“ตำรวจ ปส.-อย.” แถลงใหญ่จับกุมเครือข่าย “หมอแอร์” ค้ายาเสียสาว สรุปจับกุมตามหมายจับ 5 คน และจับซึ่งหน้าพร้อมของกลาง อีก 2 คน ยึดยาของกลางกว่า 1.7 แสนเม็ด พร้อมอายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบกว่า 400 ล้านบาท ยันหมอคนดังเป็นหัวโจก พบพิรุธซื้อยา จาก อย.เพิ่มขึ้นทุกปี จากปีแรก 1 ล้านบาท จนปีล่าสุด ซื้อกว่า 10 ล้านบาท รีบประสานตำรวจ ปส.ตามสืบสวน นานหลายเดือนกว่าเสนอศาลออกหมายจับ ตรวจสอบเส้นเงินย้อนหลัง 10 เดือน พบโอนเงินซื้อยาให้ อย. 5 ล้านบาท หลังจากนั้นมีเงินโอนกลับเข้าบัญชีถึง 13 ล้านบาท กำไรอู้ฟู่ถึง 8 ล้านบาท หลังถูกสอบเครียด มาเป็นวัน หมอคนดังเริ่มเครียดไม่หลับไม่นอน ต้องส่งตำรวจหญิงหน่วยปฏิบัติการพิเศษสยบไพรี 2 นาย ประกบถึงในห้องขัง พร้อมส่งฝากขังศาลอาญาทันที ไม่ยื่นประกันตัวส่งเข้าเรือนจำทันที ส่วนการ สืบสวนคลี่คลายคดียังเดินหน้าต่อ สันนิษฐานเอายา เสียสาวไปขายทั้งออนไลน์และออนไซต์ ด้านแพทย์ใหญ่ รพ.ตร. เซ็นคำสั่งให้หมอแอร์ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว รอสอบวินัยร้ายแรงซ้ำ ส่วนแพทยสภารอข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้อง ก่อนลงดาบอีกดอกกรณีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประสานกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ตรวจสอบการสั่งซื้อยานอนหลับชนิดร้ายแรงในหมวด จัดอยู่ในกลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 และ 4 จำนวนมาก หลังเข้าสืบสวนติดตามพฤติกรรมนานหลายเดือน เป็นที่มาของการออกหมายจับและปฏิบัติการตรวจค้นจับกุม “หมอแอร์” พ.ต.อ.หญิง อัญชุลี เพ็ชรรัตน์ญ หรือธีระวงศ์ไพศาล อายุ 48 ปี พร้อมพวกรวม 5 คน นำตัวมาสอบสวนดำเนินคดีอย่างเคร่งเครียดที่ บช.ปส.ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้นความคืบหน้าจากกองบัญชาการตำรวจปราบปราม ยาเสพติด (บช.ปส.) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 มิ.ย. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผบช.ปส. พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผบก.ปส.1 นายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการ อย. นายฉัตรชัย พานิชย์ศุภภรณ์ ผอ.กองควบคุมวัตถุเสพติด และ ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แถลงผลจับกุมขบวนการฉ้อโกงลอบซื้อยาควบคุมจาก (อย.)จับกุมผู้ต้องหารวม 7 คน แบ่งเป็นตามหมายจับศาลอาญา 5 คน ประกอบด้วย 1.พ.ต.อ.หญิง พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล หรือหมอแอร์ นายแพทย์ (สบ5) กลุ่มงานเวชศาสตร์ครอบครัว รพ.ตำรวจ 2.นายดุริยลักษ์ อุปชัย 3.น.ส.ณัฐพัชร์ ถิระโชติ 4.นายปกรณ์ จันทร์เทพ และ 5.นายอรชุน จันทนาม ส่วนอีก 2 คน เป็นผู้หญิงถูกจับพร้อมของกลาง รวมวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ประกอบด้วยยาอัลปราโซแลม (ภาษาชาวบ้านเรียกว่ายาเสียสาว) ชนิดเม็ด 57,000 เม็ด ยาโซพิเด็มทาเทรท 16,100 เม็ด ยาฟลูไนตราซีแพม 24,300 เม็ด และวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 4 ประกอบด้วยยาโครนาซีแพม 63,000 เม็ด ยาคลอรา เซพาท 10,000 เม็ด รวม 170,400 เม็ด และตรวจยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบมูลค่ากว่า 400 ล้านบาทพล.ต.ต.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผบก.ปส.1 เผยว่า หลังได้รับการประสานจาก อย.ว่า มีกลุ่มบุคคลลักลอบนำยาควบคุมแผนปัจจุบันในกลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และ 4 ออกนอกระบบไปใช้ในทางที่ผิด ติดตามสืบสวนพบกลุ่มบุคคลดังกล่าวมีบุคลากรทางการแพทย์เป็นผู้สั่งการ พฤติการณ์สั่งซื้อยาจาก อย.ในนามคลินิกทางการแพทย์ 12 แห่ง ก่อนนำยาไปเก็บซุกซ่อนในห้องพักส่วนตัว นำไปแจกจ่ายให้ผู้ร่วมขบวนการในแต่ละพื้นที่ รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ 5 คน คือ 1.หมอแอร์ ผู้สั่งการและผู้เบิกยาจาก อย. 2.นายดุริยลักษ์ อุปชัย คนเฝ้ายาส่งยาในพื้นที่ สน.วังทองหลาง 3.น.ส.ณัฐพัชร์ ถิระโชติ คนปล่อยยาในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 4.นายปกรณ์ จันทร์เทพ คนปล่อยยา และ 5.นายอรชุน จันทนาม คนปล่อยยา นอกจากนี้ยังจับกุมผู้ต้องหาหญิงเพิ่มอีก 2 คนใน จ.นครปฐม ครอบครองยาของขบวนการไว้จำนวนหนึ่ง“ผลการสืบสวนสอบสวนพบว่า หลังจากเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหารายย่อยที่ จ.นครปฐม จัดอยู่ในกลุ่มผู้เสพช่วงกลางเดือน ก.พ. ขยายผลพบว่า กลุ่มผู้เสพสั่งยาและโอนเงินจาก 1 ใน 5 ผู้ต้องหา ทำให้ทราบว่า มีเส้นเงินไปยังหมอแอร์ ส่วนการปลดหมอแอร์ออกจากราชการ บช.ปส.กำลังเร่งดำเนินการยื่นเรื่องไปยังโรงพยาบาลตำรวจ ก่อนเสนอเรื่องไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ผู้บัญชาการพิจารณากรณีดังกล่าว” ผบก.ปส.1 กล่าวด้าน นพ.วิทิต รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า คำสั่งซื้อยาวัตถุออกฤทธิ์ฯ ประเภท 2 ผู้ซื้อต้องเป็นบุคลากรทางการแพทย์ได้รับอนุญาตจาก อย. เพราะยาประเภทนี้ อย.ดูแลแต่เพียงผู้เดียว การสั่งซื้อต้องทำเรื่องขอซื้อหรือเบิกจ่ายมาก่อน จากนั้น อย.พิจารณาจำหน่ายตามความเหมาะสม จะจำกัดจำนวนตัวยาแต่ละประเภทต่อปี เช่น ยาอัลปราโซแลม 120 กรัมต่อปี ยาโซพิเด็ม 110 กรัมต่อปี และยาฟลูไนตราซีแพม 150 กรัมต่อปี หากพบผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้ยาเหล่านี้ แพทย์จะพิจารณาจำหน่ายยาให้เป็นพิเศษ ส่วนกรณีหมอแอร์ อย.พบความผิดปกติตั้งแต่ช่วงกลางปี 67 ตรวจสอบย้อนหลังไปพบว่า ตั้งแต่ปี 65 หมอแอร์เริ่มสั่งยามูลค่า 1 ล้านบาท ต่อมาปี 66 ซื้อยาเพิ่มเป็นเงิน 4 ล้านบาท ปี 67 เพิ่มเป็น 11 ล้านบาท และปี 68 สั่งยาเพิ่มเข้าคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยาเพิ่มมากขึ้นอีก 7-8 ล้านบาท จนผิดสังเกตส่วนกรณีนำชื่อผู้เสียชีวิตมาสวมขอเบิกยาออกฤทธิ์ฯประเภท 2 นายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีรายชื่อผู้เสียชีวิตตั้งแต่ปี 41 มาปรากฏเป็นบุคคลที่สวมเบิกยาวัตถุออกฤทธิ์กับคลินิก ตรวจสอบ 2 เดือนย้อนหลังพบว่า มีรายชื่อผู้เสียชีวิต 370 คน หลังจากนี้ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดก่อน ส่วนกระทรวงสาธารณสุขและ อย.จะเป็นผู้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง ส่วนการดำเนินการเอาผิดทางวินัยหมอแอร์ ขณะนี้ประสานแพทยสภาพิจารณา เนื่องจากเป็นความผิดซึ่งหน้าสามารถเอาผิดได้เลยเบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (ฟลูไนตราซีแพม) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่ระบาดกระจายในกลุ่มประชาชน ข้อหาสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้สมคบกันแล้ว ส่วนหมอแอร์ถูกแจ้งเพิ่ม 1 ข้อหา ความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติดมาตรา 180 ตำแหน่งหน้าที่ราชการ พนักงานองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ กรรมการหรือผู้บริหารหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าพนักงาน หรือกรรมการองค์กรต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญผู้ใดกระทําความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด ต้องระวางโทษเป็น 3 เท่าของโทษที่กำหนดไว้สําหรับความผิดนั้น และมาตรา 149 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสําหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการสอบปากคำหมอแอร์ตลอดคืนที่ผ่านมา เจ้าตัวมีอาการเครียด แต่ให้ความร่วมมือในการให้ปากคำเป็นอย่างดี ให้ข้อมูลสอดคล้องกับแนวทางการสืบสวน การกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 5 คน กระทำลักษณะกระบวนการ แบ่งหน้าที่กันชัดเจน มีคีย์แมนสำคัญ 3 คน ประกอบด้วย หมอแอร์เป็นผู้จัดหายา นายดุริยลักษ์ อุปชัย เป็นผู้ควบคุมดูแลสต๊อกสินค้า และ น.ส.ณัฐพัชร์ ถิระโชติ เป็นคนกลางนำยาไปจัดจำหน่าย หลังจากนี้ชุดสืบสวนจะขยายผลว่าปลายทางของยาถูกนำไปขายที่ใด เบื้องต้นสันนิษฐานว่าขายในโลกออนไลน์และออนไซต์จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินย้อนหลัง 10 เดือนของหมอแอร์ มีการโอนเงิน 5 ล้านบาทไปซื้อยาอัลปราโซแลมจาก อย. ต่อมามีเงินเข้าบัญชีถึง 13 ล้านบาท โอนมาจากบัญชีธนาคาร น.ส.ณัฐพัชร์ ผู้ร่วมแก๊ง สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเงินกำไรจากการขายยา แต่ต้องรอตรวจสอบเส้นเงินของกลุ่มผู้ต้องหาและผู้เกี่ยวข้องอย่างละเอียดอีกครั้งเวลา 11.30 น. พ.ต.ท.บดินทร์ ร้อยกรอง รอง ผกก.1 บก.ปส.1 พร้อมเจ้าหน้าที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เข้าตรวจค้นอีลิตคลินิก ซอยลาดพร้าว 24 เป็นจุดแรกเพราะมีประวัติการสั่งยาอัลปราโซแลมจากหมอแอร์ ลักษณะเป็นตึกแถว 4 ชั้นด้านในเป็นห้องตรวจ และห้องทำหัตถการต่างๆ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบริเวณห้องเก็บข้อมูลคนไข้และสต๊อกยา พนักงานให้ข้อมูลว่า เป็นคลินิกเสริมความงามอย่างเดียว เช่น ฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ และศัลยกรรมผ่าตัดเล็กเท่านั้น ไม่มีการใช้ยาอัลปราโซแลมและไม่มีเก็บไว้ และหมอแอร์ไม่ได้เป็นแพทย์ที่คลินิก แต่เคยเห็นเข้ามาที่คลินิกบ้าง คิดว่าน่าจะรู้จักกับคนในคลินิกจุด 2 เฟรซคลินิก กายภาพบำบัด สาขาสุขุมวิท 18 ตั้งอยู่ในอาคารเลขที่ 390/20 ปากซอยสุขุมวิท 18 เปิดเป็นคลินิกเวชกรรมและกายภาพบำบัด มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ตรวจสอบภายในร้านพบรายชื่อแพทย์ทั้งหมด 10 คน 1 ในนั้นมีชื่อหมอแอร์รวมอยู่ด้วย จากข้อมูลการสืบสวนระบุว่า หมอแอร์มีพฤติกรรมใช้ชื่อแพทย์ในคลินิกหลายแห่งสั่งซื้อยาเข้ามา หลังยาถูกนำมาส่งที่คลินิกไม่นาน หมอแอร์จะสั่งให้แกร็บเข้ามารับยาไปส่งยังแฟลตตำรวจ พนักงานให้ข้อมูลว่า หมอแอร์ไม่ใช่หมอประจำ แต่เป็นหมอเวรมีหน้าที่ตรวจร่างกายและออกใบรับรองแพทย์จุด 3 เข้าตรวจค้นสหคลินิกกายภาพบำบัด เป็นคลินิกเดียวกับจุด 2 แต่เป็นสาขาสุขุมวิท 103/2 มีใบประกอบวิชาชีพของหมอแอร์แขวนอยู่แต่ไม่มีรูป ระบุสาขาเวชกรรม พนักงานให้ข้อมูลว่า หมอแอร์ไม่ได้เข้ามาทำงานนานแล้ว ส่วนการส่งยาตนไม่ทราบเพราะพนักงานรวมถึงหมอส่วนใหญ่สั่งพัสดุมาลงที่คลินิก แต่ไม่รู้ว่าข้างในคืออะไร จากการตรวจค้นทั้ง 3 จุดไม่พบยาอัลปราโซแลมหรือสิ่งผิดกฎหมาย มีรายงานจากชุดสืบสวนว่า หมอแอร์เบิกยาจาก อย.โดยใช้ชื่อแพทย์ประจำคลินิกต่างๆทั้ง 12 แห่ง ระบุว่านำมารักษาด้านจิตเวช แต่ไม่มีประวัติรักษาคนไข้ที่ บช.ปส. เวลา 14.00 น. พนักงานสอบสวน บก.ปส.1 ควบคุมตัว พ.ต.อ.หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล หรือหมอแอร์ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาต และสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด ไปฝากขังศาลอาญาผัดแรก 12 วันตั้งแต่วันที่ 11-22 มิ.ย. ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ระหว่างควบคุมตัวหมอแอร์ใส่หมวก สวมแว่นตาดำ ใส่หน้ากากอนามัย และถูกใส่กุญแจมือ เจ้าตัวพยายามแอบอยู่หลังตำรวจ สื่อมวลชนพยายามสอบถามหลายเรื่อง แต่หมอแอร์ไม่ตอบ ก่อนขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหาออกไป ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นพนักงานสอบสวน บช.ปส.จะคุมตัวฝากขังวันที่ 12 มิ.ย.ส่วนบรรยากาศคืนที่ผ่านมามีรายงานว่า ระหว่างหมอแอร์ถูกสอบปากคำและถูกคุมขังมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด ตลอดทั้งคืนไม่ได้หลับ นั่งกอดเข่าบ้าง นอนเอามือก่ายหน้าผากบ้าง ตำรวจห้องควบคุมต้องขอตำรวจหญิงจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษสยบไพรี 2 นาย มาเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิดภายในห้องขังต่อมาศาลอาญาอนุญาตให้ฝากขังหมอแอร์ ได้โดยผู้ต้องหาไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว จึงออกหมายขังมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัวไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลางที่โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) พิจารณาข้อมูลการสืบสวนและพฤติการณ์ทางคดีหมอแอร์แล้วพบว่า ข้าราชการตำรวจรายนี้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ (สบ 5) มีหน้าที่ตามกฎหมาย และมีความรู้เกี่ยวกับยาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ประเภทต่างๆ แต่กลับเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดด้วยตนเอง อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ 2565 มาตรา 105 มาตรา 119 และมาตรา 179 ประกอบกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา 2547 มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง และอาศัยอำนาจตามมาตรา 105 มาตรา 131 และมาตรา 179 ประกอบกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการให้ออกจากราชการ 2547 ข้อ 3 (1) และข้อ 8 มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนระหว่างดำเนินการสอบสวนที่แพทยสภา พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา เผยว่า แพทยสภารับทราบเรื่องการจับกุมหมอแอร์แล้ว และได้รับการประสานจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ส่งเอกสารหลักฐานต่างๆ มาให้ ส่วนที่มีข่าวว่าอาจมีแพทย์รายอื่นๆร่วมขบวนการด้วย ขณะนี้ยังไม่ทราบรายชื่อ แต่เชื่อว่ากระทรวงสาธารณสุขคงรวบรวมรายชื่อแพทย์ที่เกี่ยวข้องมาให้แพทยสภาทั้งหมด เรื่องจะนำเข้าสู่การตั้งคดีจริยธรรม และกระบวนการตรวจสอบจริยธรรมตามขั้นตอนอยู่ระหว่างรอหลักฐาน แพทยสภาห่วงใยผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้รับยา เนื่องจากยาอัลปราโซแลมเป็นยาอันตราย การใช้ยาต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์ ไม่อยากให้ประชาชนนำยาไปใช้ในทางที่ผิดอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่