการลงทะเบียนร่วมโครงการผ่านแอปฯ ทุลักทุเลจนนาทีสุดท้าย ขณะที่มาตรการกระตุ้นในต่างประเทศก็ยังไม่เพียงพอจึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเพิ่มการสนับสนุน เป็นหลังบ้านให้ ททท.แก้ปัญหาทุกเรื่อง โดยเฉพาะปัจจัยด้านความปลอดภัยในการท่องเที่ยวที่มีผลกระทบ นอกจากตลาดนักท่องเที่ยวเชิงปริมาณย่านเอเชียอย่างประเทศจีนจำนวนลดลง และถ้าหากปล่อยไว้ก็จะกระทบกับนักท่องเที่ยวตลาดคุณภาพที่มีการใช้จ่ายสูงจากฝั่งยุโรปได้เช่นกัน.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม