นายโกศล สิงหนาท ผอ.เขตพระนคร กล่าวว่า สำนักงานเขตพระนครได้รับการร้องเรียน กรณีนักท่องเที่ยวถูกกลุ่มคนไร้บ้านข่มขู่เรียกเก็บเงินขณะนำรถมาจอดบริเวณรอบวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร จากนั้นทางเขตได้มีการตรวจสอบกรณีดังกล่าวพบว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีความเกรงว่าหากไม่จ่ายเงินจะได้รับอันตราย จึงเกิดความหวาดกลัว อีกทั้งยังพบว่าบริเวณรอบวัดสุทัศน์ เป็นแหล่งมั่วสุมของคนไร้บ้านที่มักจะมารวมตัวเสพยาเสพติด สร้างความไม่ปลอดภัยแก่เด็กนักเรียน นักศึกษาที่จะต้องผ่านบริเวณดังกล่าว สำหรับแนวทางการแก้ไข ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่เทศกิจสายตรวจชุด 253 ดำเนินการกวดขันอย่างสม่ำเสมอ บริเวณข้างวัดสุทัศน์เป็นประจำทุกวัน วันละ 2 รอบ และได้ติดตั้งป้ายประกาศห้ามจัดเก็บค่าที่จอดรถตามคำสั่งของหัวหน้าฝ่ายเทศกิจ จำนวน 5 ป้าย พร้อมตั้งจุดรับเรื่องร้องเรียนบริเวณพื้นที่ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ได้มีการประสานงานกับสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ เพื่อร่วมตรวจสอบและแก้ไขปัญหาแล้วด้วย“ปกติบริเวณรอบวัด สามารถจอดรถได้ตามปกติในเวลาที่ทางราชการกำหนด และมักจะมีกลุ่มบุคคล ซึ่งไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของ กทม. หรือเจ้าหน้าที่ของวัดเข้ามาทำทีช่วยโบกรถ หลังจากจอดรถเสร็จจะเรียกเก็บเงินเป็นค่าจอดรถ ตั้งแต่ 20-100 บาท หากให้น้อยกว่านั้น หรือไม่ยอมจ่ายจะโมโห ส่งเสียงดัง และแสดงท่าทีไม่รับรองความปลอดภัยของรถที่มาจอดอีก สร้างความกังวลให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่วัด และสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้านในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ หากตรวจพบว่ามีการกระทำดังกล่าวถือว่ามีความผิด โดยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337 ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตน หรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกรรโชก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท” ผอ.เขตพระนครกล่าว.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่