คดีรับจำนำข้าว สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องแบ่งเป็นสามส่วน ความผิดพลาดจากนโยบายการรับจำนำข้าว การทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวจากการขายข้าวในโครงการแบบจีทูจี หรือรัฐต่อรัฐ แต่ละคดีมีการลงโทษบุคคลที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดที่มีทั้งนักการเมือง ข้าราชการและเอกชน ส่วนคดีที่ ศาลปกครองสูงสุด ได้ตั้งองค์คณะขึ้นมาพิจารณาความรับผิด ชดใช้ความเสียหายที่เกิดจากการระบายข้าวในโครงการแบบรัฐต่อรัฐ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยอ้างเหตุผลว่า เป็นความเสียหายที่เกิดจากการไม่ตัดสินใจยับยั้งโครงการดังกล่าวทั้งที่มีการเตือนมาจากหน่วยงานองค์กรต่างๆว่าจะเกิดความเสียหายขึ้นกับรัฐถ้าปล่อยให้มีการดำเนินการระบายข้าวในระบบจีทูจี ทำให้เกิดความเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้าน แต่ศาลปกครองสูงสุดคณะใหญ่มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ให้ อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าเสียหายให้รัฐที่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาทในฐานะผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจ ซึ่งไม่ได้ระบุว่าเป็นการกระทำทุจริตคอร์รัปชันในโครงการนี้แต่อย่างใดจึงต้องแยกออกจาก คดีทุจริตอื่นในโครงการรับจำนำข้าว ส่วน อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ จะยกมาเป็นข้อต่อสู้ โดยอ้างว่าเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของรัฐไม่ได้เป็นการทุจริต จะไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายในโครงการที่มีจำนวนถึงกว่า 3 หมื่นล้าน ซึ่ง อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ตัดพ้อว่า เงินจำนวนนี้ทั้งชีวิตก็ชดใช้ไม่หมด ใช้เป็นข้อต่อสู้ด้านกฎหมายที่มีรายละเอียดจะเปิดช่องเอาไว้หรือไม่ หรือถ้าจะยึดเอาเหตุผลที่ว่ามีการนำเอาข้าวในโครงการออกมาขายในสมัย รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ สมัยรัฐบาลปัจจุบัน ได้เงินมาจำนวนหนึ่งแล้ว จะนำมาหักลบกลบหนี้ที่ อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้ได้หรือไม่ หรือรัฐบาลที่นำข้าวในโครงการมาขายจะต้องร่วมรับผิดชอบด้วยหรือไม่ ต้องดูเจตนารมณ์ของคำพิพากษาของ ศาลปกครองสูงสุด ว่ามีเจตนาวินิจฉัยความผิดที่เกิดจากการไม่ตัดสินใจยับยั้งในการระบายข้าวจนเกิดความเสียหายเท่านั้นทีนี้คดีนี้เคยมีคำวินิจฉัยใน ชั้นศาลปกครองกลาง กรณีที่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย สรุปว่า อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ มีอำนาจกำกับดูแลนโยบาย ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติการที่ทุจริตและไม่มีเจตนาปล่อยให้มีการทุจริต ไม่ได้เพิกเฉยยับยั้งความเสียหาย จึงให้เพิกถอนคำสั่งของกระทรวงการคลังที่ให้ชดใช้ค่าเสียหาย 3.5 หมื่นล้าน เพิกถอนคำสั่งอายัดทรัพย์ของ อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ และเพิกถอนคำสั่งในส่วน ของคู่สมรสด้วยต่อมาศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งกลับคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ในฐานะนายกฯมีอำนาจที่จะยับยั้งการกระทำได้แต่ละเลยไม่ใช้อำนาจเพื่อป้องกันการทุจริต จึงเป็นการกระทำละเมิด ความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างการระบายข้าวแบบจีทูจีอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นล้าน ที่มาจากการขายข้าวในราคาต่ำ ได้รับเงินน้อยกว่าข้าวที่ส่งมอบ กำหนดสัดส่วนให้ต้องชดใช้ค่าเสียหายประมาณ 1 หมื่นล้าน และให้เพิกถอนการอายัดทรัพย์สินในส่วนที่เกินกว่า 1 หมื่นล้าน และให้กันทรัพย์สินบางส่วนของคู่สมรสไว้ด้วย สรุปว่าอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ไม่ได้มีส่วนในการทุจริต แต่ไม่ใช้อำนาจยับยั้งโครงการระบายข้าวจีทูจี จนนำไปสู่การทุจริตในโครงการดังกล่าว แม้จะทำอย่างถูกต้องตามขั้นตอน.หมัดเหล็กคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม