“แพทองธาร” โชว์วิชั่นเวทีสุดยอดอาเซียน ปลุกพลังอาเซียนบูรณาการความร่วมมือระดับภูมิภาค คงบทบาทสำคัญที่น่าดึงดูดและแข่งขันได้ รับมือวิกฤติเศรษฐกิจโลกผันผวน-ปกป้องผลประโยชน์ร่วมสู้ กำแพงภาษีสหรัฐฯ ปลื้ม “อันวาร์” อวย “ทักษิณ” ช่วยแก้วิกฤติเมียนมา 4 มิ.ย. จ่อชง ครม.ไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน F1 ปี 2571 “ประธานวิปรัฐบาล” การันตี 324 เสียงเทผ่านงบฯปี 69 ไร้ปัญหา รัฐบาลพร้อมแจงโยกงบฯแจกเงินหมื่นเฟส 3 ไป อปท.เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ เตือนอย่าเชื่อข่าวลือ “ทักษิณ” เผ่นหนีปั่นแรงกระเพื่อม “อนุทิน” ย้ำสีน้ำเงิน-แดงจับมือแน่นอยู่แล้ว เมินกระแสปรับ ครม.-เขี่ยทิ้ง ภท. ซัดคนนอกไม่รู้ดีเท่าผู้เล่น “ปชน.” กัดติดโยกงบฯฟันเงินทอน ศาลปกครองสูงสุดแจงชี้ขาดเพิกถอนคำสั่ง “ยิ่งลักษณ์” จ่ายสินไหมทดแทนจำนำข้าวเฉพาะส่วนที่เกินกว่า 10,028 ล้าน เป็นหน้าที่นายกฯ-ก.คลังออกคำสั่งใหม่ให้ชดใช้จีทูจีข้าวน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงวิสัยทัศน์บนเวทีการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 46 ที่ประเทศมาเลเซีย ปลุกประเทศสมาชิกอาเซียนทำงาน ร่วมกัน มุ่งไปสู่การบูรณาการระดับภูมิภาค เพื่อให้อาเซียนยังคงมีบทบาทความสำคัญที่น่าดึงดูดและแข่งขันได้“นายกฯอิ๊งค์” ขึ้นเวทีสุดยอดอาเซียนเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 พ.ค. ตามเวลา ท้องถิ่น กรุงกัวลาลัมเปอร์ ที่เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง ที่ศูนย์การประชุม Kuala Lumpur Convention Center (KLCC) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 46 ที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ภายใต้แนวคิดหลัก “การมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง และความ ยั่งยืน” ผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วยผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน 9 ชาติ ก่อนการประชุมนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนเชิญผู้นำอาเซียนถ่ายภาพร่วมกันก่อนกล่าวเปิดการ ประชุม จากนั้นที่ประชุมหารือประเด็นต่างๆ ได้แก่ ทิศทางการเสริมสร้างประชาคมอาเซียนให้มั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยเฉพาะจากความไม่แน่นอนของโลก รวมถึงแนวทางการดำเนินความสัมพันธ์ของอาเซียนกับภาคีภายนอกโชว์วิสัยทัศน์ใช้การค้าสู้ความท้าทายน.ส.แพทองธารได้กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมมีเนื้อหาสรุปว่า การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นในช่วงเวลาที่ภูมิทัศน์โลกกำลังเปลี่ยนไปสู่นโยบายแข็งกร้าวและมุ่งผลประโยชน์ตอบแทน ถอยห่างจากความร่วมมือพหุภาคีไปสู่การปฏิบัติฝ่ายเดียว มาตรการด้านภาษีของสหรัฐฯส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อพลวัตทางการค้าโลก ทำให้อาเซียนต้องประเมินยุทธศาสตร์ของอาเซียนอีกครั้ง เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นร่วมกัน ขอบคุณความพยายามของนายกฯมาเลเซีย ส่งเสริมจุดยืนอันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาเซียน และเพื่อรับมือกับภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลก ที่ผันผวน อาเซียนจำเป็นต้องสร้างเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานแบบครบวงจร และทำงานร่วมกันมุ่งไปสู่การ บูรณาการระดับภูมิภาค เพื่อให้อาเซียนยังคงมีบทบาทความสำคัญที่น่าดึงดูดและแข่งขันได้ จึงต้องสนับสนุนการค้าภายในอาเซียน ใช้ประโยชน์จาก FTA ที่มีอยู่ ให้เต็มที่ พิจารณาจัดทำ FTA กับภาคีใหม่ๆ ควบคู่กับส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบ SMEs เพื่อให้ต่อสู้กับความท้าทายในอนาคตได้ ประเทศไทยจะเร่งรัดการจัดทำ Digital Economy Framework Agreement (DEFA) ให้แล้วเสร็จภายในปี 68 เพื่อปลดล็อกการเติบโตครั้งใหม่ ก้าวสำคัญในอนาคตและแสดงให้เห็นว่าอาเซียนไม่หยุดนิ่งในการแสวงหา ความก้าวหน้า ควบคู่กับการตอบสนองต่อภูมิทัศน์ของ การค้าและการลงทุนระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอย้ำจุดยืนร่วมมือท่องเที่ยวอาเซียนน.ส.แพทองธารกล่าวอีกว่า เพื่อให้บรรลุการบูรณาการที่มีประสิทธิผลอาเซียนต้องส่งเสริมกลไกเจรจาจากทั้งภายในและภายนอก เสริมสร้างความ เป็นศูนย์กลาง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ขับเคลื่อนประเด็นผลประโยชน์ของพลเมืองอาเซียนอย่างแท้จริง ไทยยังคงส่งเสริมสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน ประชาคมอาเซียนต้องเน้นที่ประชาชนให้มีคุณภาพชีวิต ที่ดีขึ้น ปกป้องความมั่นคงของมนุษย์ทุกมิติ ทั้งด้านสุขภาพ ความมั่นคงทางอาหาร การปราบปรามอาชญา กรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะยาเสพติด การหลอกลวงทางออนไลน์ หมอกควันข้ามพรมแดน และภัยพิบัติต่างๆ เช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมา และ อาเซียนควรริเริ่มส่งเสริมเครื่องยนต์ตัวสำคัญที่จะสนับสนุนการเติบโตของอาเซียนร่วมกัน เช่น ภาคการ ท่องเที่ยว ความร่วมมือที่ใกล้ชิดมากขึ้นในการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานข้ามพรมแดน และส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมที่หลากหลายร่วมกัน ตามข้อ ริเริ่มของไทยเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวในอาเซียน และในฐานะไทยเป็นผู้ประสานงานของอาเซียนด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อผลักดันอาเซียนสีเขียว จะแสดงบทบาทนำขับเคลื่อนอาเซียนสู่เป้าหมาย เป็นหนึ่งในความปรารถนาอาเซียน ที่ระบุไว้ใน “วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ปี ค.ศ.2045” (ASEAN Community Vision 2045) เน้นการเงิน สีเขียว การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พลังงานสะอาดและการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลป้องประโยชน์ร่วมต่อสู้กำแพงภาษีจากนั้นเวลา 10.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น น.ส.แพทองธารเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 46 อย่างไม่เป็นทางการ ผู้นำอาเซียนหารือสถานการณ์ในภูมิภาคและระดับโลกที่อยู่ในความสนใจของประเทศ สมาชิก โดย น.ส.แพทองธารกล่าวต่อที่ประชุมว่า การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่โลกกำลังเผชิญความ ตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ความเปราะบางทางเศรษฐกิจและการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจ การส่งเสริมระบอบ พหุภาคี เพื่อรักษาบทบาทเชิงยุทธศาสตร์และผลประโยชน์ของอาเซียน จึงเป็นสิ่งสำคัญ อาเซียนต้อง หลีกเลี่ยงการถูกดึงเข้าไปในการแข่งขันในพื้นที่ขัดแย้ง เสริมสร้างความเป็นศูนย์กลางและเอกภาพของอาเซียน ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อรักษาความสำคัญของกลไกที่นำโดยอาเซียน พร้อมเสริมสร้างความสมดุลในความสัมพันธ์กับมหาอำนาจ ไทยจะทำงานร่วมกับสมาชิกอาเซียนและพันธมิตรต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าอาเซียนยังคงเป็นผู้เล่นระดับโลกที่มีความรับผิดชอบ และเป็นพันธมิตรที่น่าเชื่อถือสำหรับทุกฝ่าย และต้องยึดมั่นปกป้องผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะแนวทางร่วมกันของอาเซียนต่อนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่สร้างสรรค์และมีเอกภาพไทย–ฟิลิปปินส์กระชับร่วมมือรอบด้านต่อมาเวลา 14.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ที่ห้อง 406 ชั้น 4 ศูนย์ประชุมกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย น.ส.แพทองธารหารือทวิภาคีกับนายแฟร์ดีนันด์ โรมูอัลเดซ มาร์โคส จูเนียร์ ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ โดยนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ สรุปสาระสำคัญว่า ไทยพร้อมสนับสนุนการทำหน้าที่ประธานอาเซียนของฟิลิปปินส์ในปีหน้า ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ย้ำคำเชิญ น.ส.แพทองธาร เยือนฟิลิปปินส์เป็นทางการอีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายหารือความร่วมมือทั้งด้านการค้าและการลงทุน ที่ต้องการเพิ่ม ปริมาณการค้าให้มีมูลค่าสูงขึ้น มีข้อเสนอให้ รมว. พาณิชย์ 2 ประเทศ ศึกษาความเป็นไปได้ในการค้าข้าว แบบรัฐต่อรัฐ การท่องเที่ยวที่จะทำการตลาดร่วมกัน รวมไปถึงความร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ชง 3 แนวทางพัฒนาเยาวชนอาเซียนจากนั้นเวลา 14.45 น. ที่ห้อง Ballroom 1 ชั้น 3 ศูนย์ประชุมกัวลาลัมเปอร์ น.ส.แพทองธาร เข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้แทนเยาวชนอาเซียน มีผู้นำและผู้แทนประเทศสมาชิกอาเซียน เลขาธิการอาเซียน นายกฯติมอร์-เลสเต (ในฐานะผู้สังเกตการณ์) และผู้แทนเยาวชนอาเซียน เข้าร่วม โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เยาวชนเป็นพลังสำคัญขับเคลื่อนอาเซียนไปข้างหน้า จึงเสนอ 3 แนวทางส่งเสริมการพัฒนา และการมีส่วนร่วมของเยาวชนในอาเซียน ได้แก่ อาเซียนควรส่งเสริมบทบาทเยาวชนรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุค ดิจิทัล อาเซียนควรลงทุนเพิ่มเติมในโครงการพัฒนาเยาวชน ส่งเสริมความร่วมมือข้ามพรมแดน และอาเซียนต้องเตรียมความพร้อมของเยาวชนให้มีทักษะ ที่จำเป็นต่ออนาคตลงนามปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ต่อมาเวลา 17.15 น. ที่ห้อง Conference Hall 3 น.ส.แพทองธารเข้าร่วมพิธีลงนาม “ปฏิญญากรุงกัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยอาเซียน 2045 : อนาคตร่วมกันของเรา” (ASEAN 2045 : Our Shared Future) นายกฯมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ได้มอบปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ที่ลงนามแล้วให้แก่เลขาธิการอาเซียนและถ่ายภาพการจับมือแบบวิถีอาเซียน (ASEAN Way) ร่วมกัน โดยนายจิรายุ กล่าวว่า ปฏิญญาดังกล่าวครอบคลุมด้านการเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ความเชื่อมโยงเสริมสร้างความเข้มแข็งเชิงสถาบัน เพื่อให้บรรลุการเป็นประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็ง จะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยในการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนชวน “บาห์เรน” ลงทุนแลนด์บริดจ์กระทั่งเวลา 18.30 น.ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงกัวลาลัมเปอร์ น.ส.แพทองธารเข้าเฝ้าฯ เจ้าชายซัลมาน บิน ฮะมัด อาล เคาะลีฟะฮ์ มกุฎราชกุมารและนายกฯแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน โดยนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายก รัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญการหารือว่า น.ส.แพทองธาร แสดงความยินดีที่ได้เข้าเฝ้าฯมกุฎราชกุมาร ทั้งสองฝ่ายชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างกัน และได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นสถานการณ์ต่างๆ อาทิ ภาษีศุลกากรระดับสูงของสหรัฐฯ พร้อมทั้งเห็นถึงความร่วมมือระหว่างกันด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการเชื่อมโยงคมนาคมและการขนส่ง โดยนายกฯพร้อมส่งรายละเอียดโครงการแลนด์บริดจ์ให้แก่บาห์เรนจากนั้นเวลา 20.30 น. น.ส.แพทองธาร เดินทางไปยังศูนย์ประชุมกัวลาลัมเปอร์ เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ที่นายกฯมาเลเซีย เป็นเจ้าภาพ“อันวาร์” ชู “ทักษิณ” ช่วยแก้วิกฤติเมียนมานายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯเปิดเผยว่า ในการกล่าวเปิดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 46 ช่วงหนึ่งนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย ประธานอาเซียน ได้แสดงความเชื่อมั่นต่อประชาคมอาเซียนว่าจะฝ่าฟันช่วงการเปลี่ยนผ่านทางภูมิรัฐศาสตร์และการค้าโลกที่ตกอยู่ภายใต้การกดดันจากการขึ้นภาษีระดับสูงของสหรัฐฯ โดยได้จัดตั้งคณะทำงาน ASEAN Geo-economics Task Force หาแนวทางกรณีภาษีสหรัฐฯ และยังกล่าวชื่นชม ขอบคุณคณะที่ปรึกษาประธานอาเซียนที่มีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นหัวหน้าคณะ การประชุมครั้งที่ 3 ที่กรุงเทพฯ มีส่วนสำคัญในการผลักดันการแก้ไขวิกฤตการณ์ในเมียนมา แม้เป็นก้าวเล็กๆที่ยังคงมีความเปราะบาง แต่เป็นความพยายามของอาเซียน ขับเคลื่อนการแก้วิกฤติเมียนมา เชื่อมั่นว่าความเป็นปึกแผ่นและความเป็นแกนกลางของอาเซียน จะทำให้อาเซียนเผชิญต่อความท้าทายและความไม่แน่นอนต่างๆได้4 มิ.ย.ชง ครม.เสนอไทยจัดแข่ง F1 ปี 71นายจิรายุยังกล่าวถึงผลสัมฤทธิ์การเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรและราชรัฐโมนาโก เมื่อวันที่ 21-25 พ.ค.ของนายกฯ ว่า สิ่งที่ทั่วโลกต้องจับตาคือการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน รถยนต์สูตรหนึ่ง Formula1 ที่หลายประเทศพยายามเป็นเจ้าภาพให้ได้ นายกฯเสนอแนวคิดจัดงานในแนวทาง “Sustainable F1” ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดึงดูดการลงทุนเทคโนโลยีสีเขียวควบคู่ไปกับกีฬามอเตอร์สปอร์ต ผู้บริหารระดับสูง F1 มีการตอบรับที่ดี หลังเจรจามีผลสัมฤทธิ์รัฐบาลจะศึกษาให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้ จะขออนุมัติหลักการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ต่อที่ประชุม ครม.ในวันที่ 4 มิ.ย. คาดว่าในปี พ.ศ.2571 หรือในอีก 3 ปีข้างหน้า หวังว่าไทยจะเป็น 1 ใน 24 สนามระดับโลก ที่มีโอกาสจัดการแข่งขัน FORMULA ONE ในกรุงเทพฯ นอกจากนั้นยังสร้างการรับรู้ Softpowerไทย “มวยไทย-อาหารไทย-สปาไทย” ขจัดอุปสรรคทางการค้า-การนำเข้าสินค้าไทยในอังกฤษ โดยเร่งรัดให้เกิดการเจรจา FTA ระหว่างไทย-อังกฤษ และสั่งการให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯเร่งกระตุ้นการท่องเที่ยวจากตลาดยุโรป ได้รับการตอบรับจากบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่พท.พร้อมแจงโยกงบเงินหมื่นไป อปท.เมื่อเวลา 13.00 น.ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 69 ว่า ฝ่ายรัฐบาล 324 เสียงพร้อมโหวตแน่นอน ไม่มีปัญหา สัญญาณจากพรรคร่วมรัฐบาลที่ดูไม่ค่อยดี ยืนยันไม่มีปัญหา ช่วงนี้กระแสการเมืองมีคนยุแยงบ้าง แต่ขอให้เชื่อมั่นการทำงาน ยังไม่มีการยุบสภา การผ่านงบฯปี 69 เป็นเรื่องสำคัญ เชื่อว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือเรื่องนี้ ไม่น่ามีอุบัติเหตุการเมืองใดๆ ขณะนี้ยังกินได้นอนหลับสบาย ไม่จำเป็นต้องเตรียมทีมองครักษ์ เตรียมแค่ทีมวิชาการ เตรียมอภิปรายและเตรียมแผนภาพข้อมูล เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตมีการโยกงบโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไปกระจายอยู่ในงบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) นายวิสุทธิ์ตอบว่า เชื่อว่ารัฐบาลตอบได้ มีเหตุผลความจำเป็น การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องเร่งรีบ รัฐบาลพร้อมชี้แจงตอบคำถามได้แน่นอน เชื่อว่านายกฯพร้อมมาตอบข้อซักถาม อาจยกทีมมาทำงานที่นี่เลย คาดว่าวันที่ 28 พ.ค. อาจมาตั้งแต่เวลา 13.00 น.ไม่ให้ค่า “สนธิ–จตุพร” กอดคอลงถนนนายวิสุทธิ์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ขึ้นเวทีจับมือกอดกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่อยากวิจารณ์ 2 คนนี้ไปในทิศทางเดียวกันไม่ว่าเราจะทำอะไรหรือหายใจแรงผิดอยู่แล้ว บ้านตนเรียกน้ำไหลไปทิศทางเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เป็นธรรมดาทางการเมือง คนพอใจอยู่ด้วยกันได้ บางคนมาขอแล้วไม่ได้ ก็เป็นฝ่ายตรงข้าม คนไม่สมประโยชน์ก็มี ไม่ใช่เฉพาะคู่นี้มีหลายคู่ ไม่ใช่ทุกคนจะสมประโยชน์ ที่ระบุรวมกันแล้ว เป็นผลประโยชน์ของประเทศ เป็นเรื่องของเขา อย่าทำให้การเมืองกลับไปแบบเดิมในอดีต แตกแยก ชุมนุมประท้วง ยึดสนามบิน สุดท้ายไม่เกิดประโยชน์ เป็นความยุ่งยากของประชาชน มีอะไรอยากแนะนำบอกได้ นายกฯรับฟังทุกปัญหาในแนวทางที่ไม่มีอคติอย่าเชื่อข่าวลือปั่นแรงกระเพื่อมนายวิสุทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เตรียมพิจารณาคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ วันที่ 13 มิ.ย. ว่ามั่นใจในทีมงานและเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม เพราะนายทักษิณถูกปล่อยตัวแล้ว เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกระบวนการ คงไม่มีผลกระทบทางการเมือง นายทักษิณเป็นบุคคลภายนอก ไม่ใช่นายกฯและรัฐมนตรี เป็นพ่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ การทำงานของนายกฯไม่มีใครบังคับได้ แต่นายทักษิณมีความรู้ ความสามารถ เป็นธรรมดาที่นายกฯต้องปรึกษาหารือ ยืนยันนายทักษิณยังอยู่ในไทย ไม่ไปไหนอย่าไปเชื่อข่าวลือ ข่าวเท็จ เพื่อสร้างความวุ่นวายทางการเมืองให้เกิดแรงกระเพื่อม ส่วนที่ ป.ป.ส.เชิญนายทักษิณขึ้นเวทีปาฐกถาเรื่องยาเสพติด เพราะในอดีตนายทักษิณมีความรู้ ความสามารถปราบปรามยาเสพติด เมื่อ ป.ป.ส.เชิญไปถือเป็นเรื่องดี ไม่เกี่ยวกับการด้อยค่านายกฯ อย่าไปมองแบบนั้น ให้มองแง่ดีคิดบวก ยาเสพติดจากประเทศรอบข้างเต็มไปหมด หากมีแนวทางใหม่ที่นายทักษิณเคยทำ เชื่อว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศ“อนุทิน” ยันน้ำเงิน-แดงจับมือกันอยู่แล้วที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ตอบคำถามกรณีมีสื่อบางแขนงระบุ มท.1 หลุดทำนอง “กูไม่ยอม” หลังมีกระแสปรับ ครม.เปลี่ยนกระทรวง แต่เห็นเป็นคำไม่สุภาพจึงเปลี่ยนเป็น “หนูไม่ยอม” ว่า “ไม่ใช่หนูนี้มั้ง ไม่รู้ว่าหนูไหน แต่หนูนี้ไม่มี” เมื่อถามว่า ส่วนตัวยอมหรือไม่ ถ้าผู้นำจิตวิญญาณของพรรค พท. ต้องการทวง มท.คืน นายอนุทินตอบว่า ทุกคนมีเหตุผล เมื่อถามว่าน้ำเงินและแดงจับมือกันได้หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ทุกวันนี้จับกันอยู่ เมื่อถามว่าจะกอดโชว์ผ่านสื่อเหมือนนายสนธิ ลิ้มทองกุล สวมกอดนายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า กอดไม่ได้ เพราะนายกฯเป็นสุภาพสตรี เมื่อถามว่าแล้วพ่อของนายกฯจะกอดหรือไม่ นายอนุทินหัวเราะก่อนตอบว่า ถามอะไรไม่เกี่ยวกับงานเลยปรับ ครม.คนนอกไม่รู้ดีเท่าผู้เล่นเมื่อถามถึงการปรับ ครม.หลังงบฯปี 69 ผ่านวาระแรก เป็นปัจจัยส่งสัญญาณอะไร นายอนุทินตอบว่า ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณ นายกฯยังไม่คุยเรื่องนี้ ทุกคนในพรรคร่วมฯยังทำงานร่วมกันอยู่ เมื่อถามกระแสข่าวเขย่าพรรค ภท.ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล นายอนุทินตอบว่า ตนอยู่ใน ครม. ทำงานร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค แต่ละสัปดาห์พบนายกฯไม่รู้กี่ครั้ง ความสัมพันธ์ทุกอย่างแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ไม่น่าจะมีใครรู้ดีมากกว่าตน ดังนั้น ไม่ได้กังวลใดๆเพราะเราเป็นผู้เล่น คนดูมาบอกว่าคนนี้จะถูกเปลี่ยนหรือถูกปรับ คงรู้ไม่เท่ากับผู้เล่น เมื่อถามว่าเก้าอี้ มท.ยังเหนียวแน่นหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ตนทำอะไรผิดพลาดบกพร่อง ยังคงทำงานให้รัฐบาล สั่งวันนี้เสร็จเมื่อวานก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ ส่วนร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 69 ไม่มีปัญหา เมื่อทุกเสียงของพรรค ภท.ยกมือหนุน เราเป็นรัฐบาลไม่มี สะดุด ต้องไม่พูดทำให้เกิดความกังวล หรือทำให้คน เห็นว่ารัฐบาลขัดแย้งปชน.จับตาโยกงบฟันเงินทอนเมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านแบ่งเวลาเรียบร้อยแล้ว พรรค ปชน.ได้ 16 ชั่วโมง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) 3 ชั่วโมง พรรคไทยสร้างไทยและพรรคเป็นธรรม พรรคละครึ่งชั่วโมง พรรค ปชน.มีผู้อภิปรายเกือบ 50 คน นำโดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ อภิปรายไม่ซ้ำประเด็น ละเอียดมาก การอภิปรายของ สส.พรรค ปชน.ว้าวทุกคน ขณะนี้ประเทศประสบวิกฤติเศรษฐกิจ เป็นเรื่องสำคัญต้องกอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจ ต้องลงรายละเอียดครบทุกกระทรวง ตัดงบไม่มีประโยชน์ ขอให้ช่วยจับตา แม้ฝ่ายค้านตัดงบได้มากเท่าไร แต่รายการที่ถูกแปรไปเป็นโครงการไม่มีประโยชน์ เช่น งบดิจิทัลวอลเล็ตที่ถูกทบทวน แต่มีคำสั่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เสนอโครงการเข้าไปแทน ให้เวลา 3 วัน ยังไม่รู้จะได้โครงการแบบใด กู้วิกฤติเศรษฐกิจประเทศได้หรือไม่ เป็นไปได้อาจเป็นช่องทางกอบโกยผลประโยชน์ หรือเงินทอนมหาศาลจากงบก้อนนี้ หากพบว่ารัฐบาลจัดงบฯไม่ตอบโจทย์จะไม่เห็นชอบเชื่อศึก พท.-ภท.ไม่ลุกลามถึงยุบสภาเมื่อถามว่า ความขัดแย้งระหว่างพรรค พท.กับพรรค ภท.เป็นไปได้หรือไม่ที่จะต้องยุบสภา หลังผ่านงบรายจ่ายปี 69 นายปกรณ์วุฒิตอบว่า คงไม่มีรัฐบาลใดอยากยุบสภาก่อนหมดวาระ ถ้าไม่จำเป็น พรรคประชาชนพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง หากความขัดแย้งรุนแรงจนรัฐบาลไม่สามารถตัดสินใจบนประโยชน์สูงสุดของประชาชนได้ เมื่อถามว่า ประเมินหรือไม่ว่าเร็วๆนี้ อาจเกิดอุบัติเหตุการเมือง นายปกรณ์วุฒิตอบว่า อาจมีอุบัติเหตุการเมืองได้ตลอดเวลา จึงเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งเสมอ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด ยืนยันมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไว้อยู่แล้วคือหัวหน้าพรรค ส่วนจะมีแค่ 1 คนหรือไม่ เป็นรายละเอียดที่ยังไม่ได้พูดคุยกันสว.สำรองยื่น ป.ป.ช.สอย 92 สว.เมื่อเวลา 09.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะ สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว นำ สว.สำรอง ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ให้ดำเนินคดี สว.92 คน ผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง กรณียื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.เอาผิดนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมและอธิบดีดีเอสไอที่ใช้อำนาจดีเอสไอแทรกแซงการตรวจสอบคดีฮั้ว สว. โดย พล.ต.ท.คำรบกล่าวว่า การยื่นคำร้องดังกล่าวของ สว. 92 คนเข้าข่ายก้าวก่ายการทำงานฝ่ายข้าราชการประจำ ผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 (1) ขอให้ ป.ป.ช.เอาผิด ข้อหาผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก้าวก่ายการทำงานของนายภูมิธรรม พ.ต.อ.ทวี และอธิบดีดีเอสไอ แม้นายภูมิธรรม และ พ.ต.อ.ทวีปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานและรองประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ เป็นการดำเนินงานฝ่ายข้าราชการประจำ การใช้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติมาฟ้องร้องเพื่อประโยชน์ตัวเอง จึงผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 185 (1) อาจหมดสมาชิกภาพ สว.ได้ และจะไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้สั่ง 92 สว.หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวก่อนแต่งตั้งองค์กรอิสระปลายเดือน พ.ค.“เจ๊แมว” ยื่นสอบจริยธรรม “เสี่ยหนู”เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตผู้สมัคร สว.เข้ายื่นหนังสือต่อสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ร้องเรียนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กระทำผิดจริยธรรม โดยนางกุสุมาลวตีกล่าวว่า “วันนี้แมวไม่อยากดัง จึงแอบมายื่นร้องจริยธรรมนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะ สส.และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เพราะเป็นปฏิบัติการเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองและปกป้องผลประโยชน์ของชาติ”จ่อยื่นดะผู้ตรวจการฯพ่วง ป.ป.ช.“คุณจะทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ คุณต้องเข้าใจหลักการ คุณต้องเป็นสุภาพบุรุษ การทำแบบนี้คือมันฟ้องศาลอาญาแล้ว ก็เลยมาแจ้งจริยธรรมในฐานะที่นายอนุทินเป็น สส. พรรคภูมิใจไทย ผิดจริยธรรม และพี่จะยื่นผู้ตรวจการแผ่นดิน รวมถึง ป.ป.ช.ด้วย เอาให้หายซ่าไปเลย รู้จักแมวน้อยไป” นางกุสุมาลวตีกล่าว เมื่อถามว่าเดินหน้าเต็มที่ ไม่มีถอยใช่หรือไม่ นางกุสุมาลวตีกล่าวว่า ไม่มี ใครจะห้ามตนได้ ตอนนี้มีคนห้ามตน ไม่ใช่มาสนับสนุน บอกว่าอย่าไปทำเขา เขาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จึงบอกว่าไม่เกี่ยวกับรัฐบาลไหนทั้งนั้น คุณทำผิดคุณก็ต้องรับผิด “คุณด่าฉัน คุณทำร้ายฉัน ต้องมีบทลงโทษ ไม่ใช่จะทำอะไรก็ได้นะจ๊ะ”ภท.ฟ้องกลับ “กุสุมาลวตี” แล้วที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการฟ้องกลับนางกุสุมาลวตี สิริโกมุต สว.สำรองว่า ทนายความของพรรค ภท.ได้ฟ้องที่ศาลแล้ว ทางพรรคจะได้แก้ข้อกล่าวหา เมื่อเรื่องไปถึงศาลแล้วต้องหุบปาก ปล่อยให้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม เมื่อถามว่านางกุสุมาลวตี เตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหาย 30 ล้านบาท นายอนุทินตอบว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างศาลให้ไปเบิกความ แต่ต้อง เตรียมตัวหาทนายไปเป็นตัวแทนให้“อ้วน” ไม่รู้คลิปเสียงจ่ายเงิน 6 หลักฮั้ว สว.ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กทม. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีคลิปเสียงหลุดกรณีฮั้ว สว.ยาว 1 นาทีที่ จ.นครพนม เสนอมอบเงิน 6 หลักให้ และจ่ายตั๋วเครื่องบินให้ไปพบที่โรงแรมว่า ยังไม่ทราบ ต้องไปดูข้อเท็จจริง ผู้ทำคดีนี้คงต้องนำหลักฐานที่มีไปประกอบการพิจารณาหลักฐาน จะไปพูดชักนำไม่ได้ จะโดนข้อหาและถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ หากมีข้อมูลที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีคงนำไปเป็นหลักฐานเพิ่มเติมทร.ทำเรื่องขอเรือฟริเกต 1 ลำนายภูมิธรรมกล่าวถึงความคืบหน้าการจัดซื้อเรือดำน้ำ ประมาณปลายเดือน พ.ค. หรือต้น มิ.ย. คงจะเสนอเข้าที่ประชุม ครม. ส่วนจะเข้า ครม.พร้อมกับการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ฝูงใหม่ (กริพเพน) ของกองทัพอากาศหรือไม่ ขณะนี้เรื่องมาถึงตนแล้ว แต่ยังไม่ได้พิจารณา แต่ยืนยันกำลังรีบทำ 2 เรื่องนี้ เมื่อถามถึงการจัดซื้อเรือฟริเกต 2 ลำของกองทัพเรือ ในงบฯปี 69 นายภูมิธรรมระบุว่า ที่ทำเรื่องของบฯเข้ามามีเพียงลำเดียว แต่ขอดูในรายละเอียดก่อนศาล ปค.แจงข้อ ก.ม.คดี “ยิ่งลักษณ์”วันเดียวกัน สำนักงานศาลปกครองออกแถลงการณ์ชี้แจงข้อกฎหมายกระบวนพิจารณาคดีในคดีที่ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องชดใช้ความเสียหายโครงการจำนำข้าว เฉพาะในส่วนความเสียหายจากขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐกับจีน 1.0028 ล้านบาท เหตุประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ และให้ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกฯและกระทรวงการคลัง สั่งการกันทรัพย์สินบางส่วนคืนให้กับอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ภายใน 60 วันว่า คดีนี้เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ศาลปกครองมีอำนาจเพียงพิพากษาเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวทั้งหมดหรือบางส่วน ศาลปกครอง สูงสุดเห็นว่าคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 35,717,273,028.23 บาท หากไม่ชำระกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีอำนาจใช้มาตรการบังคับทางปกครอง ยึดหรืออายัดทรัพย์สินและขายทอดตลาด เพื่อชำระเงินตามคำสั่งได้นั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมายบางส่วน จึงมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งพิพาทเฉพาะส่วนที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเกินกว่าจำนวน 10,028,861,880.83 บาท แต่ศาลปกครองสูงสุดไม่ได้มีคำพิพากษาและออกคำบังคับให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่นายกฯกับพวกทั้ง 9หน้าที่นายกฯ-ก. คลังไปออกคำสั่งชดใช้น.ส.สายทิพย์ สุคติพันธ์ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด กรรมการประชาสัมพันธ์ศาลปกครอง เปิดเผยว่า การออกมาชี้แจงนี้เพื่อให้สังคมประชาชนเข้าใจกระบวนการพิจารณาของศาลว่า เป็นการพิจารณาเฉพาะ ประเด็นคำสั่งที่เป็นข้อพิพาทระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์กับนายกฯกับพวกทั้ง 9 เท่านั้น เมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์รับผิดชดใช้ค่าสินไหม ทดแทน เป็นเงิน 35,717,273,028.23 บาท เฉพาะส่วนที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเกินกว่าจำนวน 10,028,861,880.83 บาทแล้ว บทบาทหน้าที่ศาลปกครองถือว่ายุติแล้ว การดำเนินการใดๆ จากนี้ไปเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกฯ รมว.คลัง รมช.คลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกฯ กระทรวงการคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพฯ ต้องไป ออกคำสั่งใหม่และปฏิบัติให้ถูกต้องตามคำพิพากษาอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่