ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ขณะนี้สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทั่วประเทศ ได้เปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 ครบถ้วนอย่างเป็นทางการแล้ว เพื่อให้สถานศึกษาเปิดภาคเรียนด้วยความพร้อม สพฐ.ได้กำหนด 5 แนวทาง ให้สถานศึกษาปฏิบัติ ดังนี้ 1.ด้านความปลอดภัยของสถานศึกษา เน้นดูแลสวัสดิภาพนักเรียนทั้งในและนอกเวลาเรียน 2.ด้านการเสริมสร้างโอกาสในการเรียนรู้และสร้างภูมิคุ้มกัน เช่น เยี่ยมบ้านนักเรียน 100% การจัดการเรียนเสริม และระบบแนะแนวที่ตอบโจทย์ตามบริบทผู้เรียน 3.ด้านการสร้างเครือข่ายและการสร้างความร่วมมือ ให้สถานศึกษาประสานความร่วมมือกับหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล และชุมชน เพื่อร่วมกันดูแลความเรียบร้อยของโรงเรียน 4.ด้านงบประมาณให้ดำเนินการใช้จ่ายตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด และ 5.ด้านแผนเผชิญเหตุให้สถานศึกษาเตรียมพร้อมรับมือเหตุและภัยพิบัติต่างๆทั้งก่อน ระหว่าง และหลังเกิดเหตุ พร้อมเฝ้าระวังสิ่งเสพติด เช่น บุหรี่ไฟฟ้า และปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะเข้าถึงนักเรียนเลขาธิการ กพฐ. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำว่า หากเกิดเหตุจำเป็นต้องลงโทษนักเรียน ขอให้ครูยึดหลักจรรยาบรรณ และเคร่งครัดปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ.2548 กฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ.2548 และฉบับที่ 2 พ.ศ.2562 ซึ่งกำหนดโทษที่จะลงโทษแก่นักเรียนหรือนักศึกษาที่กระทําความผิดได้ 4 มาตรการ ได้แก่ 1.การว่ากล่าวตักเตือน 2.ทำทัณฑ์บน 3.ตัดคะแนนความประพฤติ และ 4.จัดกิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยน และห้ามมิให้ใช้ความรุนแรง กลั่นแกล้ง หรือลงโทษในลักษณะทำให้นักเรียนอับอาย ส่วนการลดภาระงานของครู สพฐ.ขอย้ำให้สถานศึกษาปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 ม.ค.2567 ที่ยกเว้นให้ครูไม่ต้องอยู่เวรโดยเด็ดขาด ผู้บริหารต้องไม่ใช้ถ้อยคำ หรือคำสั่ง ในลักษณะใกล้เคียง เช่น “เวรความปลอดภัย” หรือ “เวรสมัครใจ” ซึ่งเข้าข่ายสุ่มเสี่ยงขัดมติ ครม.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่