ตำรวจนครบาลจับทันควัน 2 ใน 7 แก๊ง “เสือปุ่น” ปล้น 3.4 ล้านบาท ในห้างดังย่านลาดพร้าว พร้อมของกลางเงินสด 1.9 ล้านบาท ที่เป็นส่วนแบ่งได้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี เค้นสอบ 1 ในผู้ต้องหาเป็นสาวสองรับหลอกซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี ผ่านกลุ่มเฟซบุ๊ก ลวงผู้เสียหาย 3 คนมาซื้อขายเงินคริปโตฯ โดยก่อนหน้าลวงซื้อขายมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งนี้เหยื่อติดเบ็ดหอบเงินสด 3.4 ล้านมาหวังเงินกำไรที่สูงถึง 6 หมื่นบาทเลยเสร็จโจร ผบช.น.สั่งเร่งล่าอีก 5 คนที่เหลือ พบประวัติก่อคดีโชกโชนทั้งลักทรัพย์ ปล้นทรัพย์และยาเสพติด ขณะที่สาวแท้สาวเทียม 2 ผู้ต้องหาโบ้ยเหยื่อนำเงินมาฟอกเพราะเป็นเงินสีเทากรณีคนร้ายใช้ปืนและมีดปล้นเงิน 3.4 ล้านบาท จากผู้เสียหาย คือ นายปิยลาภ อึ้งประเสริฐ อายุ 35 ปี นายรัฐภูมิ มโนน้อม อายุ 20 ปี และนายสัจพจน์ รักตระกูลวิทยา อายุ 29 ปี หลังถูก 1 ในคนร้ายเป็นสาวสอง นัดมาซื้อขายเงินคริปโตฯ ที่ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ชั้น 2 ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว หลังดูเงินเรียบร้อยลวงทั้ง 3 คนมาตกลงซื้อขายกันในลานจอดรถของห้าง ช่องจอดรถ H19 ชั้น 1 ก่อนลงมือปล้น เหตุเกิดเมื่อค่ำวันที่ 30 มิ.ย. หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ระบุว่า รู้ตัวคนร้าย 2-3 คนแล้ว ส่วนผู้เสียหายทราบว่า บางคนทำงานเป็นเกมเมอร์ บางคนเปิดคาเฟ่สัตว์เลี้ยง เคยซื้อขายเงินคริปโตฯกับกลุ่มคนร้ายมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 เป็นการซื้อไว้เก็งกำไร ถ้าซื้อ 1 ล้านบาท จะได้กำไร 2 หมื่นบาท ขณะนี้สั่งการเร่งล่าคนร้ายแก๊งนี้อย่างเร่งด่วนแล้วล่าสุดจับได้แล้ว 2 คน เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 1 ก.ค. พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผกก.2 บก.สส. บช.น. พ.ต.อ.อัครพล โทยะ ผกก.สส.บก.น. 2 พ.ต.อ.มารุต สุดหนองบัว ผกก.สน.พหลโยธิน พ.ต.ท.กษิดิศ อรุณศรีโสภณ สว.สส. สน.พหลโยธิน นำกำลังจับกุมนายเฌอพัชญ์ หรือหนาว ดีดวงพันธ์ อายุ 25 ปี สาวประเภทสอง และ น.ส.นานา มุกข์ประดับ อายุ 31 ปี 2 คนร้ายตามหมายจับศาลอาญา รัชดา ลงวันที่ 1 ก.ค.68 ข้อหาปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิด ยึดเงินสดที่ได้จากการกระทำผิด 1.9 ล้านบาท เสื้อผ้าที่สวมใส่ขณะเกิดเหตุ สร้อยคอทองคำ หนัก 10 บาท สมุดธนาคารต่างๆ บัตรเครดิต เอกสารต่างๆจำนวนหนึ่ง จับได้ที่ห้องเลขที่เอ 109 เอ็มรีสอร์ต ซอยคลองโซน 6 อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ควบคุมตัวไปที่ สน.พหลโยธินจากการสอบสวนขยายผลถึงกลุ่มคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุทราบชื่อต่อมาคือ นายวรวัฒน์ หรือเสือปุ่น เชื่อมแก้ว หัวหน้าแก๊ง อายุ 43 ปี นายรุ่งนิรันดร์ หรือโบ้ โฉมพัตร อายุ 32 ปี นายบอล เหล่าบุญมา อายุ 35 ปี นายนนทวัฒน์ หรือสอง สอนส่งกลิ่น อายุ 28 ปี และนายอนันต์ชัย มณีโชติ อายุ 26 ปีต่อมาเวลา 09.00 น. พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. เดินทางมาที่ สน.พหลโยธิน เพื่อร่วมสอบปากคำ 2 ผู้ต้องหา โดย พล.ต.ท.สยามเปิดเผยว่า ขณะนี้จับผู้ก่อเหตุได้ 2 ราย คือนายเฌอพัชญ์ หรือหนาว และ น.ส.นานา ได้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ทั้ง 2 คน ยอมรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน อ้างว่านายเฌอพัชญ์ หรือหนาว สาวสองทำหน้าที่เป็นเอเย่นต์ ตัวแทนหลอกซื้อขายคริปโตเคอเรนซีผ่านกลุ่มเฟซบุ๊ก เมื่อเจอเหยื่อจะทำทีพูดคุย หากตกลงกันจะแอดไลน์หลอกซื้อขาย กรณีผู้เสียหายถูกหลอกลวงซื้อขายไป 2 ครั้ง จำนวน 200,000 บาท และ 300,000 บาท เชื่อว่าเป็นการหลอกให้ผู้เสียหายตายใจก่อนตกลงซื้อขายกันครั้งที่ 3 ในราคา 3.4 ล้านบาท ที่ห้างสรรพสินค้าย่านลาดพร้าว เมื่อมาถึงทำทีขอดูเงินเมื่อพบว่ามีเงินอยู่จริง จะล่อลวงต่อให้ผู้เสียหายไปที่รถและลงมือก่อเหตุ สำหรับ น.ส.นานามีพฤติการณ์ที่เห็นชัดจากภาพวงจรปิดว่า นั่งอยู่ในรถฮอนด้า ซีวิค สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ขก-1116 นครสวรรค์ ทำหน้าที่ไปตามนายสัจพจน์ รักตระกูลวิทยา ผู้เสียหายอีกรายที่ถือกระเป๋าเงินมาขึ้นรถพล.ต.ท.สยามเผยอีกว่า หลังก่อเหตุกลุ่มคนร้ายที่ยังหลบหนีได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปส่งที่บ้านเช่าย่านประชานิเวศน์ 3 แบ่งส่วนแบ่งและมอบเงินค่าแท็กซี่ให้ทั้งสองคนหลบหนีไปเช่ารีสอร์ตอยู่ที่ย่านลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เพื่อแยกย้ายและหลบหนีการจับกุม ทั้งนี้ ประเด็นเรื่องอาวุธปืนเป็นเพียงคำให้การผู้เสียหายที่บอกว่า เห็นกลุ่มผู้ต้องหาทำท่าชักและขู่ว่ามีอาวุธปืน แต่ไม่เห็นอาวุธปืนจริงๆ นอกจากนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 2 รายยังซัดทอดไปยังผู้ร่วมกระทำความผิดอีก 5 ราย รวมผู้ก่อเหตุมี 7 ราย ตัวการใหญ่คือนายปุ่น หรือเสือปุ่น ได้เงินส่วนแบ่งที่เหลือไป 1.5 ล้านบาท ทั้งหมดรู้จักกันจากการเคยร่วมกระทำความผิดร่วมกัน รวมทั้งเคยเสพยาเสพติดและเช่าพักอาศัยอยู่ด้วยกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุเคยกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันมาก่อนหน้านี้หรือไม่ คาดว่าในช่วงบ่ายวันนี้จะเร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐานและขออำนาจศาลเพื่อออกหมายจับผู้กระทำความผิดที่เหลืออีก 5 รายได้ในข้อหาเดียวกัน ส่วนรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุมี 2 คัน คาดว่าน่าจะขับหลบหนีไปทั้งคู่และคนที่ขับรถน่าจะอยู่ในกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง 7 รายนี้พล.ต.ท.สยามกล่าวอีกด้วยว่า สำหรับผู้ก่อเหตุที่ยังหลบหนีอีก 5 ราย เคยมีประวัติถูกดำเนินคดีทั้งลักทรัพย์ ปล้นทรัพย์และยาเสพติด ส่วนนายเฌอพัชญ์ และ น.ส.นานา ก่อนหน้านี้เพิ่งถูกออกหมายจับในท้องที่ สน.โคกคราม ข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน และร่วมกันมีอาวุธปืน กรณีดังกล่าวถือเป็นกรณีตัวอย่างที่ต้องเตือนภัยพี่น้องประชาชน เนื่องจากผู้เสียหายเลือกซื้อขายคริปโตเคอเรนซีผ่าน เอเย่นต์โดยตรง โดยไม่ผ่านหน้ากระดานที่ถูกต้อง เพราะจะได้กำไรที่สูงกว่า เฉลี่ยแล้วหากซื้อขายในราคา 1 ล้านบาท จะได้กำไร 20,000 บาทกรณีนี้ซื้อขายมากถึง 3.4 ล้านบาท ได้กำไรสูงถึง 60,000 บาท ขอเตือนว่าให้ซื้อขายคริปโตเคอเรนซีผ่านช่องทางที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกกลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวและหลอกลวงก่อให้เกิดความเสียหายเช่นกรณีนี้ได้ต่อมาเวลา 10.55 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน คุมตัวนายเฌอพัชญ์ และน.ส.นานา 2 ผู้ต้องหามาชี้ของกลางที่ห้องประชุม ผู้สื่อข่าวถามถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุเพื่ออะไร มีการใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุหรือไม่ และนำเงินไปทำอะไร แต่ผู้ต้องหาทั้งสองไม่ตอบคำถาม มีบางจังหวะที่ผู้ต้องหาส่ายหัวกับคำถามของผู้สื่อข่าว มีสีหน้าที่เรียบเฉย ก่อนจะถูกนำตัวเข้าห้องประชุม หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองกลับเข้าห้องสืบสวน ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามทั้งสองอีกครั้ง คราวนี้ น.ส.นานายอมปริปากอ้างว่ากลุ่มผู้เสียหายนำเงินดังกล่าวมาฟอกเงินเพราะเปิดบ่อนพนัน โดยมีเพื่อนของตนที่สนิทกับคนชื่อเต้บอกมาอีกที ส่วนการก่อเหตุครั้งนี้ถูกนายหนาวเป็นคนชักชวนให้มาก่อเหตุ ยืนยันว่าการซื้อ 2 ครั้งก่อนหน้านี้ไม่ได้ล่อซื้อและนี่เป็นครั้งแรกที่พวกตนก่อเหตุ เมื่อถามว่า ได้วางแผนมาหรือไม่ น.ส.นานาถามกลับว่า “วางแผนอะไรคะ” ก่อนที่จะเงียบไป ขณะที่นายหนาวอ้างว่าเงินที่เอามานั้นเป็นเงินที่มาจากการฟอกเงินเป็นเงินที่รับมาจากพวกสีเทาอีกทีอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่