รองอธิบดีดีเอสไอแจงยิบคดีฮั้วประมูลตึก สตง.ถล่ม เตรียมส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.ไต่สวนสัปดาห์หน้าโยงเจ้าหน้าที่รัฐ 3 กลุ่ม รวมกว่า 70 ราย เอกชน PKW 6 ราย โดย 1 ในเจ้าหน้าที่รัฐมีชื่อมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการ สตง.คนปัจจุบันรวมอยู่ด้วย เผยอีกมีข้าราชการองค์กรอิสระ 2 ราย มาร้องทุกข์กล่าวโทษผู้บริหาร สตง.ถึงพฤติการณ์หลายเรื่อง ทั้งเรื่องทุจริตการล็อกสเปก และการดำเนินการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสัญญาภายหลังดีเอสไอเตรียมสรุปคดีฮั้วประมูลก่อสร้างอาคาร สตง. แห่งใหม่ส่ง ป.ป.ช.พิจารณาอาทิตย์หน้าชี้พฤติกรรมผิดปกติชัด ร่วมกันล็อกสเปกเอื้อให้บริษัทพวกพ้องได้งาน รวมทั้งไม่มีวิศวกรตรวจสอบการก่อสร้างจริง เผยนอกจาก 6 ผู้บริหารกิจการร่วมค้า PKW แล้ว ยังมีอดีตบิ๊ก สตง. 3 คนมีชื่อในสำนวน ประกอบด้วย พล.อ.ชนะทัพ อินทามระ ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน พร้อมเลขานุการ และนายประจักษ์ บุญยัง อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินด้วย หลังจากนั้นต้องรอ ป.ป.ช. พิจารณาจะดำเนินการเอง หรือส่งกลับมาให้ดีเอสไอสอบสวนต่อให้แล้วเสร็จตามที่เสนอข่าวไปนั้นล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 4 มิ.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงความคืบหน้าคดีพิเศษที่ 58/2568 กรณีตรวจสอบสัญญา 3 ฉบับ ได้แก่ สัญญาการออกแบบ สัญญาการก่อสร้าง และสัญญาการควบคุมงาน ในโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวพันกันในส่วนของตำแหน่งหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.ไต่สวนว่า ในรายละเอียดคดีพิเศษที่ 32/2568 จะดำเนินการในความผิดตาม พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 กรณี บริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด มีผู้ต้องหาทั้งหมด 5 ราย พบความเกี่ยวข้องเพิ่มเติม 2 ส่วน คือ 1.คดีฮั้วประมูล คดีพิเศษที่ 58/2568 และ 2.คดีนอมินีภาคสอง เกี่ยวข้องกับ บริษัท สันติภาพ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ให้ข้อมูล ขณะนี้อยู่ระหว่างออกเลขรับเป็นคดีพิเศษอีกหนึ่งสำนวน จะมีบริษัท 16 ราย เกี่ยวข้องแต่ต้องคัดกรองเบื้องต้นอาจจะมี 4 บริษัท หากคืบหน้าอย่างไรจะแจ้งให้ทราบรวมถึงกรณีฝุ่นแดง เหล็กไม่ได้มาตรฐาน ขอใช้เวลาในการทำสำนวนอีกระยะร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวต่อว่า สำหรับคดีพิเศษที่ 58/2568 คดีฮั้วประมูล ดีเอสไอสรุปกรณีที่กล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐทั้งหมด 3 ส่วน ประกอบด้วย 1.ผู้บริหารองค์กรอิสระ 2.คณะกรรมการทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง 10 คณะ ทั้งการออกแบบ การก่อสร้าง และการควบคุมงาน และ 3.คณะกรรมการการออกแบบวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 มาตรา 27 จำนวน 15 ราย รวมทั้งหมดประมาณ 70 ราย จะสรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช.ในสัปดาห์นี้ ไม่เกินสัปดาห์หน้าร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ดีเอสไอดำเนินคดีจากที่มีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ และพบพยานหลักฐานการฮั้วประมูลนั้น มาจากการควบคุมงานที่รับผิดชอบดำเนินการโดยกิจการร่วมค้า PKW รายละเอียดของการควบคุมงานจะให้คะแนนทั้งหมด 3 หมวด คือการดำเนินงาน บุคลากร และเรื่องอื่นๆ รวม 100 คะแนน แต่ในส่วนที่พบการกระทำผิด คือ บุคลากรเพราะปลอมลายมือชื่อแล้วเอาชื่อบุคคลอื่นซึ่งไม่มีความสามารถเป็นไปตาม TOR มาเสนอราคาในการคัดเลือก ได้กล่าวหาดำเนินคดีกับกิจการร่วมค้า PKW รวม 6 ราย 1.บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด 2.นายปฏิวัติ ศิริไทย 3.บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด 4.นายกฤตภัฏ ปล่องกระโทก 5.บริษัท ว. และสหายคอนซัล แตนตส์ จำกัด โดยนายโชควิชิต ลักษณากร และนางปราณีต แสงอลังการ และ 6.นายพลเดช เทอดพิทักษ์ วานิช อีกทั้งรายละเอียดเชื่อมโยงกัน มีผู้ต้องหา 1 ในนี้กล่าวหาว่า เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจัดฮั้วประมูล ตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง ทำให้คดีทั้งหมดเกี่ยวข้องกัน และอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามมาตรา 61 ดีเอสไอต้องส่งรายละเอียดให้ ป.ป.ช. ตามกฎหมายเมื่อถามว่าเช่นนี้ผู้บริหารทั้ง 6 รายของกิจการร่วมค้า PKW มีส่วนรู้เห็นกับการได้มาซึ่งสัญญาการควบคุมงานหรือไม่ ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวว่า เรากล่าวหา อย่างนั้นเลย ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเอื้ออำนวยให้ด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะส่วนของผู้บริหารระดับสูงของ สตง.ที่มาจัดฮั้ว ล็อกสเปกบริษัทนั้น ต้องเรียนว่ามีบุคคลที่มาร้องทุกข์กล่าวโทษถือเป็นพยานปากสำคัญใกล้ชิด สตง. ตามที่ปรากฏเป็นข่าว 2 ราย ทั้งคู่ เป็นบุคคลที่ให้การว่า รู้เห็นในรายละเอียดที่เกิดขึ้นและยืนยันตามหนังสือที่ส่งมาให้ดีเอสไอ เป็นข้าราชการในองค์กรอิสระกล่าวโทษผู้บริหาร สตง. ตามมาตราใดของ พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ตามกฎหมาย กล่าวหาในพฤติการณ์หลายเรื่องทั้งเรื่องการทุจริตการล็อกสเปก และการดำเนินการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสัญญาโดยเฉพาะมาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 12 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ทั้งหมดนี้จะเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะไต่สวนความผิด ที่ผ่านมา สตง. มีเจ้าหน้าที่มาให้การรายละเอียดเรื่องกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมด รวมทั้งเป็นพยานสำคัญในการดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วยรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างฯ พบว่ามีการกล่าวหาเรื่องการออกแบบ การก่อสร้าง และการควบคุมงาน แต่ที่พบชัดเจนคือการควบคุมงานเพราะใช้วิธีการคัดเลือก ตามกฎหมายหากคัดเลือกเสร็จ จะต้องมีหนังสือเชิญชวนไม่น้อยกว่า 3 ราย แต่ในส่วนนี้เสนอไป 19 ราย ในส่วนของกิจการร่วมค้า PKW พบว่ามี 1 ใน 19 ราย คือ บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด อีก 2 บริษัท คือ บริษัท ว. และสหายคอนซัลแตนตส์ จำกัด และบริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ไม่ได้เข้ามาอยู่เสนอราคาด้วย แต่ผู้ดำเนินการได้ขอยกเว้นหลักเกณฑ์เสนอไปที่คณะกรรมการวินิจฉัยข้อกฎหมาย ตามมาตรา 29 ให้ยกเว้นหลักเกณฑ์ ระเบียบ และกฎกระทรวง ทำให้มีการกล่าวหาว่าเป็นการเอื้อต่อกิจการร่วมค้า PKW ทั้งนี้ จากพยานหลักฐานพบว่ายกเว้นจริง ส่วนจะเอื้อหรือไม่ต้องให้ ป.ป.ช.ไต่สวน ส่วนจะมีผู้บริหาร สตง. เซ็นอนุมัติหรือไม่เป็นรายละเอียดในสำนวน เรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในชุดผู้บริหารในอดีต ส่วนผู้บริหารชุดใหม่จะเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.เป็นผู้ไต่สวน การกล่าวหาก็มีกรรมการ 10 คณะรวมอยู่ในนั้นด้วยแล้วร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวต่อว่า สำหรับข้าราชการ 3 กลุ่มที่ถูกกล่าวหาเรื่องฮั้วประมูล ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 มีการกล่าวหาผู้บริหารว่าล็อกสเปกเพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาการออกแบบ สัญญาการก่อสร้าง และสัญญาการควบคุมงาน กลุ่มที่ 2 เป็นเรื่องการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่เรื่องการเป็นกรรมการชุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินงาน การตรวจการจ้าง หรือการดำเนินการวิธีการต่างๆ ส่วนนี้มี 10 คณะตามที่แจ้งไปข้างต้น กลุ่มที่ 3 เป็นเรื่องคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย หรือปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการดำเนินการตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 พฤติการณ์ที่พบนอกจากการควบคุมงานแล้วพอที่จะเปิดเผยได้คือการจ้างช่วง เพราะ สตง. ยืนยันว่า บริษัท 9PK จำกัด ไม่ได้จ้างช่วงจริง ไม่มีรายชื่ออนุมัติจ้างช่วง จะเป็นเอกสารประกอบให้ ป.ป.ช.พิจารณาไต่สวน เมื่อถามว่าสังคมตั้งคำถามว่าผู้บริหาร สตง. ชุดปัจจุบันไม่มีความผิดหรือเกี่ยวข้องเลยใช่หรือไม่ โดยเฉพาะในสำนวนที่ดีเอสไอต้องส่งให้คณะ ป.ป.ช. ไต่สวนนั้น ร.ต.อ.สุรวุฒิชี้แจงว่า ต้องรอคณะ ป.ป.ช. ไต่สวนก่อน เพราะเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งปัจจุบันเมื่อถามย้ำว่า สำนวนที่ดีเอสไอต้องส่งให้ ป.ป.ช.ภายในกรอบสัปดาห์ มีชื่อนายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการ สตง.คนปัจจุบันรวมอยู่ใช่หรือไม่ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษระบุว่า อยู่ในสำนวนนั้นทั้งหมดรวมแล้ว 3 กลุ่ม ประมาณ 70 รายชื่อ ที่มีการกล่าวหาแต่ต้องรอให้คณะ ป.ป.ช.ไต่สวนก่อน ในส่วนที่ดีเอสไอเป็นผู้ดำเนินคดีเองคือผู้บริหาร 6 รายของกิจการร่วมค้า PKW ระหว่างนี้จะให้กรมโยธาธิการและผังเมืองมาคัดเอกสาร เนื่องจากดีเอสไอตรวจค้นทั้งหมด 3 ครั้ง โดยการตรวจค้นครั้งที่ 2 มีเอกสารกว่า 121 ลัง ต้องพยายามคัดให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามคำกล่าวหาและให้อยู่ในประเด็นในสำนวน หากเอกสารส่วนไหนไม่เกี่ยวข้องต้องคืนกลับไป และจะเร่งรัดให้เสร็จสิ้นในสัปดาห์นี้ รวมถึงเรื่องเอกสารการตรวจค้นจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่ต้องส่งผลรายงานมาด้วยเมื่อถามต่อว่า กรณีการควบคุมงานทิพย์ เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ตึก สตง.ถล่มหรือไม่ เพราะตามพฤติการณ์แล้วนิติบุคคลแอบอ้างว่ามีวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมงานก่อสร้างมีประสบการณ์จะมาควบคุมงาน แต่พอหน้างานก่อสร้างกลับไม่มีวิศวกรกลุ่มดังกล่าวอยู่ในการควบคุมงานนั้น ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวว่า เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ตำรวจดำเนินคดีอยู่ แต่อีกเรื่องหนึ่งต้องรอคณะกรรมการที่รองนายก รัฐมนตรีแต่งตั้ง ต้องรอผลตรวจของคณะกรรมการชุดดังกล่าวด้วย คาดว่าน่าจะไม่นาน อย่างไรก็ตาม ชุดคณะทำงานของดีเอสไอและคณะกรรมการที่รองนายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้ง ทำงานประสานงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่องอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่